พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์ฐานคู่ พ.ศ.๒๕๐๙ วัดใหม่ อมตรส ของเต่า พระเครื่อง.
สวัสดีท่านผู้ชม วันนี้ขอต้อนรับเดือนที่ 7 กันด้วย พระสมเด็จบางขุนพรหม พ.ศ.๒๕๐๙ พิมพ์ฐานคู่ วัดใหม่อมตรส แขวงบางขุนพรหม เขตพระนคร กทม.
ไม่มีมาดูนาน จนเกือบลืมว่าบางขุนพรหม ปี 09 เป็นพระที่น่าสนใจเวรี่มาก เพราะเป็นพระพิมพ์สมเด็จ ยุคหลัง ซึ่งสร้างตามแบบพิมพ์เดิม ที่พบในกรุองค์พระเจดีย์ใหญ่ และพิมพ์พระที่สร้างขึ้นใหม่ รวม ๑๒ พิมพ์
ได้แก่ ๑.พิมพ์ใหญ่ ๒.พิมพ์เส้นด้าย ๓.พิมพ์ทรงเจดีย์ ๔.พิมพ์เกศบัวตูม ๕.พิมพ์สังฆาฏิ ๖.พิมพ์ปรกโพธิ์ ๗.พิมพ์ฐานคู่ ๘.พิมพ์ฐานแซม ๙.พิมพ์อกครุฑ ๑๐.พิมพ์ไสยาสน์ ๑๑.พิมพ์คะแนน ๑๒.พิมพ์จันทร์ลอย
โดยใช้ช่างผู้มีชื่อเสียงในยุคนั้น ๑.ลุงแฉล้ม บัวเปลี่ยนสี ทำหลายพิมพ์ คล้ายพิมพ์มาตรฐาน แต่แตกต่างที่องค์พระจะดูผอม บอบบางกว่า กับพระพิมพ์พิเศษบางพิมพ์
๒.จ่ามานิตย์ ปฐพี รับผิดชอบแกะแม่พิมพ์มาตรฐานบล็อกวัด กับพิมพ์พิเศษบางพิมพ์ ๓.ช่างเกษม มงคลเจริญ มาช่วยในระยะหลัง ทำแม่พิมพ์พระ ซึ่งมีความคมชัดกว่าคนอื่น
และยังมีแม่พิมพ์พระ ที่ผู้เข้าร่วมงานถอดพิมพ์จากองค์พระกรุดั้งเดิมมาร่วมสร้างด้วย เนื้อปูนเปลือกหอย ผสมมวลสารศักดิ์สิทธิ์ และผงพระสมเด็จยุคต้น ที่แตกหักชำรุด ในสมัยพระครูบริหารคุณวัตร (ชม) เป็นเจ้าอาวาส เพื่อหารายได้บูรณะพระอุโบสถ
เริ่มกดพิมพ์สร้างในพระอุโบสถตั้งแต่ตุลาคม พ.ศ.๒๕๐๘ ถึงปลายเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๐๙ ได้พระ ๘๔,๐๐๐ องค์
แบ่งเป็น ๒ ส่วน ส่วนหนึ่งนำบรรจุกรุ โดยด้านหลังองค์พระปั๊มอักษรคำว่า “บรรจุ” และออกให้ทำบุญองค์ละ ๑ บาท ส่วนที่สอง ออกให้ทำบุญ นำกลับบ้าน ด้านหลังปั๊มตราหมึกเป็นรูปองค์พระเจดีย์ ราคาองค์ละ ๑๐ บาท ยกเว้นพิมพ์ไสยาสน์ ๒๕ บาท--กับแบบเป็นกล่องชุด ๑๑ พิมพ์ (ยกเว้นพิมพ์ไสยาสน์) ๑๐๐ บาท
...
