จุดเปลี่ยนในชีวิตของคนเราอาจมาจากสถานที่ บุคคล หรือเหตุการณ์บางอย่าง เหมือนอย่างเส้นทางชีวิตของ “นภาพร รับรู้” เด็กหญิงที่เคยอยู่ในชนบทห่างไกลของจังหวัดเชียงใหม่ เติบโตในปัจจุบันที่ได้ทำตามความฝันบนเส้นทางการเป็นคุณครูของโรงเรียนบ้านสันป่าเกี๊ยะ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ด้วยหลักยึดที่ถูกสอนมาว่าด้วยเรื่องของความกตัญญู จากบุคคลและสถานที่เป็นแบบอย่างในการใช้ชีวิตช่วงวัยเยาว์
บ้านเกิดของคุณครูนภาพรอยู่ในพื้นที่ชนบทที่ห่างไกลที่หลายคนเรียกว่าพื้นที่ชายขอบ ในอำเภอแม่อาย และมีฐานะยากจน แต่ยังมีโอกาสที่ดีที่สุดจากสถานที่สำคัญคือ โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 12 (บ้านเอก) อยู่ใกล้บ้านซึ่งในพื้นที่รู้กันดีว่า โรงเรียนแห่งนี้มีมูลนิธิไทยรัฐอุปถัมภ์ ตามปณิธานของท่านกำพล วัชรพล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ที่สร้างขึ้นเพื่อให้โอกาสเด็กนักเรียนในพื้นที่ห่างไกล
คุณครูนภาพรเล่าย้อนถึงเรื่องราวความประทับใจในวัยเด็กว่า การเข้าเรียนที่โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 ทำให้มีโอกาสรู้จักคุณครูที่เคารพและศรัทธา คือคุณครูจารุณี และคุณครูวรสรวง สุทธิสวรรค์ ซึ่งคุณครูจารุณีเป็นครูประจำชั้น และคุณครูวรสรวงที่ได้ก่อตั้งชุมนุมนาฏศิลป์ของโรงเรียน
“มีโอกาสได้เห็นความสวยงามของชมรมนาฏศิลป์ ก็อยากไปเรียนรู้กับครู ซึ่งที่นี่ไม่ใช่แค่สอนการฟ้อนรำแต่สอนทุกอย่าง สอนการใช้ชีวิต สอนทุกอย่างที่ให้เป็นคนดีของสังคม ถ้าทำตัวไม่น่ารัก ก็ได้รับการอบรม ขัดเกลาให้เป็นคนดี เป็นโอกาสที่ได้รับ และอยากเป็นแบบคุณครู”
คำสอนที่ทำให้คุณครูนภาพรยังจดจำและใช้เป็นหลักการดำเนินชีวิต คือ เรื่องความกตัญญู สอนให้รู้ที่มาของตัวเอง อย่างที่คุณครูโรงเรียนไทยรัฐวิทยาได้เล่าเรื่องราวของ ผอ.กำพล วัชรพล ทำให้นักเรียนได้รับรู้ที่มาของโรงเรียน และรู้ถึงปณิธานของท่านผอ.กำพล ที่ต้องการให้โอกาสการศึกษากับเด็กในพื้นที่ห่างไกล และไม่เพียงการเรียนด้านวิชาการ แต่ยังมีวิชาที่สามารถต่อยอดการใช้ชีวิตในอนาคตด้วย
จากโอกาสที่ได้เข้าเรียนนาฏศิลป์ในโรงเรียนไทยรัฐวิทยา เมื่อจบ ม.3 จึงไปเรียนต่อที่โรงเรียนรัตนาเอื้อวิทยา อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ด้วยทุนเรียนดี และความสามารถพิเศษด้านการฟ้อนรำ ที่ส่งเสริม หาโอกาสให้ได้รับทุนโดยคุณครูของโรงเรียนไทยรัฐวิทยา
