เปิดสนามพระวิภาวดี กันด้วยคำสอนของเจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เรื่องการดับความโกรธ ว่า “ผู้ให้อภัยง่าย ก็คือไม่โกรธง่าย ดังนั้น ผู้ที่ปรารถนาจะฝึกจิตให้ไม่โกรธง่าย จึงต้องฝึกตนให้เป็นผู้มีเหตุผล ให้คิดหาเหตุผล เพื่อให้เกิดความเห็นใจผู้ที่ตนอยากจะโกรธ เมื่อเห็นใจด้วยเหตุผลแล้วจะได้ไม่โกรธ จะได้อภัยในความผิดพลาดของเขา นั่นคือ ให้คิดหาเหตุผล เพื่อให้เกิดเมตตาต่อผู้ที่อยากจะโกรธนั่นเอง”
ไปดูกันว่า วันนี้มีหลวงพ่อสำนักไหนมาบ้าง องค์แรกเลยก็ตื่นตา เพราะเป็น พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์สังฆาฏิ วัดใหม่อมตรส กทม. องค์ “หน้าใหม่” ที่สวย สภาพสมบูรณ์
...
หลายคนอาจค้านว่าไม่เห็นสวยเท่าสมัยก่อน ก็ต้องยอมรับความจริงว่า พระสมเด็จ พระเบญจภาคี เป็นพระเครื่องทรงค่า แม้มีราคาสูง แต่พระแท้ดูง่ายองค์งามๆก็จะถูกซื้อขายเปลี่ยนมือจากเซียน ถึงมือนักนิยมตัวจริง ที่ซื้อเก็บแบบไม่มีออกอีกเลย ในระยะ ๓๐ ปีที่ผ่านมา
พระแท้ องค์ครู พระแชมป์องค์ดัง จึงแทบจะเกลี้ยงตลาด และก็ซื้อแบบเงียบกริบ ไม่อยากให้เป็นข่าว ไม่อยากถูกรบกวน ยิ่งซื้อแพง ก็ยิ่งเงียบ
ต่างจากสมัยก่อน ที่มีการซื้อขายพระองค์แพง จะต้องมีการกระจายข่าว เพราะส่วนใหญ่ซื้อเพื่อเก็งกำไร
ทำให้ปัจจุบันไม่ค่อยมีภาพพระองค์งามระดับตำนานมา ที่ยังพอมีมา ก็จะเป็นพระที่มีความงามประมาณองค์นี้ของ เสี่ยจักษ์เวช ตันติรัศมี ซึ่งเป็นพระหน้าใหม่ ที่ยังมีการเคลื่อนไหว ซื้อ-ขาย
องค์ที่สอง ก็สำนักเดียวกัน พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์เส้นด้าย ซึ่งตอนแรก พอเห็นภาพก็ดีใจ เพราะเป็นพระแท้ดูง่าย มีเสน่ห์ แต่พอดูข้อความที่บอกว่า เป็นพระชำรุด ก็เสียดายมาก
แต่ขนาดดูภาพอย่างเพ่งพินิจ ก็ไม่ยักเห็นร่องรอย จึงต้องยกประโยชน์ให้ เสี่ยดำริห์ โรจนพาณิชย์วงศ์ (คุ้ม โสนลอย) เจ้าของพระ ชี้แจงกับท่านผู้ชมที่สนใจอยาก ดูองค์จริงกันเองว่า ชำรุดตรงไหน ซ่อมไว้อย่างไร เพราะบอกว่ามีฟิล์มเอกซเรย์ เป็นหลักฐาน แสดงความตรงไปตรงมา
องค์ต่อไปเป็น พระยอดขุนพล เนื้อดินเผา กรุวัดไก่ ต.ทะเลชุบศร อ.เมือง จ.ลพบุรี สุดยอดพระกรุพระเก่า พุทธศิลป์สมัยลพบุรี ต้นตำรับพระพิมพ์ “ยอดขุนพล”
...