ปัจจุบัน รุ่น 09 ได้รับความนิยมสูงขึ้นๆ อย่างพิมพ์ใหญ่มาตรฐาน ถึงหลักแสน พิมพ์นิยมรองลงมา อย่างองค์นี้ ของ เสี่ยเต่า พระเครื่อง หลักหมื่นกลางๆ
รายการที่สอง เป็นระดับขุนพลพระกรุ พระเก่า พิมพ์นั่งอันดับ ๑ ของเมืองลพบุรี พระหูยาน พิมพ์ใหญ่ เนื้อชินเงิน วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ อ.เมือง จ.ลพบุรี ๑ ใน ๕ พระยอดขุนพลพิมพ์นั่ง
พบครั้งแรก ที่กรุต้นกำเนิด เมื่อราวปี พ.ศ.๒๔๕๐ ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เรียกว่า “พระกรุเก่า” ซึ่งจะมีผิวเนื้อสีดำ มีปรอทขาวจับอยู่ในซอกลึก เมื่อสัมผัสใช้ก็จางหาย ต่อมาปี พ.ศ.๒๕๐๘ มีพระแตกกรุจำนวนมาก จากเจดีย์องค์เล็ก หน้าองค์พระปรางค์ใหญ่เดิม เรียก “พระกรุใหม่” เป็นพระพิมพ์เดียวกัน เนื้อเดียวกัน ขนาดองค์ จุดตำหนิเหมือนกันเป๊ะ
พิมพ์พระมีพิมพ์ใหญ่ (หน้ายักษ์) พิมพ์กลาง พิมพ์เล็ก พิมพ์บัวสองชั้น พิมพ์สองชั้นรัศมี และพิมพ์จิ๋ว ซึ่งมีน้อยมากๆ อานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ มีประสบการณ์สร้างชื่อเสียงเด่นชัดด้านคุ้มครองป้องกันภัยถึงคงกระพันชาตรี กับด้านเมตตามหานิยม ก็ไม่เป็นรองใคร
องค์นี้ของ “โป๊ยเสี่ย” ไชยทัศน์ เตชะไพบูลย์ ที่วงการเรียกว่า “นาย” เป็นพระสภาพสมบูรณ์สวยแชมป์ผิวปรอทเดิมๆ วาววับ จับเต็มร้อย แบบหาองค์เทียบยาก
ตามมาด้วย พระปิดตา พิมพ์เศียรกลม (เข่ากลม) หลังยันต์ หลวงปู่ภู่ วัดนอก อ.เมือง จ.ชลบุรี
หลวงปู่ภู่มีอายุร่วมสมัยหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ มีประวัติว่า ท่านธุดงค์มาถึงเมืองชลฯพร้อมกัน แล้วแยกไปจำพรรษาที่วัดนอก ใกล้ๆกับวัด เครือวัลย์ และสร้างพระปิดตาด้วยเนื้อผงคลุกรัก
...
ซึ่งมวลสารรูปแบบคล้ายๆพระปิดตาหลวงพ่อแก้ว แต่แบบพิมพ์มีเอกลักษณ์ แตกต่างชัดเจนที่การนั่งสมาธิเป็นแบบขาซ้ายทับขาขวา ที่เรียกว่า “ทับกลับ”
แยกพิมพ์เป็น ๔ แบบคือ ๑.ขาซ้ายทับขาขวา ปลายเท้าซ้ายช้อนขึ้นไปยังข้อศอกซ้าย ๒.ขาซ้ายทับขาขวา ปลายเท้าซ้ายตวัดลงมาแตะเท้าขวา
๓.เท้าขวาทับซ้าย คางสองข้างกลมมน ปลายเชื่อมต่อกัน ๔.พิมพ์มหาอุดมีมือ ๒ ข้าง ประสานปิดท้อง เรียก “รัดประคด” ด้านหลังประทับยันต์ มีทั้งบัณเฑาะว์ ยันต์อุขึ้น อุลง (อุชี้ฟ้าชี้ดิน) มีทั้งอุใหญ่อุเล็กและอุเหลี่ยม ที่มักพบในพิมพ์มหาอุด และที่พบเป็นหลังเรียบก็มีบ้าง แต่น้อยมาก เนื้อละเอียดเนียนแน่นสีน้ำตาลไหม้ถึงดำ
หลวงปู่ภู่มรณภาพเมื่อปี พ.ศ.๒๔๔๑ ปัจจุบันพระปิดตาของท่านทุกพิมพ์ได้รับความนิยมเป็นอันดับ ๒ รองจากพระปิดตาหลวงพ่อแก้ว ในตระกูลพระปิดตา ๕ เสือเมืองชล ราคาหลักล้าน ถึงหลายๆล้าน
สำหรับองค์งามๆดูง่ายๆ อย่างองค์นี้ ของ เสี่ยเพชร-อิทธิ ชวลิตธำรง ซึ่งเป็นองค์ดาราของพิมพ์ เป็นพระในแบบพิมพ์ที่ ๓ (เข่ากลม) สภาพสมบูรณ์ สวยเยี่ยม
...
