ทีเอ็มบีธนชาต-ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป หนุนธุรกิจไทยเปลี่ยนองค์กรสู่ ESG บริหารธุรกิจอย่างรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
วันที่ 17 ก.ค. 66 จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่นับวันจะส่งผลกระทบรุนแรงมากขึ้นทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม ทำให้ทั่วโลกร่วมกันหาสมดุลเพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน โดยมี ESG หรือวิธีการบริหารธุรกิจอย่างรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เป็นตัวขับเคลื่อน ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี จึงได้จัดเสวนาพิเศษ Empower Business towards Environmental Sustainability ตอกย้ำให้ตระหนักถึงความสำคัญ และกระตุ้นให้ผู้ประกอบการเร่งปรับกลยุทธ์ธุรกิจให้สอดรับกับ ESG
นายศรัณย์ ภู่พัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าธุรกิจ ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวว่า ESG มีมานานแล้ว โดยในอดีตอยู่ในรูปแบบของการขอความร่วมมือ แต่ปัจจุบันเริ่มมีไม้แข็งจากกฎเกณฑ์ต่างๆ มาบังคับใช้ หากไม่ปฏิบัติตามก็อาจจะทำการค้าขายกับประเทศที่ออกกฎไม่ได้ โดยยุโรปถือเป็นแนวหน้าออกมาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน (Carbon Border Adjustment Mechanism: CBAM) สินค้ากลุ่มแรก เช่น เหล็ก อลูมิเนียม ปุ๋ย และซีเมนต์ และสหรัฐฯ ที่เป็นประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย ก็กำลังพิจารณากฎหมายที่มีแนวคิดเดียวกับ CBAM คาดว่าจะบังคับใช้ในปี 2567 ส่วนประเทศไทยก็มีการออกมาตรฐานกลางที่ใช้อ้างอิงในการจำแนกและจัดกลุ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของไทย (Thailand Taxonomy) โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ทำให้กระแส ESG ปรับตัวเร็วขึ้น
วันนี้ ESG ได้ขยายวงกว้างออกไป ลูกค้า พันธมิตรทางธุรกิจ และพนักงาน ก็ได้ให้ความสำคัญเช่นกัน ตัวอย่างเช่น ในสหรัฐอเมริกา ทำการสำรวจและพบว่ามีลูกค้ามากถึง 60% ยอมจ่ายเงินเพิ่มเพื่อสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และพนักงานมากกว่า 80% รู้สึกภูมิใจ และอยากทำงานกับบริษัทที่มีจุดยืนด้าน ESG สิ่งเหล่านี้สะท้อนว่าคนในสังคมเริ่มตื่นรู้และตระหนักว่าถ้าไม่เริ่มเปลี่ยนแปลง และไม่เปลี่ยนวิธีการดำเนินธุรกิจ จะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงสังคม และถ้ามากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายจะวนกลับมากระทบธุรกิจ ดังนั้น ESG จึงไม่ใช่แค่กระแส หรือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ แต่เป็นวิถีใหม่ที่เป็นประโยชน์กับทุกคนเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
ธนาคารในฐานะที่เป็นผู้ปล่อยกู้ให้กับทุกอุตสาหกรรม หน้าที่ของทีทีบี คือ การสนับสนุน (Empower) ให้ผู้ประกอบการเติบโตได้อย่างยั่งยืน ผ่าน 2 เรื่องหลัก ได้แก่ 1.สร้างความตื่นรู้ โดยการให้คำปรึกษาและเพิ่มองค์ความรู้เชิงลึกต่อการทำธุรกิจ อาทิ โครงการ finbiz by ttb ที่เป็นศูนย์กลางความรู้ให้ผู้ประกอบการในทุกแพลตฟอร์มมีเนื้อหาในเรื่องความท้าทายของผู้ประกอบการ รวมถึงเรื่อง ESG และหลักสูตร LEAN for Sustainable Growth by ttb ให้องค์ความรู้ผ่านการจัดอบรมมาตลอดกว่า 10 ปี ซึ่งได้เริ่มนำหัวข้อ ESG เข้าเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตร
2.สร้างแรงจูงใจและสนับสนุนโครงการที่มุ่งเน้นในเรื่อง ESG เช่น การปล่อยสินเชื่ออาคารสีเขียวที่ได้รับการรับรองว่าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง โครงการสนับสนุนให้ลูกค้าเปลี่ยนเครื่องจักรเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป็นต้น โดยทีทีบีเชื่อว่าการปล่อยสินเชื่ออย่างรับผิดชอบผ่านโครงการดีๆ จะสร้างผลกระทบให้กับสังคมได้ สุดท้ายก็จะสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเติบโตอย่างยั่งยืน
ในมุมของผู้ประกอบการ นายยงยุทธ เสฎฐวิวรรธน์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการบริหารการเงินกลุ่มและศูนย์บริการร่วมทางการเงิน บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป เล่าถึงจุดเปลี่ยนและการปรับตัวว่า ในปี 2557 ประเทศไทยถูก Trafficking in Persons Report (TIP) จัดอันดับให้อยู่ใน Tier 3 ในเรื่องการดูแลแรงงานและสวัสดิภาพความเป็นอยู่ของแรงงาน ปีถัดมา 2558 ก็เจอปัญหาการประมงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย (IUU Fishing) ของสหภาพยุโรปถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ไม่ใช่แค่อุตสาหกรรมแต่รวมถึงประเทศไทยด้วย ดังนั้นแม้ว่าไทยยูเนี่ยนฯ จะปฏิบัติตามกฎหมายก็ยังได้รับผลกระทบจากอุตสาหกรรมในภาพรวม จึงมีความตั้งใจผลักดันเรื่องนี้อย่างเต็มที่ ซึ่งสอดคล้องกับรัฐบาลที่ต้องการปรับกระบวนการมาตรฐานของความยั่งยืนในประเทศทั้งหมด
ในฐานะผู้นำธุรกิจอาหารทะเลของโลกจึงได้คิดค้นกลยุทธ์ และปรับตัวครั้งสำคัญในปี 2559 เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน ภายใต้กลยุทธ์ความยั่งยืน หรือ SeaChange® โดยมีวัตถุประสงค์หลัก คือ ความยั่งยืนของท้องทะเล เพราะถ้าไม่มีทะเลก็ไม่มีธุรกิจของเรา และนำมาดูแลความเป็นอยู่ของผู้คน เพราะอาหารทะเลเป็นแหล่งโปรตีนที่ถูกและมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อย และเรื่องแรงงาน รวมถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยในปี 2559-2563 บริษัทสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 28%
ภายใต้กลยุทธ์ SeaChange® ที่ประกาศเมื่อปี 2559 นั้นจะครอบคลุมในเรื่องการดูแลความเป็นอยู่ของแรงงาน ให้มีการจ้างอย่างถูกต้องรวมถึงดูแลความปลอดภัยให้มีชีวิตที่ดีขึ้น รวมไปถึง Responsibility Sourcing การจัดหาวัตถุดิบอย่างมีความรับผิดชอบ โดยคำนึงถึงกฎเกณฑ์ การทำประมงให้ถูกหลักเกณฑ์ของเวทีโลก และ Responsibility Operation การดำเนินงานต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม
นอกจากนี้ยังดูแลในเรื่อง People and Communities การตอบแทนสังคม ซึ่งปัจจุบันไทยยูเนี่ยนกำลังจะประกาศกลยุทธ์และเป้าหมายไปจนถึงปี 2573 หรือ SeaChange®2030 เพิ่มความกว้างและลึกขึ้นในทุกมิติครอบคลุมทั้งซัพพลายเชน ทำให้ความสัมพันธ์กับซัพพลายเออร์และคู่ค้าในแง่เป้าหมายของความยั่งยืนผูกกันแน่นขึ้น ซึ่งไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ต้องการสร้างมาตรฐานให้อุตสาหกรรม เพื่อกำหนดเป็นเป้าหมายเดียวกัน จนสามารถก้าวสู่ความเป็น Blue Finance หรือ การเงินที่ส่งเสริมความยั่งยืน.