ค้นพบครั้งแรก ราวปี พ.ศ. ๒๔๘๙-๙๐ ที่วัดไก่ ซึ่งมีประวัติว่า เป็นวัดที่สร้างขึ้นสมัยอยุธยาตอนต้น เคยมีความเจริญรุ่งเรืองมาก ปัจจุบันเป็นวัดร้าง เหลือเพียงซากปรักหักพัง กับฐานองค์พระเจดีย์ ที่มีปูนปั้นรูปไก่อยู่โดยรอบ ทำให้เรียกว่า วัดไก่
วัดนี้ ถูกนักขุดค้นพระเครื่องของมีค่ามืออาชีพยุคนั้น บุกหลายครั้ง ได้พระเครื่องของมีค่าออกมามากมาย
ในส่วนของพระเครื่อง มีหลายยุคหลายแบบพิมพ์ ทั้งพุทธศิลป์สมัยลพบุรีขนานแท้ และพุทธศิลป์สมัยอยุธยา ซึ่งเชื่อกันว่าพระสมัยลพบุรี ถูกนำมาบรรจุรวมกับพระสมัยอยุธยา คราวสร้างองค์พระเจดีย์ เช่นเดียวกับที่วัด พระศรีรัตนมหาธาตุ จ.ลพบุรี
ถึงจะมีพระมากมายหลายแบบพิมพ์ แต่ที่ได้ชื่อเรียกเป็น พระยอดขุนพล เป็นเฉพาะพระพิมพ์ที่มีความอลังการ องค์พระประทับนั่งทรง เครื่องอย่างกษัตริย์ เหนือฐานบัว ภายในซุ้มเรือนแก้วเท่านั้น
เนื้อพระ มี ๓ เนื้อคือชินเงินองค์ใหญ่สุด ชินตะกั่ว ขนาดย่อม และเนื้อดินเผา ลักษณะเป็นพระพิมพ์พุทธศิลป์สมัยลพบุรี องค์ขนาดเขื่อง สูง ๗ ซม. กว้าง ๔ ซม.
ด้านหน้าเป็นองค์พระประทับนั่งปางมารวิชัย ภายในซุ้มเรือนแก้ว เหนือฐานบัวสองชั้น มีองค์พระทรงเครื่อง แบบสวมมงกุฎทรงเทริด สวมกำไลพระพาหา ข้อ พระกร ข้อพระบาท
พระเนื้อดิน แบบองค์นี้ของ เสี่ยเพชรอิทธิ ชวลิตธำรง มีพบทั้งพิมพ์ใหญ่ กลาง เล็ก เนื้อดินค่อนข้างหยาบ แต่แน่นแกร่ง ด้านหลังส่วนใหญ่เป็นรอยตอกปาด แบบองค์นี้ที่กล่าวได้ว่า งามสมบูรณ์สุดๆ เป็นองค์แชมป์ของตระกูล
...
รายการต่อไปเป็น พระรอดพิมพ์ต้อ กรุวัดมหาวัน อ.เมือง จ.ลำพูน ที่เห็นปุ๊บก็บอกได้เลยว่า พระแท้ ดูง่าย สภาพสมบูรณ์ สวยเดิมๆเป็นองค์ครู ทั้งฟอร์มทรง พิมพ์พระ เนื้อมวลสาร สภาพคราบกรุ
เด่นสุดที่ความละเอียดของเนื้อ ที่เป็นดินกรอง ปราศจากเม็ดกรวดเม็ดทรายเจือปน หนึกนุ่มแน่นแกร่ง บอกอายุ ถึงยุคอย่างเป็นธรรมชาติ ตามเอกลักษณ์ เนื้อพระรอด
และมีสีเนื้อโทนแดง ซึ่งเป็นสีนิยมหายากมากๆ องค์นี้ของ เสี่ยวีระชัย ไชยเจริญ ที่กำลังเนื้อหอม เพราะพระดีมีคุณภาพระดับนี้ มีคนอยากได้เยอะ
ต่อด้วย พระปิดตา พิมพ์หูกระต่าย เนื้อเมฆพัตร พระครูปาจิณทิศบริหาร “หลวงปู่นาคโชติโก” วัดห้วยจระเข้ อ.เมือง จ.นครปฐม
...