องค์ที่สี่เป็น พระพิมพ์กรมหลวงชุมพรฯ เนื้อผงคลุกรักปิดทอง พระครูวิสุทธิศีลาจารย์ (หลวงปู่พริ้ง) วัดบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ
จัดสร้างตอนเสด็จเตี่ยท่านได้มา เป็นศิษย์ เรียนวิชาพุทธาคมกับหลวงพ่อพริ้ง ท่านจึงสร้างพระพิมพ์นี้เป็นที่ระลึก ราวปี พ.ศ.๒๔๖๐-๗๐ โดยใช้ตราสัญลักษณ์ประจำองค์เสด็จเตี่ย กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ที่เป็นรูปพระนารายณ์ถือพระขรรค์ ทรงม้า มาเป็นแบบ
พิมพ์ด้วยเนื้อผงคลุกรัก เคลือบรัก ปัจจุบันได้รับความนิยมสูงเป็นพระพิมพ์หายากสุดๆ องค์งามๆ สภาพสมบูรณ์เดิมๆ แบบองค์นี้ของ เสี่ยหนึ่ง ปริตต์ ต้องมีหลายแสน
...
รายการต่อไปดูรูปถ่ายขาว-ดำ ซีเปียติดกระจก หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท ซึ่งเป็นรูปถ่ายพระเกจิฯยอดนิยมเบอร์ต้น และถ่ายทันอายุหลวงปู่ศุข
ท่านนั่งสมาธิแบบ สะดุ้งกลับ ที่ศิษย์สายตรงบอกกันว่า บูชาพระเครื่องของ ขลังอะไรที่ท่านสร้าง ก็ไม่อุ่นใจเท่ามีภาพ ถ่ายรูปท่านใช้บูชาอยู่ในคอ เข้าที่คับขัน นึกถึงหน้าท่านได้ทันใจทันเวลา โดย เฉพาะภาพถ่ายยุค แรกๆที่มีประสบการณ์บันดาลเรื่องร้ายกลายเป็นดีได้อย่างฉมัง และยังดูขลัง ไม่เหมือนรูปถ่ายสมัยใหม่ ที่กดถ่ายได้ง่ายดายจากมือถือ แต่ไม่มีเสน่ห์ความขลัง
เวลาดวงตกดวงต่ำ เชื่อกันว่าถ้าได้ภาพท่านมาใช้บูชา อธิษฐานให้ท่านช่วย ดวงจะกลับมาดีได้อย่างอัศจรรย์ ดูของจริงได้ที่ เสี่ยสถิต ราชบุรี
อีกสำนัก เป็น เหรียญเสมา หลังยันต์ตรีนิสิงเห เนื้อเงิน พ.ศ. ๒๕๑๗ อายุ ๘๘ ปี หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี เขตบางกอกใหญ่ กทม.
