ซีพี ออลล์-เซเว่น อีเลฟเว่น ขยายเครือข่ายต้นกล้าไร้ถัง 2023 มุ่งสู่ 524 โรงเรียนทั่วประเทศ ส่งแนวคิด "เปลี่ยนขยะเป็นทรัพย์สิน" สู่เยาวชน-ชุมชน
ซีพี ออลล์-เซเว่น อีเลฟเว่น เดินหน้าบูรณาการหลักสูตรการศึกษา ให้เยาวชนเข้ามามีส่วนร่วมตระหนักและใส่ใจสิ่งแวดล้อมภายในโรงเรียน ผ่านโครงการ "ต้นกล้าไร้ถัง" ที่นำโมเดลการจัดการขยะแบบ "ทับสะแกโมเดล" จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งประสบความสำเร็จในการลดปริมาณขยะ มาปลูกฝังเยาวชนให้มีองค์ความรู้เกี่ยวกับการคัดแยกขยะ รียูส รีไซเคิล อัปไซเคิล และมีส่วนร่วมคัดแยกขยะ ตั้งแต่ต้นทาง รวมทั้งสร้างรายได้จากการคัดแยกขยะ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ทุกคนหันมาคัดแยกขยะอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน พร้อมขยายเครือข่ายต่อเนื่องมุ่งสู่ 524 โรงเรียนทั่วประเทศ สร้างรายได้กลับสู่โรงเรียน พร้อมขยายสู่ชุมชน
นายยุทธศักดิ์ ภูมิสุรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่นและเซเว่น เดลิเวอรี่ กล่าวว่า ในปีการศึกษา 2566 โครงการต้นกล้าไร้ถัง ดำเนินการมาถึงรุ่นที่ 4 มีโรงเรียนเข้าร่วม 21 แห่ง ส่งผลให้มีโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการสะสมรวมทั้ง 4 รุ่น จำนวน 524 แห่ง
ผลสำเร็จของการดำเนินโครงการทั้ง 3 รุ่นที่ผ่านมา สามารถช่วยลดปริมาณขยะเหลือ 20-30% ช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 161 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ หรือเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 11,421 ต้น และขยายผลไปยังสถานศึกษาและชุมชนรวมกว่า 100 แห่งทั่วประเทศ
นายยุทธศักดิ์ กล่าวด้วยว่า จากโครงการเล็กๆ ของโรงเรียนอนุบาลทับสะแก อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ วันนี้โครงการต้นกล้าไร้ถังได้ รับการขยายผลจนเป็นที่รู้จักและยอมรับในวงกว้าง หลายโรงเรียนนำโครงการนี้ไปต่อยอด จนสามารถลดปริมาณขยะได้อย่างน่าพอใจ เช่น โรงเรียนวัดนาคู (จันทศึกษาคาร) อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา ที่สามารถลดปริมาณขยะได้ 70% ภายในระยะเวลา 1 ปีการศึกษา กลายเป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านการจัดการขยะประจำภาคกลางให้โรงเรียนอื่นๆ สามารถเข้ามาดูงานได้ ซึ่งถือเป็นอีกความสำเร็จที่ซีพี ออลล์ เข้าไปร่วมขับเคลื่อนขยายเครือข่าย ปลูกฝังจิตสำนึกรักสิ่งแวดล้อมให้กับเยาวชน ผ่านกระบวนการคัดแยกขยะอย่างถูกวิธี ซึ่งองค์ความรู้ที่เด็กๆ ได้รับ ยังถูกส่งต่อกลับสู่ชุมชนอีกด้วย
ด้าน นายตรีเทพ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา ประธานคณะทำงานโครงการสานอนาคตการศึกษา CONNEXT ED บมจ.ซีพี ออลล์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับโครงการต้นกล้าไร้ถังรุ่นที่ 4 มีเครือข่ายพันธมิตรภาคเอกชนที่สนใจเข้าร่วมเพิ่ม 3 หน่วยงาน ได้แก่ 1. บริษัท เจเนซิส เอกซ์ จำกัด สนับสนุนองค์ความรู้เกี่ยวกับขยะเศษอาหาร (Food Waste) รีไซเคิลขยะอินทรีย์ ด้วยการนำเศษอาหารมาเลี้ยงหนอนแมลงทหารดำ (Black Soldier Fly) เพื่อนำหนอนไปเลี้ยงสัตว์อื่นต่อ เช่น ไก่ ปลา ให้สัตว์ได้รับโปรตีนสูง เพิ่มคุณภาพไข่และปลาให้มีน้ำหนักดีขึ้น และ 2. สถาบันวิจัยสภาวะแวดล้อม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาให้การสนับสนุนองค์ความรู้ กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดการขยะ และ 3. บริษัท เทคแคร์โซลูชั่น จำกัด ผู้ร่วมพัฒนาระบบบันทึกข้อมูลการจัดการขยะ พร้อมร่วมกับ 10 ภาคีด้านการจัดการขยะในปีที่ผ่านมา และในอนาคตคาดว่าจะมีพันธมิตรใหม่ๆ เข้ามาร่วมกันยกระดับระบบนิเวศและเครือข่ายการจัดการขยะของไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
นางวันทนา มุลเมืองแสน ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านมาบฟักทอง จ.ชลบุรี หนึ่งในโรงเรียนสมาชิกใหม่ ของภาคีเครือข่ายต้นกล้าไร้ถัง รุ่นที่ 4 กล่าวเสริมว่า ขยะ คือหนึ่งในปัญหาสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม หากเยาวชนได้รับการปลูกฝังให้ตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญเรื่องการกำจัดขยะอย่างถูกวิธี ก็จะช่วยสร้างจิตสำนึกที่ดีให้กับเยาวชน และโครงการต้นกล้าไร้ถังถือเป็นโครงการที่จะช่วยให้เยาวชนรู้จักใช้วัสดุให้คุ้มค่า ช่วยลดปริมาณขยะในโรงเรียน ปลูกจิตสำนึกเรื่องสิ่งแวดล้อมให้เด็กๆ
ด้าน นางจิดาภา บูรณ์เจริญ ผู้อำนวยการโรงเรียนศรีไผทสมันต์ จ.สุรินทร์ หนึ่งในโรงเรียนสมาชิกใหม่ ของภาคีเครือข่ายต้นกล้าไร้ถัง รุ่นที่ 4 กล่าวเพิ่มเติมว่า โรงเรียนอยู่ในโครงการสวนพฤกษศาสตร์ มีพื้นที่สวนป่าและพื้นที่โรงเรียนรวมกันกว่า 273 ไร่ ดำเนินโครงการเกี่ยวกับการกำจัดขยะผ่านหลักสูตรการเรียนรู้อยู่แล้ว เช่น ชุมนุมไร้ค่าพารวย โดยให้เด็กๆ คัดแยกวัสดุเหลือใช้และนำมาให้โรงเรียนจำหน่ายให้ผู้รับซื้อ เด็กๆ จะมีรายได้จากการขายวัสดุเหลือใช้ หรือการนำเศษใบไม้มาทำเป็นปุ๋ยเพื่อจำหน่ายสร้างรายได้ให้กับนักเรียน และการที่โรงเรียนได้เข้าร่วมโครงการต้นกล้าไร้ถัง จะช่วยเสริมศักยภาพและองค์ ความรู้เรื่องการคัดแยกขยะอย่างถูกวิธี และการใช้ประโยชน์จากขยะ ผ่านการบูรณาการหลักสูตรให้กับนักเรียน นอกจากจะช่วยลดปัญหาขยะแล้ว ยังช่วยสร้างอาชีพและรายได้ให้กับนักเรียนในอนาคต.