อมตะพระเกจิอาจารย์แห่งเมืองพระปฐมเจดีย์รูปนี้ ได้ชื่อเป็นปฐมาจารย์ที่มีวิชาพุทธาคมเข้มขลัง ขมังเวท มีอาวุโสสูงเป็นที่เคารพของทั้ง หลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว และพระเกจิฯร่วมยุคสมัย สายวิชาอาคม
เห็นได้จาก พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงแต่งตั้งท่านเป็น ๑ ใน ๔ พระผู้พิทักษ์องค์พระปฐมเจดีย์ โดยพระราชทานสมณศักดิ์ให้ท่านเป็น พระครูปาจิณทิศบริหาร
ท่านเริ่มสร้างพระปิดตา ยุคแรกๆ ราวปี พ.ศ.๒๔๓๕ เพื่อมอบผู้ร่วมกุศลสร้างวัด ซึ่งยังไม่มีแบบพิมพ์แน่นอน ใช้วิธีปั้นหุ่น ขึ้นพิมพ์ เทหล่อ เป็นพระปิดตา ลอยองค์ มีทั้งเนื้อเมฆพัตร สัมฤทธิ์ ชินตะกั่ว
พอท่านสร้างวัดสำเร็จ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา ชื่อ วัดโชติการาม หรือวัดห้วยจระเข้ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๔๓ ท่านจึงได้สร้างพระปิดตา เนื้อเมฆพัตร พิมพ์มาตรฐาน ๒ แบบ คือ พิมพ์หูกระต่าย (ท้องแฟบ) กับพิมพ์สะดือจุ่น (ท้องป่อง) ด้วย เนื้อเมฆพัตร
ซึ่งเป็นเนื้อโลหะ ผสมทองแดง ทองเหลือง และมีแร่ธาตุตามสูตร ผสมเข้าด้วยปรอท ตั้งเตาหลอม ควบคุมกำกับด้วยพระเวทพุทธาคมชั้นสูง
พอสำเร็จเป็นเนื้อเมฆพัตร ก็เทหล่อเป็นองค์พระเนื้อสีเทาอมดำ เนียนแน่น มีวาวปรอทในเนื้อ ด้านข้างองค์พระไม่มีตะเข็บขอบข้าง บางองค์มีแต่งตะไบนิ้วมือและด้านก้น
ทุกองค์ หลวงพ่อปลุกเสกกำกับ ลงจารอักขระลายมือรอบองค์เอง พบมากสุดมีถึง ๒๘ ตัว รอยจารเป็นเส้นเล็กเรียว สีเนื้อโลหะในร่องเส้นกลับกลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกับองค์พระ เป็น ๑ ในจุดพิจารณาพระแท้ที่สำคัญ
พระปิดตา วัดห้วยจระเข้ เป็นพระปิดตาเนื้อเมฆพัตร ยอดนิยมอันดับ ๑ และได้รับการยกย่องเป็น ๑ ใน ๕ พระปิดตาเบญจภาคี เนื้อโลหะ ด้วยรูปแบบพิมพ์พระ เนื้อโลหะที่เป็นสูตรสำเร็จเฉพาะตัว ลายมือลงจารอักขระเลขยันต์ ที่เปรียบเสมือนการันตีของผู้สร้าง
และอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ ที่มีประสบการณ์ เป็นที่กล่าวกันสืบมาว่า มีพุทธคุณ ทั้งคงกระพันชาตรี มหาโชค มหาลาภ เมตตามหานิยม
ปัจจุบันเป็นพระปิดตาท่ีมีผู้แสวงหากันมากแต่น้อยคนจะได้ เพราะจำนวนพระแท้ที่มีน้อยมาก เพียงหลักสิบต้นๆ
องค์สมบูรณ์สวยแชมป์ พิมพ์ใช่ เนื้อชัด จารชัวร์ อย่างองค์ในภาพนี้ ของ เสี่ยต่อ สตางค์ ราคาจึงว่ากันที่หลักหลายล้านมานานแล้ว
อีกรายการเป็นเหรียญรุ่นแรก พ.ศ.๒๔๘๓ เนื้อเงิน พระครูธัญญะนครเขมกิจ (หลวงพ่อช้าง) วัดเขียนเขต จ.ปทุมธานี เหรียญพระเกจิยอดนิยม ราคาหลักล้าน อันดับ ๑ ของปทุมธานี
มีศักดิ์ศรีเทียบชั้นได้กับเหรียญพระเกจิฯยอดนิยมแถวหน้าของวงการ จนกล่าวกันว่า นักนิยมพระเครื่องเมืองปทุม เหรียญพระเกจิยอดนิยมองค์ไหน ก็ไม่ได้รับความชื่นชมเท่าผู้มีเหรียญหลวงพ่อช้าง วัดเขียนเขต ยิ่งเป็นเหรียญสวยคม สภาพแชมป์ เดิมๆแบบเหรียญนี้ของ เสี่ยอ้วน ลอยฟ้า ฝั่งธนฯหาไม่ง่าย