หลวงปู่เป็นชาวคลองบางน้อย ต.บางพรหม อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม เกิดปี ๒๔๓๐ บวชเณรบวชพระตั้งแต่อายุ ๑๗ ปี ที่วัดประดู่ฉิมพลี กรุงเทพฯ โดยหลวงพ่อแสง วัดปากน้ำภาษีเจริญ เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อผ่อง วัดนวลนรดิศ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลวงพ่อเชย วัดกำแพง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้นามฉายา “อินทสุวัณโณ”
และศึกษาพระปริยัติธรรมและวิปัสสนากรรมฐานกับ พระอาจารย์พรหม ที่วัดประดู่ฉิมพลี และศึกษาเพิ่มเติมกับหลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ จ.สมุทรสาคร และหลวงพ่อเนียม วัดน้อย จ.สุพรรณบุรี และต่อมา หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค แนะนำให้ไปฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อโหน่ง วัดอัมพวัน อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ซึ่งท่านยกย่องเป็นพระอาจารย์ใหญ่ของท่าน
ด้วยอุปนิสัยสนใจใฝ่รู้ มีความขยัน มุ่งมั่นรักความเจริญก้าวหน้า ท่านจึงศึกษาสรรพวิชากับพระเกจิฯผู้มีชื่อเสียงแห่งยุคอีกมากมาย อาทิ หลวงพ่อพุ่ม วัดบางโคล่ นอก พระอาจารย์ดำ หลวงพ่อหมี จ.สมุทรสาคร ท่านจึงพร้อมด้วยสรรพวิชาอาคม
ในปี พ.ศ.๒๕๒๑ ได้รับสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราช ที่พระราชสังวราภิมณฑ์ มีอายุถึง พ.ศ.๒๕๒๔ ก็ละสังขาร รวมสิริอายุ ๙๓ ปี ๑๐ เดือน ๒๒ วัน พรรษา ๗๒
ตลอดอายุท่านสร้างพระเครื่อง วัตถุมงคลไว้มากมาย ล้วนได้รับความนิยมสูง แยกเป็นพระยุคแรก ซึ่งเป็นพระเนื้อผงพุทธคุณ ๑๓ แบบพิมพ์
ได้แก่ ๑.พระสมเด็จ ๓ ชั้นพิมพ์ขาโต๊ะ ๒.พระสมเด็จพิมพ์ ๗ ชั้น ๓.พระสมเด็จ ๓ ชั้นหูบายศรี พิมพ์ใหญ่ กับพิมพ์ต้อ ๔.พระสมเด็จปรกโพธิ์ ๖ ขีดกับ ๘ ขีด ๕.พระสมเด็จพิมพ์แหวกม่าน ๖.พิมพ์ซุ้มประตู ๗.พระพิมพ์ซุ้มเรือนแก้ว (ซุ้มชินราช)
๘.พระพิมพ์วัดพลับ (วันทาเสมา) ๙.พระพิมพ์ลำพูน (พระคง) ใหญ่-เล็ก ๑๐.พระพิมพ์หยดแป้ง (หยดน้ำ) ๑๑.พระพิมพ์กลีบบัวเล็ก ๑๒.พระพิมพ์กลีบบัว ๑๓. พระพิมพ์บัวเล็บช้าง (กลีบบัวตัด)
ถึงปี พ.ศ.๒๕๑๐ จึงได้สร้างพระเครื่องเป็นเหรียญรูปท่านรุ่นแรก และพระ เครื่องรุ่นต่างๆ ในรูปแบบที่หลากหลาย
และ เหรียญเสมา รุ่นฉลองอายุ ๘๘ ปี เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๗ เป็นเหรียญปั๊มรูปทรงเสมา ด้านหน้าเป็นรูปจำลององค์ท่านนั่งสมาธิเต็มองค์ ด้านหลังเป็นยันต์ตรีนิสิงเห มีเนื้อโลหะ ๕ ชนิด คือ ๑.เนื้อทองคำ ๑๙๙ เหรียญ ๒.เนื้อนาก ๕๐ เหรียญ ๓.เนื้อเงิน ๕๐๐ เหรียญ ๔.เนื้อนวโลหะ ๑,๕๐๐ เหรียญ ๕.เนื้อทองแดง ๒๐,๐๐๐ เหรียญ
