ว่ากันด้วยเส้นสายลายพิมพ์ พระพิมพ์สะดุ้งมารสามเหลี่ยม เนื้อดินเผา ผิวพรรณนุ่มซึ้งสะดุดตา องค์ในคอลัมน์ คนเป็นพระ ดูปราดเดียวก็ตัดสินได้ เป็นพระนางพญา วัดนางพญา พิมพ์ใหญ่เข่าโค้ง ยอดนิยมอันดับหนึ่ง ในจำนวนพระนางพญาพิมพ์มาตรฐานวงการ 6 พิมพ์ด้วยกัน

ขึ้นต้นเหมือนคนขี้โม้ พูดออกจากปากพล่อยๆ...ก็ต้องถกแถลงชี้แจงความเป็นจริงไปทีละขั้น

พระนางพญาวัดนางพญา ค่านิยมเกินล้านไปนาน...ปัญหาแม่พิมพ์ เส้นสาย ตำหนิพิมพ์ ตรงไหน อย่างไร พระปลอมทำตามได้...ไม่ยากนัก

ขืนใช้หลักตำหนิพิมพ์ เหมือนดูเหรียญปั๊ม...ก็เสร็จมัน!

ถึงวันนี้ ข้อชี้ขาดพระนางพญา วัดนางพญาแท้... ก็เป็นเช่นเดียวกับพระชุดเบญจภาคี ทุกองค์ เมื่อพิมพ์ทรงถูกต้อง ตำหนิก็ครบครัน ข้อตัดสินสุดท้าย...อยู่ที่ความเก่าถึงอายุของเนื้อ

โดยอายุพระนางพญาพิษณุโลก อยู่ราวๆ สี่ร้อยปี ค่านิยมสูงมาก โอกาสจับต้องของแท้...ของคนบุญมาวาสนาน้อย...มีน้อย ขอแนะให้เทียบเคียง กับพระชุดขุนแผน กรุวัดบ้านกร่าง เมืองสุพรรณบุรี ซึ่งยังพอพบปะสัมผัสได้

พระบ้านกร่างราคาแม้จะแพงแล้ว ก็ยังอยู่ในหลักหมื่น ขึ้นหลักแสนเฉพาะพิมพ์ใหญ่องค์สวย

เทียบเคียงเส้นสายลายพิมพ์ พระชุดบ้านกร่าง ศิลปะอยุธยายุคกลาง สอดคล้องกับความเชื่อว่า เป็นพระที่สมเด็จพระนเรศวร (องค์ดำ) สมเด็จพระเอกาทศรถ (องค์ขาว) กษัตริย์อยุธยาสองพี่น้องทรงสร้าง

พระนางพญา ที่เชื่อกันว่า สร้างสมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชา สมเด็จพระวิสุทธิกษัตริย์ พระราชบิดาพระราชมารดา สมัยครองพิษณุโลก ช่วงห่างอายุการสร้าง ก็แค่พ่อแม่กับลูก

อ่านประวัติ ก็เชื่อมกันได้สนิท...ช่างฝีมือจากอยุธยากับช่างฝีมือพิษณุโลก...สกุลเดียวกัน

...

เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงไม่แปลก ที่จะเห็นทั้งเส้นสายลายพิมพ์ และสูตรผสมเนื้อพระ ที่เป็นดินผสมกรวดทราย...คล้ายกัน แต่ขนาดที่แตกต่าง บางคนอาจกังขา...ฝีมือสกุลช่างเดียวกัน แน่แค่ไหน?

เริ่มกันที่พระบ้านกร่าง คุณมนัส โอภากุล เขียนไว้ในหนังสือพระเครื่องเมืองสุพรรณ นอกจากผิวพระบ้านกร่าง จะมีข้อสังเกตจากหลุมแร่หลุด เห็นเป็นร่อง เกือบทุกองค์แล้ว โครงสร้างเนื้อในพระบ้านกร่าง ฟ่ามฟ่าว เอาพระจุ่มน้ำแล้ว จะเห็นน้ำพุ่งออกมาเป็นสายๆ เหมือนน้ำที่พุ่งจากออกซิเจนตู้ปลา

พระนางพญา เนื้อละเอียดแน่นกว่า หลุมแร่หลุด มีให้เห็นบ้าง แต่ก็น้อย แต่เมื่อจุ่มน้ำน้ำก็พุ่งขึ้นเป็นสายเหมือนพระบ้านกร่าง ยืนยันว่าโดยโครงสร้างเนื้อพระภายใน หลวมๆคือฟ่ามฟ่าวเช่นเดียวกัน

นอกจากนั้น เกณฑ์เฉลี่ยของเนื้อพระสองเมืองนี้ ก็คล้ายกันอีก ตรงที่มีระดับ ความนุ่มความแกร่ง ลดหลั่น

ใช้หลัก “ตรียัมปวาย” ครูท่านจำแนกเนื้อพระนางพญา ไว้หลายชั้น เริ่มแต่นุ่มเนียนตาที่สุด เนื้อว่านนุ่ม รองลงมาปรากฏเม็ดแร่บ้าง เรียกเนื้อดินนุ่ม และก็ไล่เรียงไปถึงเนื้อดินแกร่ง ฯลฯ เนื้อลุ่ย จนไปถึงเนื้ออิฐ

พระนางพญา พิมพ์ใหญ่เข่าโค้ง องค์ในคอลัมน์ มีจุดเด่น ตรงที่เนื้อท่านนุ่มตามาก แม้ปรากฏส่วนนูนจากเม็ดแร่ให้เห็นบ้าง แต่ก็ยังจัดเป็นเนื้อว่านนุ่มได้

ดูจากภาพเนื้อส่วนที่นูนถูกสัมผัสบ้าง เห็นเงาสว่างซึ้งรำไร แค่จับต้องตอนช่างถ่ายรูป ผิวน้ำผึ้ง (ภาษาคุณมนัส โอภากุล) ก็ปรากฏออกมาชัด พระเนื้อแบบนี้ ถ้าใช้ถูกเหงื่อไคลช้ำ นักเลงเก่าเรียกว่าเนื้อมะขามเปียก

อยากฝึกสายตา เนื้อว่านนุ่ม ดินนุ่ม ดินแกร่ง ต่างอย่างไร ก็ต้องหาซื้อหนังสือของวงการมาดูเทียบเคียง หนังสือเล่มที่รวมนางพญาไว้กว่าสามสี่สิบองค์ เจอเนื้อว่านนุ่ม ได้แค่องค์สององค์เท่านั้น

คำเตือน...ดูให้รู้ นางพญาเนื้อว่านนุ่ม นุ่มแค่นี้ อย่าถือเป็นหลักเนื้อพระแท้...เพราะโดยส่วนใหญ่เนื้อพระนางพญา มีแค่ดินนุ่ม ดินแกร่ง...เผลอยึดมาก จะดูเนื้อชั้นรองเป็นพระปลอม เสียของไปอีก.

พลายชุมพล

คลิกอ่านคอลัมน์ “ปาฏิหาริย์จากหิ้งพระ” เพิ่มเติม