ผู้ว่าฯ ชัชชาติ เยี่ยมห้องเรียนสู้ฝุ่นระดับดีเลิศ โรงเรียนวัดวิมุตยาราม เล็งนำต้นแบบมาขยายผลสู่ 437 โรงเรียน กทม. พร้อมให้ความรู้กับเด็กและผู้ปกครอง เพื่อให้ต่อสู้และรับมือกับฝุ่นได้
วันที่ 20 ธ.ค. 66 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม ห้องเรียนปลอดฝุ่น ระดับดีเลิศ ห้องเรียนสู้ฝุ่น สสส. ที่โรงเรียนวัดวิมุตยาราม เขตบางพลัด
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า เรื่องฝุ่นเป็นเรื่องสำคัญ โดยแบ่งเป็น 2 เรื่อง คือ การสู้ฝุ่นและการลดฝุ่น การลดฝุ่นต้องลดที่แหล่งกำเนิดฝุ่น คือ รถยนต์ ซึ่งการดำเนินการอาจจะไม่ได้ผล เนื่องจากช่วงนี้อากาศปิดทำให้ค่าฝุ่นยังสูงอยู่ จึงต้องหันมาดูแลเรื่องของสุขภาพกลุ่มเปราะบางก็คือเด็กในโรงเรียน ซึ่งหากเด็กรับฝุ่นเข้าไปมากๆ จะทำให้ฝุ่นอยู่ในร่างกายนานกว่าผู้ใหญ่และผู้สูงอายุเนื่องจากอายุยังน้อย จึงเป็นที่มาของการสร้างห้องเรียนปลอดฝุ่นเพื่อให้เด็กตระหนักรู้ถึงที่มาและอันตรายของฝุ่น PM 2.5 รวมถึงวิธีป้องกัน นอกจากนี้เรายังให้ความรู้แก่คุณครู ผู้ปกครอง และชุมชน ซึ่งผลที่ได้คือทุกคนจะสามารถต่อสู้และรับมือกับฝุ่น PM 2.5 ได้ดีขึ้น
ด้วยเหตุนี้ กทม. จึงร่วมมือกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และกรมอนามัย จัดห้องเรียนปลอดฝุ่น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยป้องกันเด็กกลุ่มเปราะบาง คือ เด็กชั้นอนุบาล ที่อาจจะยังใส่หน้ากากอนามัยไม่ได้ และยังซุกซนอยู่ โดยห้องปลอดฝุ่นดังกล่าวในวันนี้ได้รับรางวัลระดับดีเลิศจาก สสส. เนื่องจากสามารถกรองฝุ่นเหลือค่าเพียงกว่า 10 มคก./ลบ.ม. เท่านั้น เมื่อเทียบกับภายนอกห้องที่มีค่ากว่า 30 มคก./ลบ.ม. ซึ่ง กทม. จะเร่งขยายผลห้องปลอดฝุ่นให้ครบทุกโรงเรียนต่อไป
สำหรับผู้ปกครองบางท่านที่เป็นห่วงว่าทำไมค่าฝุ่นหนาแน่นในกรุงเทพฯ แล้วไม่ให้เด็กหยุดอยู่บ้าน ต้องบอกว่า เด็กบางคนที่บ้านไม่มีห้องปรับอากาศ อีกทั้งบางคนยังออกมาวิ่งเล่นด้านนอกบ้านได้ การสร้างพื้นที่ปลอดภัยในโรงเรียนและอยู่ในการดูแลของคุณครูจึงอาจทำให้เด็กมีความปลอดภัยจากฝุ่น PM 2.5 มากกว่าอยู่บ้าน ซึ่งหากเรามีความเข้าใจในปัญหา และได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เราจะสามารถรับมือและแก้ปัญหาของเมืองได้ดีขึ้น ทั้งนี้ กทม. จะนำไปเป็นต้นแบบและขยายผลไปสู่ทุกโรงเรียนต่อไป
ด้าน นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเสริมว่า ในปัจจุบัน กทม. มีห้องเรียนสำหรับเด็กอนุบาล 1,743 ห้อง กทม.เร่งดำเนินการห้องเรียนปลอดฝุ่นแล้ว 758 ห้อง รวมแล้ว กทม.ดำเนินการสำเร็จกว่า 46% โดยตั้งเป้าหมายให้มีห้องปลอดฝุ่นครบทั้ง 437 โรงเรียนในสังกัด กทม. โดยผลักดันให้ห้องดังกล่าวมีเครื่องปรับอากาศและเครื่องฟอกอากาศในรูปแบบห้องปลอดฝุ่น (Cleaner air shelter) ตามคำแนะนำของกรมอนามัยที่สามารถ “กั้น” ฝุ่นข้างนอกไม่ให้เข้ามาในห้องโดยการอุดรอยรั่วของห้อง “กรอง” ฝุ่นในห้องโดยใช้เครื่องกรองอากาศ “ดัน” ฝุ่นออกไปจากห้องโดยการนำอากาศจากข้างนอกห้องที่กรองแล้วเข้ามาในห้อง
อีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญคือการเผยแพร่ความรู้และนำหลักสูตรเรื่องฝุ่น PM 2.5 รวมถึงหลักสูตรอื่นๆ มาใส่ในหลักสูตรวิชาหลักให้เด็กได้เรียนเพื่อเป็นการปลูกฝังความรู้ให้เกิดความตระหนักรู้ และส่งต่อความรู้ไปสู่ครอบครัวและชุมชน.