- ทั่วโลกช่วยกันรณรงค์ลดการใช้ "ถุงพลาสติก" อย่างต่อเนื่อง
- อุตสาหกรรมพลาสติกทั่วโลก ยังคงขยายตัวตามความต้องการของตลาด
- "ปัญหาขยะพลาสติก" กลายเป็นปัญหามลพิษที่สำคัญ เนื่องจากปริมาณการใช้งานที่เพิ่มขึ้น
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่าทั่วโลกต่างตื่นตัวให้ความสำคัญ พร้อมช่วยกันรณรงค์ลดการใช้ "ถุงพลาสติก" อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นทางภาครัฐ หรือเอกชน ที่ต่างออกแคมเปญต่างๆ มากมาย เพื่อรักษาโลกของเราให้ดำรงต่อไปได้ในระยะยาว เนื่องจากผลกระทบดังกล่าวได้ส่งผลกระทบในวงกว้างทั้งต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม
สำหรับ "พลาสติก" ถือเป็นวัสดุที่ถูกนำมาใช้งานอย่างกว้างขวางจนมีปริมาณการใช้งานในด้านต่างๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ทั่วโลกจะมีการรณรงค์ลดปริมาณการใช้พลาสติก โดยเฉพาะถุงพลาสติก แต่อุตสาหกรรมพลาสติกทั่วโลกยังคงขยายตัวตามความต้องการของตลาด จนถือว่าพลาสติกเป็นวัสดุที่มีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันไปแล้ว เพราะมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำ ราคาไม่สูง สามารถหาซื้อได้ง่าย ใช้งานสะดวก รวมทั้งยังมีเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่สามารถผลิตพลาสติกให้มีคุณสมบัติตามความต้องการได้อย่างหลากหลาย
ดังนั้นจึงส่งผลให้ "ปัญหาขยะพลาสติก" กลายเป็นปัญหามลพิษที่สำคัญ เนื่องจากปริมาณการใช้งานที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดขยะพลาสติกในปริมาณมากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งพลาสติกบางชนิดมีสารที่คงทนต่อการย่อยสลายของจุลินทรีย์ ทำให้การสลายตัวโดยธรรมชาติเกิดขึ้นได้ช้ามาก แม้แต่การเผาทำลายพลาสติกยังก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และก๊าซพิษอื่นๆ ซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อนอีกด้วย
จากปัญหาดังกล่าว ประเทศไทยเองก็ได้ให้ความสำคัญกับการจัดการ "ขยะพลาสติก" ซึ่งเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม โดยได้กำหนด Roadmap การจัดการขยะพลาสติก พ.ศ.2561-2573 เพื่อติดตามการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งแก้ไขปัญหาและสร้างความยั่งยืนในการจัดการขยะพลาสติกของประเทศ โดยมี 2 เป้าหมาย ดังนี้
1. การลดและเลิกใช้พลาสติก ด้วยการใช้วัสดุทดแทนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
2. การนำขยะพลาสติกกลับมาใช้ประโยชน์ร้อยละ 100 ภายในปี 2570
ขณะที่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดย คพ. และกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ได้รณรงค์การลด เลิกใช้พลาสติก และส่งเสริมให้เกิดการนำพลาสติกกลับมาใช้ประโยชน์ พร้อมลดใช้ถุงพลาสติก โดยสามารถลดปริมาณการใช้ถุงพลาสติกหูหิ้ว และโฟมบรรจุอาหาร ในพื้นที่ตลาดสดเทศบาลและเอกชน รวมถึงพื้นที่ห้างสรรพสินค้า และร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศ ได้กว่า 3,414 ล้านใบ หรือประมาณ 9,824 ตัน โดยเริ่มกิจกรรมตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค. 2561 - 31 ธ.ค. 2562 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นให้ประชาชนหันมาให้ความสนใจกับปัญหาขยะพลาสติกมากยิ่งขึ้น และยังสร้างการมีส่วนร่วมให้กับประชาชนในการช่วยกันลด และเลิกใช้ถุงพลาสติกเพื่อช่วยกันแก้ไขปัญหาขยะพลาสติกในประเทศ
จากความร่วมมือดังกล่าวทำให้ต่อมาได้มีการยกระดับการดำเนินงาน โดยร่วมกับเครือข่ายห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ต และร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 90 บริษัททั่วประเทศ ร่วมงดให้บริการถุงพลาสติกหูหิ้วแบบใช้ครั้งเดียว ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2563 - ธ.ค. 2565 สามารถลดปริมาณการใช้ถุงพลาสติกหูหิ้วแบบใช้ครั้งเดียว รวมทั้งสิ้น 14,349.6 ล้านใบ หรือ 81,531 ตัน
นอกจากนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการดำเนินกิจกรรมการรณรงค์การลด และเลิกใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวอย่างต่อเนื่อง อาทิ การส่งเสริมสนับสนุนการใช้ผลิตภัณฑ์ทดแทนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การจัดทำตลาดสดต้นแบบ มาตรการลดและคัดแยกขยะมูลฝอยในหน่วยงานภาครัฐ โครงการเปลี่ยนพลาสติกเป็นบุญ (เมื่อคุณหมุนเวียน) ทำให้สามารถลดการใช้ถุงพลาสติกในภาพรวมลดลง 43% หรือ 148,699 ตัน
สุดท้ายนี้ วิธีการลดถุงพลาสติกที่ดีที่สุด คือต้องช่วยกัน ลด งดใช้ถุงพลาสติก โดยการนำถุงผ้า หรือนำภาชนะไปใส่ของแทน "ถุงพลาสติก" ถือเป็นสิ่งเล็กๆ ที่เราทุกคนสามารถทำได้ทุกวัน เพื่อช่วยโลกของพวกเราต่อไป.