- ส่องนโยบายสิ่งแวดล้อม "พรรคเพื่อไทย" ยืนยันเจตนารมณ์ธำรง รักษาสิ่งแวดล้อมของประเทศ
- 17 แนวปฏิบัติแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 เพื่อทวงคืนอากาศสะอาด
- เปิดแผนรับมือวิกฤติด้าน "สิ่งแวดล้อม" ที่กำลังจะเกิดขึ้น ทั้งระยะสั้นและระยะยาว
ภายหลังจากการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ในวาระเรื่องด่วน การพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โหวตเห็นชอบให้ "นายเศรษฐา ทวีสิน" แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย เป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ด้วยคะแนน เห็นชอบ 482 เสียง ไม่เห็นชอบ 165 เสียง งดออกเสียง 81 เสียง
หากย้อนดูนโยบายของ "พรรคเพื่อไทย" พบว่ามีหลายนโยบายที่ต้องการทำเพื่อช่วยเหลือประชาชน โดยหนึ่งในนั้นเป็น "นโยบายด้านสิ่งแวดล้อม" ซึ่งเป็นสิ่งที่คนไทยให้ความสนใจในการแก้ปัญหาดังกล่าวกันเป็นจำนวนมาก โดยมีนโยบายสิ่งแวดล้อมที่น่าสนใจ มีดังนี้
ทวงคืนอากาศสะอาด แก้ปัญหา PM 2.5 ที่ทุกต้นตอ
หัวใจของการปราบฝุ่นคือ การผลักดัน พ.ร.บ.อากาศสะอาดเพื่อสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน สร้างความร่วมมือระหว่างทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงวางโครงสร้างให้พร้อมต่อการรับมือ เน้นที่การเจรจาระหว่างประเทศตัดปัญหาที่ต้นตอ
แก้ไขปัญหาระยะสั้นทันที หน่วยงานรัฐต้องแจ้งเตือนค่าฝุ่นล่วงหน้าให้ประชาชนวางแผนได้ กรณีฝุ่นสูงจะมีการอพยพกลุ่มเสี่ยงให้ไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย แบบเดียวกับที่รับมือกับภัยพิบัติอื่นๆ พร้อมทั้งแจกหน้ากากให้กลุ่มเปราะบาง รวมถึงสั่งหยุดโรงเรียนเพื่อลดความเสี่ยง
ระยะกลาง เพื่อไทยจะประสานกับกรมชลประทานให้ปล่อยน้ำเข้านาหลังฤดูเก็บเกี่ยวเพื่อเปลี่ยนตอข้าวให้เป็นปุ๋ย สำหรับอ้อยจะประสานโรงงานน้ำตาลให้ลงทุนตัดอ้อยไถกลบแทนการเผา ควบคู่กันไปจะมีการปลูกต้นไม้เพื่อดักจับฝุ่น และจูงใจให้คนหันมาใช้รถพลังงานสะอาด ด้วยมาตรการทางภาษี
ส่วนระยะยาว ต้องมีการบังคับใช้ พ.ร.บ.อากาศสะอาดฯ ให้ท้องถิ่นมีบทบาทในการจัดการปัญหาฝุ่น บังคับใช้กฎหมายกับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เจรจากับเพื่อนบ้านเพื่อร่วมกันยุติปัญหาฝุ่นทั้งในประเทศและข้ามพรมแดน รวมถึงพัฒนานวัตกรรมเครื่องมือเกษตร เก็บเกี่ยวและขุดกลบที่ไม่ต้องเผา เพื่อจัดการฝุ่นให้ถึงต้นตอ
17 แนวปฏิบัติแก้ปัญหาฝุ่น เพื่อทวงอากาศสะอาด
1.เตรียมโครงสร้างพื้นฐาน
ระยะสั้น
- แจ้งเตือนเมื่อฝุ่นหนัก
- แจกหน้ากากให้กลุ่มเปราะบาง
ระยะกลาง
- ปลูกต้นไม้ช่วยฟอกอากาศ
ระยะยาว
- พัฒนาเครื่องมือการเกษตรเก็บเกี่ยว-ขุดกลบไร้เผา
2.ออกกฎหมายและมาตรการ
ระยะสั้น
- สั่งหยุดโรงเรียนเมื่อค่าฝุ่นสูง
- ดับไฟป่าทั้งปี
ระยะกลาง
- ออกกฎหมายควบคุมการสร้างมลพิษของไซต์ก่อสร้าง
- ใช้ภาษีจูงใจให้เปลี่ยนมาใช้รถพลังงานสะอาด
- ปรับเงินอุตสาหกรรมรายใหญ่ที่ก่อฝุ่น
ระยะยาว
- ผลักดัน พ.ร.บ.อากาศสะอาดเพื่อสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน บูรณาการทุกภาคส่วน และเพิ่มบทบาทท้องถิ่น
