สร้างเสน่ห์จากคอนเซปต์อาหารและการตกแต่ง ด้วยอิทธิพลของโปรตุเกสในยุคที่เคยเป็นเจ้าอาณานิคมอินเดีย ห้องอาหารนิลา (NILA) ชั้น 4 โรงแรมอมารี กรุงเทพ พานักชิมไปสัมผัสศาสตร์และศิลป์การทำอาหารแนวชายฝั่งทะเลของอินเดีย โดยเฉพาะแถบเมืองกัวและชายฝั่งทะเลมะละบาร์ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอินเดีย ซึ่งรุ่มรวยไปด้วยศิลปวัฒน ธรรม จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

“นิลา” ชื่อนี้สื่อถึงสีของน้ำทะเลตามแนวชายฝั่ง ทั้งสถาปัตยกรรมและอาหารอินเดียตามแนวชายฝั่งนี้ได้รับอิทธิพลและมีกลิ่นอายของโปรตุเกสเต็มๆ ทันทีที่มาเยือนจะได้พบกับค็อกเทล บาร์ประดับกระจกโมเสก ที่ดีไซน์อิงจากสถาปัตยกรรมและรูปแบบของโบสถ์ในเมืองกัว ส่วนด้านในได้แรงบันดาลใจการตกแต่งจากสีสันสดใสของสถาปัตยกรรมเมืองกัวและมนต์เสน่ห์แห่งชายฝั่งมะละบาร์ ผสมผสานเข้ากับความคลาสสิกในแบบแดนภารตะดั้งเดิม มีโซนครัวที่เปิดโล่งเป็นโอเพ่น คิตเชน ให้ชมฝีมือการปรุงอาหารของทีมเชฟ ภายใต้การนำของหัวหน้าเชฟคนดัง “บารัธ ชรินดาร์ บัต” ผู้อุทิศตนให้กับการรังสรรค์อาหารอินเดียร่วมสมัยตลอดชีวิต

...

“นิลา” ตั้งใจนำเสนอวัฒนธรรมการกินอันหลากหลายตามแถบชายฝั่งทะเลของอินเดียอย่างมีเอกลักษณ์ ครอบคลุมตั้งแต่อินเดียตะวันออกไปจนถึงอินเดียตะวันตก วัตถุดิบสำคัญคือความสดของอาหารทะเล โดยเน้นรสชาติที่แตกต่างกันของแต่ละรัฐตามแนวชายฝั่ง เพิ่มเสน่ห์ด้วยความหอมของมะพร้าวและเครื่องเทศ รสจัดจ้านจากอิทธิพลของโปรตุเกส

เมนูซิกเนเจอร์ยกให้ “ซาร์” (saar) พริกแดงรมควันย่างถ่าน และซุปกระเทียมกับมะเขือเทศสด เสิร์ฟพร้อมสลัดกุ้ง หรือจะลิ้มลองเมนูจากพื้นที่ชายฝั่งทะเลของรัฐมหาราษฏระ ส่วนหนึ่งของมณฑลโกนกัน และเมนูยอดนิยมจากเมืองกัว เช่น “พิริพิริกุ้งย่างไฟ” (Peri Peri Jheenga) เสิร์ฟพร้อมมะเขือเทศรมควันและชัทนีย์พริกหวาน

นอกจากนี้ ยังมีเมนูจากชายฝั่งมะละบาร์ ได้แก่ “Kozhi Chuttathu” ไก่อ่อนหมักด้วยโยเกิร์ตนำมาย่างถ่าน แล้วรมควันด้วยเครื่องเทศและพริกแดง, “Truffle Madras Curry Chop” แกงซี่โครงแกะใส่น้ำมันเห็ดทรัฟเฟิล, “Daab Chingri” กุ้งกุลาดำจากเบงกอล ปรุงและเสิร์ฟในมะพร้าวสด และล็อบสเตอร์ย่างคลุกกับเนยใสรสเผ็ด สำหรับเมนูแกะมีให้เลือกสองแบบคือ สไตล์โกลกาตาจะเสิร์ฟกับน้ำมันมัสตาร์ด หรือสไตล์ไฮเดอราบัด ที่ปรุงด้วยวิธีเฟลมเบ้จุดไฟลุกท่วม เสิร์ฟกับเกลือสีชมพู.

...

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่