อันนี้เป็นเหรียญเนื้อเงิน ๑ ใน ๕๐๐ เหรียญ สภาพสวยแชมป์ และยังมีลายมือหลวงปู่โต๊ะจารอักขระกำกับไว้เป็นพิเศษด้วย จึงเรียกราคาได้สูงกว่าอันอื่นเยอะเรยย์
อีกเหรียญคือ เหรียญกองพันโคราช พ.ศ.๒๕๑๘ หลวงพ่อเกษม เขมโก สำนักสงฆ์สุสานไตรลักษณ์ จ.ลำปาง ของ เสี่ยโหน่ง กาดเมฆ
เป็นเหรียญยอดนิยม รุ่นแรกๆ ปีลึกๆ ในสกุลเหรียญหลวงพ่อเกษม มีเนื้อทองคำ เนื้อเงิน เนื้อนวโลหะ และเนื้อทองแดง มี ๒ พิมพ์ คือ พิมพ์ใหญ่ กับพิมพ์เล็ก
องค์นี้เป็นพิมพ์ใหญ่ เนื้อทองคำ ที่สร้างน้อย ตามจำนวนผู้สั่งจอง ปัจจุบันมีผู้แสวงหามาก จนราคาสูงใกล้ถึงหลักล้านแล้วจ้า
สุดท้ายคือ พระพุทธรูปบูชา ยุคเชียงแสน เมืองนครฯ หน้าตัก ๗'' ของ (เฮียลิ้ง หาดใหญ่) บุญส่ง ธาดาประดิษฐ์
ฟอร์มทรง พุทธศิลป์โดยรวมเป็นแบบชียงแสน ที่มีจุด เด่นตรงการนั่งแบบปางมารวิชัยสมาธิเพชร พิจารณาลงรายละเอียด ในเส้นศิลป์จะมี ศิลปะพระเมืองใต้ผสมอยู่มาก ที่ชัดเจนเป็นนิ้วพระหัตถ์ ที่ยาวแหลมอ่อนช้อย อย่างที่เรียกว่า “นิ้วมโนราห์” --หน้าตัก ๗'' เป็นขนาดนิยม ที่ปัจจุบันหายากมากๆ ราคาราวครึ่งล้าน
เรื่องปิดท้ายสบายๆของเราวันนี้ เล่าถึง เสี่ยชัยวัฒน์ ข้าราชการระดับหัวหน้ากอง ซึ่งชอบสะสมพระเครื่องของขลังมาตั้งแต่สมัยหนุ่มๆ ถึงตอนนี้จึงมีพระสะสมกว่าร้อยองค์ องค์ไหนมั่นใจ เป็นพระดังมีราคา ที่วงการนิยมเล่น และมั่นใจว่าแท้ ก็จะเอาไปเลี่ยมทำตลับทองอย่างดี ซึ่งมีอยู่สิบกว่าองค์
เมื่อต้นเดือนที่ผ่าน ลูกชายอยากเปลี่ยนรถ จึงขอเงินไปดาวน์ ๒๐๐,๐๐๐ บาท พ่อก็เห็นว่าคันเก่าลูกใช้มานาน ต้องซ่อมบ่อย จึงตัดสินใจเอาพระองค์เลี่ยมทองที่สะสมไว้ ให้ลูกนำไปขาย กำชับว่าอย่าให้เสียเปรียบคนซื้อ โดยเขียนบอกราคาแต่ละองค์ไปคร่าวๆพร้อมย้ำว่าขายพอได้เงินค่าดาวน์รถก็พอ องค์ที่เหลือเอากลับมา เก็บรักษาให้ดี
ลูกชายก็ดีใจที่จะได้รถใหม่ รีบหอบพระออกจากบ้านไปแต่เช้า กลับมาตอนเย็นพร้อมรถคันใหม่ เอาพระที่เหลือมาคืน พ่อก็ยิ้มพูดโอ่ว่า เห็นไหมพระพ่อเก็บไว้ มีประโยชน์ขายเป็นเงินได้เวลาต้องการ
ลูกชายส่ายหน้า บอกพระพ่อขายไม่ได้สักองค์ เพราะเขาดูแล้วเก๊หมด ที่ผมขายได้ เป็นตลับทองใส่พระ ที่คนซื้อเขาชมว่าเป็นตลับร้านดังฝีมือดี นี่ผมถอดขายไปยังไม่หมด เหลือสองสามองค์ ได้เงินพอแล้วผมจึงเอามาคืนพ่อตามสั่ง
พ่อรับพระมาดูทำหน้าจ๋อย บอกเก๊หมดเลยเหรอ ลูกชายพยักหน้า เสี่ยชัยวัฒน์ ฝืนยิ้ม บอกแก้เก้อว่า ก็ยังดีที่ตลับพระขายได้ แต่ก็เพราะพระท่านช่วย ทำให้พ่อดูว่าเป็นพระแท้ถึงเอาไปเลี่ยมทองไว้ ม่ายงั้นก็ไม่มีเงินดาวน์รถให้แกร็อก--สรุปโมเมมั่วได้ว่า ถึงพระจะเก๊ แต่ก็มีดี เจ้าค่ะ อามิตตพุทธ.
สีกาอ่าง