- ออกแบบผังเมืองใหม่ เพื่อลดการจราจร
3.ประสานงานร่วมใจ
ระยะสั้น
- ย้ายกลุ่มเสี่ยงไปยังศูนย์อพยพที่มีเครื่องฟอกอากาศ
- ส่งกำลังและอุปกรณ์จากกองทัพ-มหาดไทย ช่วยดับไฟ
ระยะกลาง
- ให้กรมชลประทานปล่อยน้ำเข้านาหลังเก็บเกี่ยวข้าว ให้ตอข้าวเน่าเป็นปุ๋ย ไม่ต้องเผา
- ประสานโรงงานน้ำตาลให้ลงทุนตัดอ้อยไถกลบแทนการเผา
ระยะยาว
- เจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน ช่วยกันหยุดฝุ่นข้ามพรมแดน
- ตั้งคณะกรรมการครบทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดการเรื่องฝุ่นร่วมกัน
ขณะที่ นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย เคยกล่าวเนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก 5 มิถุนายน 2566 ว่า พรรคเพื่อไทย ขอยืนยันเจตนารมณ์ธำรงรักษาสิ่งแวดล้อมของประเทศ ขจัดมลพิษทั้งปวง ที่จะมีผลกระทบต่อสุขภาพ การทำมาหากิน คุณภาพชีวิต และเศรษฐกิจของพี่น้องประชาชนไทย ทั้งระยะสั้นและระยะยาว พร้อมแผนรับมือวิกฤติด้านสิ่งแวดล้อมที่กำลังจะเกิดขึ้น ดังตัวอย่าง "นโยบายด้านสิ่งแวดล้อม" ที่ประกาศไปแล้วชัดเจน คือ
1. น้ำจะไม่ท่วม ไม่แล้ง เตรียมการล่วงหน้ารองรับภัยเอลนีโญที่กำลังจะเกิดต่อเนื่อง ความร้อนที่ขยับสูงขึ้นในรอบ 4-5 ปีต่อไปนี้ เพื่อให้ประชาชนมีน้ำกินน้ำใช้ตลอดปี ในปริมาณและเวลาที่ต้องการ ด้วยนโยบายการจัดการน้ำทั้งระบบ
2. คืนอากาศสะอาด คืนคุณภาพชีวิต คืนศักดิ์ศรีการดำรงอยู่ของคนไทย ด้วยนโยบายแก้วิกฤติ PM 2.5 ที่ต้นตอ ผนึกกำลังภาครัฐและเอกชน พร้อมสร้างข้อตกลงร่วม เจรจาระหว่างประเทศจัดการปัญหาร่วมกัน รวมทั้งผลักดันออกกฎหมายอากาศสะอาด
3. สร้างพื้นที่สีเขียวคุณภาพ ฟื้นฟูระบบนิเวศ ด้วยนโยบายเร่งรัดออกโฉนด แก้กฎหมาย พิสูจน์สิทธิ จัดหาที่ทำกิน 50 ล้านไร่ ประชาชนอยู่ร่วมทำกินกับป่า ด้วยเงื่อนไขชัดเจนที่ต้องปลูกไม้ยืนต้นตามสัดส่วนที่กำหนด ซึ่งนอกจากเป็นผลประโยชน์โดยตรงต่อเกษตรกรแล้ว ยังดียิ่งต่อภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจการค้าระหว่างประเทศที่ต้องมีเงื่อนไขการรักษาสิ่งแวดล้อมเข้มงวดขึ้นเรื่อยๆ มาตรการดังกล่าวนี้จึงเป็นรูปธรรม สู่ความเป็นไปได้ที่จะนำพาประเทศไทยเข้าสู่ภาวะ Carbon Neutral และ Net Zero ที่แท้จริง ทั้งยังสามารถขาย Carbon credit เสริมพลังทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆ กัน
4. สำหรับมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศ ที่อาจเป็นอุปสรรคต่อเศรษฐกิจและการค้า จะถูกปฏิบัติไปตามทิศทางโลกที่ประเทศไทยเลี่ยงไม่ได้ โดยระบบต่างๆ ที่จะถูกสร้างขึ้นนั้น จะครอบคลุมกว้างขวาง และเป็นประโยชน์กับประชาชนทั้งประเทศ
สุดท้ายนี้ พรรคเพื่อไทยยืนยันที่จะผลักดันนโยบายดังกล่าวด้วยการใช้อำนาจที่ได้รับจากพี่น้องประชาชนจากการเลือกตั้งที่ผ่านมา ทั้งอำนาจในทางนิติบัญญัติ และอำนาจบริหารอย่างเต็มที่ เพื่อบรรเทาและขจัดความเดือดร้อนทุกข์ยาก สู่คุณภาพชีวิตที่ดี เศรษฐกิจที่ดีของประเทศและประชาชน.