- ผู้เชี่ยวชาญสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย อธิบายความหมายของ "เอลนีโญ" และ "ลานีญา"
- วิธีการตั้งรับเมื่อ "ลานีญา" กำลังมาแทน "เอลนีโญ"
กลายเป็นคำคุ้นเคยสำหรับใครหลายคนไปแล้ว เมื่อพูดถึง เอลนีโญ (El Niño) และ ลานีญา (La Niña) แต่หลายคนยังไม่แน่ใจว่า แท้ที่จริงแล้วสองคำนี้มีที่มาที่ไปและหมายความถึงอะไร รวมทั้งผลกระทบจากปรากฏการณ์ทั้งสองที่จะเกิดกับประเทศไทยและการดำรงชีวิตของเราว่ามีอะไรบ้าง
ขณะที่ ดร.จีรนุช ศักดิ์คำดวง ผู้เชี่ยวชาญสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย หรือ TEI ได้เรียบเรียงข้อมูลพร้อมอธิบายความหมายของ 2 คำนี้ให้ชัดเจนและเข้าใจง่าย พร้อมชี้แนะการเตรียมพร้อมและตั้งรับ ดังนี้
ความหมาย "เอลนีโญ" และ "ลานีญา"
"เอลนีโญ" หมายถึง เด็กชายในภาษาสเปน ชาวประมงในประเทศเปรูและเอกวาดอร์ ได้เริ่มใช้คำนี้มาหลายร้อยปีแล้ว เพื่อเรียกปรากฏการณ์ที่น้ำทะเลอุ่นขึ้นผิดปกติในช่วงก่อนเทศกาลคริสต์มาสและทำให้จับปลาได้น้อยลง ส่วนปรากฏการณ์ที่ตรงข้ามกันเรียกว่า "ลานีญา" ซึ่งหมายถึงเด็กผู้หญิง ใช้เรียกปรากฏการณ์ที่อุณหภูมิผิวน้ำทะเลเย็นลงอย่างเป็นวงกว้าง นับตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นมา
ขณะที่ปรากฏการณ์เอลนีโญ ส่งผลให้ทั่วโลกเผชิญกับความแห้งแล้ง ปริมาณฝนต่ำกว่าปกติ และอุณหภูมิสูงกว่าปกติ ในทางกลับกันปรากฏการณ์ลานีญาที่กำลังจะเข้ามาแทน จะทำให้มีฝนตกมากกว่าปกติ และอากาศจะหนาวเย็นกว่าปกติ ปรากฏการณ์ลานีญาเกิดขึ้นได้ทุก 2–3 ปี และปกติจะเกิดขึ้นนานประมาณ 9–12 เดือน แต่บางรอบอาจปรากฏอยู่นานถึง 2 ปี
หน่วยงานด้านอุตุนิยมวิทยาในหลายประเทศ คาดการณ์ว่าผลกระทบจากปรากฏการณ์ลานีญาจะเริ่มเห็นได้ชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2024 ต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า สำหรับประเทศไทยนั้นปรากฏการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ปริมาณฝนของประเทศไทยส่วนใหญ่สูงกว่าปกติ โดยเฉพาะช่วงฤดูร้อนและต้นฤดูฝนของปีหน้า เป็นระยะที่ลานีญามีผลกระทบต่อปริมาณและความชุกของฝนของประเทศไทยชัดเจนกว่าช่วงอื่น และทุกภาคของประเทศจะมีอุณหภูมิต่ำกว่าปกติในทุกฤดู ซึ่งหากปรากฏการณ์ลานีญาที่จะเกิดขึ้นมีกำลังปานกลางถึงรุนแรง จะส่งผลให้ปริมาณฝนของประเทศไทยสูงกว่าปกติมากขึ้นและเผชิญกับอุณหภูมิต่ำกว่าปกติมากขึ้น
สำหรับเทคโนโลยีในปัจจุบันที่สามารถพยากรณ์สภาพอากาศได้แม่นยำและทันต่อเหตุการณ์ ช่วยให้ประชาชนทั่วไปและผู้มีหน้าที่ในการวางแผนและกำหนดนโยบายสามารถเตรียมความพร้อมเพื่อตั้งรับกับผลกระทบจากปรากฏการณ์ลานีญาได้อย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเมือง ชนบท ภาคเกษตรกรรม หรือการเตรียมพร้อมรับภัยพิบัติที่จะเกิดจากปริมาณน้ำฝน เช่น น้ำท่วม น้ำป่าไหลหลาก หรือดินโคลนถล่ม
เตรียมพร้อมรับมือ "ลานีญา"
ทั้งนี้ การเตรียมพร้อมในส่วนของเมืองสามารถเน้นไปที่การเตรียมตัวรับมือกับปริมาณน้ำฝนที่จะเพิ่มมากขึ้น ปรับปรุงและขุดลอกระบบระบายน้ำและคูคลอง เพราะการจัดหาพื้นที่ลุ่มรับน้ำในเขตเมืองอาจไม่ใช่เรื่องง่าย ขณะเดียวกันพายุฝนที่บางครั้งมาพร้อมกับลมกระโชกแรงอาจทำความเสียหายต่อป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ที่ไม่แข็งแรง ส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่น
ดังนั้นผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องต้องเร่งกวดขัน เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น อุทกภัยที่อาจเกิดขึ้นจากปรากฏการณ์ลานีญาจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชนบทและพื้นที่เกษตรกรรมเป็นวงกว้าง เกษตรกรอาจจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนชนิดของพืชที่ปลูกเพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับผลกระทบจากปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มขึ้นและอุณหภูมิที่จะลดต่ำลงในช่วงของปรากฏการณ์ดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ว่านอกจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนและภาคการผลิตของประเทศแล้ว ปรากฏการณ์เอลนีโญและลานีญาก็เป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เกิดสภาพอากาศสุดขั้วและความแปรปรวนของสภาพอากาศ การเตรียมพร้อมรับมือที่ดีคือการทำความเข้าใจ สร้างความรู้แก่สังคมในวงกว้าง ไม่ตื่นตระหนก และหาแนวทางปรับตัวที่เหมาะสมภายใต้สภาพแวดล้อมของตน.