อีกสำนักเป็นพระพุทธ เนื้อไม้ด้ามตาลปัตร หลวงพ่อปาน วัดบางกระสอบ จ.สมุทรปราการ อมตะ พระเกจิอาจารย์แห่งเมืองสมุทรปราการ มีชื่อเสียงเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ร่วมยุคสมัย หลวงพ่อปาน วัดคลองด่าน
ท่านเป็น ต้นตำรับวิชา สร้างพระปิดตา วัดบางกระสอบ ที่ถ่ายทอดวิชาถึง หลวงพ่อเชย ที่ทำพระปิดตาให้มีชื่อเสียงแพร่หลาย
วัตถุมงคลที่ หลวงพ่อปาน สร้างไว้ มีทั้งพระปิดตา และองคตที่มีอานุภาพเป็นเลิศด้านมหาอำนาจ เมตตามหานิยม อีกทั้งยังช่วยค้ำจุน พยุงดวงชะตาชีวิตผู้ใช้บูชามิให้ตกต่ำ
สำหรับพระ องค์นี้ ของ เสี่ยเบิ้ล ท่าพระจันทร์ ทำจากด้ามตาลปัตร แกะเป็นองค์พระนั่งปางสมาธิ อุดฐานด้วยชันนะโรง
ศิลปะการแกะเป็นฝีมือช่างเดียวกับองคต ที่มีผู้รู้สายขลัง ให้ข้อมูลว่า พระเครื่องของขลังที่ทำจากไม้ด้ามตาลปัตร จะมีอานุภาพคุ้มครองป้องกันให้แคล้วคลาดภัย และบันดาลเรื่องร้ายให้กลายเป็นดีได้อย่างชะงัด
สุดท้ายเป็น เหรียญนาคปรก ใบมะขาม เนื้อนวโลหะ พ.ศ.๒๕๑๗ หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง เป็นอีกรุ่นที่สร้างชื่อเสียงได้รับความนิยมสูง
นิยมเรียกกันว่า “พระปรกองค์จ้อย” ตามคำกล่าวของ หลวงปู่ทิม ที่บอกกับศิษย์ว่า ปรกองค์จ้อย มีพุทธคุณดีด้านมหาอุดคงกระพันชาตรี
มีแม่พิมพ์ ๓ บล็อก คือ พิมพ์หน้าใหญ่ (มีเฉพาะเนื้อทองแดง) พิมพ์หูขีด และพิมพ์หน้าแตก-หูขีด ปั๊มช่วงหลัง มีรอยแตกที่หน้าพระ มีเนื้อทองคำ เนื้อเงิน และเนื้อนวโลหะ แบบองค์นี้ของ เสี่ยอนุศักดิ์ กิติศิริสวัสดิ์
มาถึงเรื่องปิดท้ายกันแล้ว ว่ากันถึง เสี่ยวิบูลย์ เจ้าของโรงไม้ ที่เสียชีวิตไปเมื่อปลายปีก่อน ซึ่งตอนอยู่เป็นผู้มีรสนิยม ใช้ของดีมียี่ห้อ และก็ชอบสะสมพระเครื่องแบบซื้อเองดูเอง
หลัง เสี่ยวิบูลย์ จากไป เมียก็อยู่กับลูกชายคนเดียวชื่อ ยิ่งยศ ซึ่งอยากซื้อรถ มาร้องขอกับแม่ แต่แม่กำลังกลุ้มที่รายได้ที่ลดลง รายจ่ายสูงขึ้น จึงพูดตัดรำคาญ ว่าแม่ไม่มีเงิน ถ้าอยากได้ ก็ไปเอาพระของพ่อแกในกระเป๋าในห้องทำงานไปขาย ได้เท่าไรก็เท่านั้น เอาไปจัดการซื้อรถเอาเองก็แล้วกัน
นายยิ่งยศ ฟังแล้วก็พยักหน้าดีใจ รีบเดินเข้าห้องทำงาน คว้ากระเป๋าเดินตัวปลิวออกจากบ้านไป ๓ วัน กลับมาพร้อมรถเก๋งคันใหม่ป้ายแดง
แม่เห็นก็ทักว่า ยังดีที่พ่อแกมีพระเก็บไว้ให้ขายได้เป็นรถมาทั้งคัน แต่ลูกเกาหัว ส่ายหน้าบอกว่า พระที่พ่อเก็บไว้ทั้งหมด มีพระแท้ ขายได้ ๕ องค์ แค่ ๓ หมื่น นอกนั้นเกือบร้อยองค์เก๊หมด
แต่ที่ขายได้ ๑๐๐,๐๐๐ บาท มาดาวน์รถคันนี้ เป็นกระเป๋าหลุยส์ วิตตอง ที่ใส่พระ ว่าแล้วก็ยื่นถุงผ้าที่ใส่พระเก๊ให้แม่ พร้อมอ้อนแม่ ให้ช่วยผ่อนรถให้ด้วย เจ้าค่ะ อามิตตพุทธ.
สีกาอ่าง