เมื่อมาเรียนมัธยมปลายที่โรงเรียนรัตนาเอื้อวิทยา ยังทำให้ได้รับการช่วยเหลือจากคุณครูชินลพ ชุ่มวารี อาจารย์สอนฟิสิกส์ สอนพิเศษให้ฟรี พอจบ ม.6 ก็สอบเข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คณะศึกษาศาสตร์ ตามแบบอย่างของคุณครูจารุณี และคุณครูวรสรวง
มุ่งมั่นทำให้สำเร็จ คือการตอบแทนผู้มีพระคุณที่ดีที่สุด
ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน การปลูกฝังเรื่องความกตัญญู สอนให้รู้ที่มาของตัวเอง กลายเป็นพลังทำให้คุณครูนภาพรก้าวเดินในแต่ละจังหวะชีวิตของตัวเองได้อย่างมั่นคง และเป็นไปตามเป้าหมาย
“ก่อนเข้ามหาวิทยาลัย ก็ต้องอ่านหนังสืออย่างหนัก เพราะรู้ว่าตัวเองอ่อน และมหาวิทยาลัยที่จะเข้านั้นมีคุณภาพสูง มีความกดดันตัวเอง เพราะแบกความหวัง และความฝันของเรา เราแค่อยากให้ผู้มีพระคุณในชีวิตเราภูมิใจ
การผ่านความกดดันมาได้ ก็แค่ตั้งใจทำให้เต็มที่ ใช้ความที่เราอยากตอบแทน นึกถึงหน้าคนที่เรารัก และคนที่อยากให้เราประสบความสำเร็จมาเป็นแรงผลักดัน จริงๆ แล้วไม่ได้กดดันมาก แต่แค่อยากทำให้ได้”
พลังนี้ทำให้คุณครูนภาพรเรียนจบในปีการศึกษา 2566 ในวัย 22 ปี และปัจจุบันผ่านการสอบคัดเลือกเป็นครูผู้ช่วยของโรงเรียนบ้านสันป่าเกี๊ยะ มาแล้วกว่า 3 เดือน สอนวิชาภาษาไทย ชั้น ป.2 ป.3 และสอนวิชาวิทยาศาสตร์ชั้น ป.4 และ ป.6 และแน่นอนสอนในชุมนุมนาฏศิลป์ด้วย
จากเด็กนักเรียนในพื้นที่ชายขอบ และการได้เป็นครูในพื้นที่ห่างไกลนี้ คุณครูนภาพรเล่าได้อย่างเห็นภาพว่า โรงเรียนในชนบทของไทยยังขาดแคลนสิ่งอำนวยความสะดวก ขาดแคลนระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน บางวันไม่มีไฟฟ้า ก็ไม่ปรินท์เอกสารมาใช้งาน ยิ่งโรงเรียนห่างไกลมีเด็กจำนวนน้อย งบประมาณก็น้อยตามจำนวนของเด็กนักเรียน การจัดการเรียนการสอนทำได้ไม่เต็มที่ ไม่เท่ากับเด็กในพื้นที่ที่มีความพร้อมกว่า
แม้จะท้อใจบ้าง เพราะสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานไม่เป็นไปตามที่คิด แต่ในฐานะครูก็จะพยายามให้เด็กได้รับเต็มที่
“อยากเป็นกำลังใจให้เด็กในพื้นที่ด้อยโอกาส อยากให้ตั้งใจทำตามความฝัน ที่สำคัญต้องไม่ลืมที่มา และสำนึกในพระคุณของคน คนที่รู้สำนึกพระคุณของคนย่อมเจริญ เชื่อคำนี้ และจำคำนี้มาตลอดไม่ว่าอยู่ที่ไหน ความกตัญญูจะทำให้เวลาเราทำอะไร จะนึกถึงคนที่รักเรา และเป็นแรงบันดาลใจให้เราประสบความสำเร็จได้ในที่สุด”
อ่านเรื่องราวศิษย์เก่าโรงเรียนไทยรัฐวิทยาเพิ่มเติม :
