• Future Perfect
  • Articles
  • จับ "ขยะอิเล็กทรอนิกส์" 10 ตู้คอนเทนเนอร์ ลอบนำเข้าผ่านท่าเรือแหลมฉบัง

จับ "ขยะอิเล็กทรอนิกส์" 10 ตู้คอนเทนเนอร์ ลอบนำเข้าผ่านท่าเรือแหลมฉบัง

Sustainability

ความยั่งยืน15 ม.ค. 2568 16:10 น.

กรมศุลกากรจับกุม "ขยะอิเล็กทรอนิกส์" สินค้าต้องห้ามนำเข้า เนื่องจากเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม ที่ท่าเรือแหลมฉบัง 10 ตู้คอนเทนเนอร์ น้ำหนักกว่า 256 ตัน

วันที่ 15 ม.ค. 68 นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร นายจักกฤช อุเทนสุต รองอธิบดีกรมศุลกากร ร่วมแถลงข่าว กรมศุลกากรจับกุม “ขยะอิเล็กทรอนิกส์” นำเข้าทางท่าเรือแหลมฉบังจำนวน 10 ตู้คอนเทนเนอร์ น้ำหนักกว่า 256 ตัน ณ สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุร

นายพันธ์ทอง เปิดเผยว่า ตามนโยบายของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ให้ความสำคัญกับการป้องกันและปราบปรามการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อความปลอดภัยด้านสุขภาพของประชาชน โดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้สั่งการให้กรมศุลกากรเฝ้าระวังการลักลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ นายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรเฝ้าระวังและเร่งรัดปราบปรามสินค้าประเภทขยะอิเล็กทรอนิกส์ ในการนำเข้าและนำผ่านราชอาณาจักร

จากการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดมาโดยตลอด พบว่าอาจมีการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ผ่านทางท่าเรือแหลมฉบัง เมื่อวันที่ 3 และ 6 ม.ค.68 กรมศุลกากร โดยกองสืบสวนและปราบปรามร่วมกับสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ตรวจสอบตู้สินค้าต้องสงสัย จำนวน 10 ตู้คอนเทนเนอร์ ที่ท่าเรือแหลมฉบัง พบว่า มีการแสดงข้อมูลในใบขนสินค้าเป็น "เศษโลหะและโลหะเก่าใช้แล้ว" เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ

เจ้าหน้าที่จึงอายัดตู้สินค้าดังกล่าวเพื่อตรวจสอบโดยละเอียด ผลการตรวจสอบ พบว่า สินค้ามีต้นกำเนิดจากญี่ปุ่น จำนวน 9 ตู้ และฮ่องกง จำนวน 1 ตู้ ภายในพบ เศษชิ้นส่วนอุปกรณ์หรือส่วนประกอบของเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ไม่ได้ มีสภาพเป็นเศษขยะอิเล็กทรอนิกส์ ปริมาณกว่า 256,320 กิโลกรัม

สินค้าดังกล่าวถือเป็นของต้องห้ามตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ขยะอิเล็กทรอนิกส์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2563 มีผลบังคับใช้วันที่ 15 ก.ย.63 และถือเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ต้องได้รับอนุญาตให้นำเข้าจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม และการนำเข้าสินค้าดังกล่าวต้องปฏิบัติตามอนุสัญญาบาเซล ว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายและการกำจัดของเสียอันตรายข้ามแดนกรณีเป็นความผิดตามมาตรา 202 มาตรา 244 ประกอบมาตรา 252 มาตรา 243 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 และพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 มาตรา 5 วรรคสอง มาตรา 18 วรรคสอง มาตรา 23 และมาตรา 73 ประกอบประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย พ.ศ. 2556 บัญชีที่ 5.2 ของเสียเคมีวัตถุ ลำดับที่ 2.18 ชิ้น

ส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์หรือเศษชิ้นส่วนอุปกรณ์ หรือส่วนประกอบของเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ไม่ได้ และอนุสัญญาบาเซล ว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายและการกำจัดของเสียอันตรายข้ามแดน

สำหรับสถิติการจับกุมของที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม ในปีงบประมาณ 2568 (1 ตุลาคม 2567 - 14 มกราคม 2568) ได้แก่ ขยะอิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 19 คดี น้ำหนัก 256,643 กิโลกรัม เศษพลาสติก จำนวน 6 คดี น้ำหนัก 322,980 กิโลกรัม รวมทั้งหมด 25 คดี น้ำหนัก 579,623 กิโลกรัม สำหรับในปีงบประมาณ 2567 จับกุมขยะเทศบาล จำนวน 9 คดี น้ำหนัก 1,259,942 กิโลกรัม

โฆษกกรมศุลกากร กล่าวต่ออีกว่า นอกจากขยะอิเล็กทรอนิกส์ กรมศุลกากรยังเฝ้าระวังสินค้าที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพและสุขอนามัยของประชาชนอื่น ๆ ด้วย เช่น เศษพลาสติก ซึ่งเป็นไปตามประกาศของกระทรวงพาณิชย์ที่ห้ามนำเข้าเศษพลาสติก ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568

SHARE

Follow us

  • |