กระทรวงมหาดไทย จัดกิจกรรม Coaching ผ้าลายพระราชทาน “ผ้าลายสิริราชพัสตราภรณ์” ประจำปี 2568 เพื่อพัฒนาศักยภาพและยกระดับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาผ้าไทยและงานหัตถกรรม รวมถึงสร้างรายได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนแก่ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ประเภทผ้าและเครื่องแต่งกาย ช่างทอผ้าและงานหัตถกรรม ทั่วทุกภาคในประเทศ ในจุดดำเนินการที่ 2 ภาคตะวันออก เฉียงเหนือ ณ จังหวัดอุบลราชธานี โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ร่วมพบปะและให้กำลังใจผู้ผลิต และผู้ประกอบการผ้าและงานหัตถกรรม ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างกว่า 200 คน ที่มาร่วมกิจกรรม ณ โรงแรมสุนีย์แกรนด์ จ.อุบลราชธานี เมื่อเร็วๆนี้ ในงาน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย กล่าวว่า นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา พระราชทานแนวพระดำริผ้าไทยใส่ให้สนุก และพระราชทานลายผ้าลวดลายต่างๆมากมาย พร้อมทั้งทรงพระกรุณาโปรดให้ผู้เชี่ยวชาญด้านผ้าและงานหัตถกรรม ลงมาเป็นโค้ช พัฒนาทักษะให้กับพี่น้องผู้ประกอบการผ้าและงานหัตถกรรม ทำให้เรารู้จักการออกแบบลวดลายที่ทันสมัย สามารถสวมใส่ได้ในทุกโอกาส เป็นการนำภูมิปัญญาผ้าไทยมาพัฒนาให้เกิดผลงานอันทรงคุณค่าและเป็นที่ต้องการของตลาดมากยิ่งขึ้น พระองค์ท่านทรงมีพระวินิจฉัยในเรื่องการทำผลิตภัณฑ์ (Product) ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋า รองเท้า เครื่องใช้อุปโภคบริโภค ทั้งของแฟชั่นและของใช้ประจำวันด้วย และยังจะได้นำองค์ความรู้ไปพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าและงานหัตถกรรม เพื่อส่งเข้าประกวดผ้าลายพระราชทานและงานหัตถกรรมระดับภาค และระดับประเทศต่อไป “การที่เราจะทำให้ผ้าไทยหรือผลงานหัตถกรรมได้มีการยกระดับเพิ่มมากขึ้น นั่นหมายความว่า คนไทยเราจะได้มีทางเลือกในการเลือกใช้สินค้าไทย ซึ่งไม่มีอะไรประเสริฐไปกว่า “ไทยทำไทยใช้” สิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดผลดีต่างๆมากมาย ทั้งในเรื่องของเศรษฐกิจเงินทองไม่รั่วไหลออกนอกประเทศผลดีในเรื่องของการสร้างรายได้ให้กับพวกเราคนไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างมาก นอกจากนี้ พระองค์ท่านไม่ได้ทรงมีพระดำริเพียงเฉพาะแต่เรื่องผ้าไทยเท่านั้น พระองค์ท่านทรงมีพระวินิจฉัย ในเรื่องการทำผลิตภัณฑ์ต่างๆ เป็นกระเป๋า รองเท้า เครื่องใช้อุปโภคบริโภค ทั้งของแฟชั่นและของใช้ประจำวันด้วย จึงเป็นที่มาของการมา coaching จากอาจารย์ผู้มีความสามารถด้านศิลปกรรม และการออกแบบ ความสวยงามของผ้าและผลิตภัณฑ์จะเกิดขึ้นได้ด้วยการประยุกต์ เพราะถ้าเราทำแต่ผ้าซิ่น ผ้านุ่งอย่างเดียว ผู้บริโภคก็จะลำบากใจที่จะใส่ เราจึงต้องประยุกต์ให้มีความทันสมัยเข้ากับคนทุกช่วงวัย มีคุณภาพดี ราคาดี เกิดความสวยงาม และยกระดับเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ให้สวยงามขึ้น ละเอียดขึ้น เพราะคำว่า “ละเอียด” คือจุดขาย ยิ่งถ้าผ้าไม่มีรอย ไม่มีตะเข็บ ไม่มีรอยขีดข่วนแม้แต่นิดเดียว คนก็ยิ่งสนใจซื้อ และเราก็จะได้ช่วยกันส่งเสริมเวทีช่องทาง การตลาดให้มีเวทีผ้าไทยทั้งระดับภาค งาน OTOP ระดับประเทศ การ Coaching ในวันนี้จึงเป็นสิ่งที่สำคัญและเป็นความหวัง ความสำเร็จที่จะเกิดขึ้นในอนาคต” ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการพัฒนาชุมชน จะดำเนินการจัดกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP (Coaching) อย่างต่อเนื่องในจุดที่ 3 จ.อุดรธานี วันที่ 22 เม.ย. ที่ผ่านมา และจุดที่ 4 ที่ จ.สงขลา ในวันที่ 26 เม.ย.68 และจุดสุดท้าย ที่ จ.เชียงใหม่ ในวันที่ 7 พ.ค.68.อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” เพิ่มเติม