• Future Perfect
  • Articles
  • จุฬาฯ ผลักดันเทคโนโลยีดักจับ ใช้ประโยชน์ กักเก็บคาร์บอนฯ ผ่าน CCUS Consortium

จุฬาฯ ผลักดันเทคโนโลยีดักจับ ใช้ประโยชน์ กักเก็บคาร์บอนฯ ผ่าน CCUS Consortium

Sustainability

ความยั่งยืน19 พ.ค. 2566 13:47 น.

วิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ผลักดันเทคโนโลยีดักจับ ใช้ประโยชน์ และกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพิ่มโอกาสทางธุรกิจใหม่ มุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์

วันที่ 19 พ.ค. 2566 เนื่องจากการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) จากภาคอุตสาหกรรม เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยลดผลกระทบของการก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และสภาวะโลกร้อน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญระดับโลกที่องค์การสหประชาชาติเรียกร้องให้ทุกประเทศเร่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อรักษาระดับอุณหภูมิเฉลี่ยของโลก ไม่ให้สูงเกิน 2 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับยุคก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรม

หนึ่งทางออกสำหรับวงการอุตสาหกรรมทั่วโลก คือ การใช้เทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture, Utilization and Storage: CCUS)  ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการดักจับ CO2 แล้วนำมากักเก็บไว้ในชั้นหินใต้ดินแบบถาวร (Carbon Capture and Storage: CCS) หรือใช้เป็นวัตถุดิบในกระบวนการผลิตทางอุตสาหกรรมเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงขึ้น (Carbon Capture and Utilization: CCU)  

ซึ่งแนวคิด CCUS กำลังได้รับแรงขับเคลื่อนและสามารถประยุกต์ใช้ได้ในกระบวนการอุตสาหกรรมหลากหลายที่กำลังปล่อย CO2 สู่ชั้นบรรยากาศ ดังนั้น เทคโนโลยีนี้จึงถือเป็นเครื่องมือที่มีศักยภาพในการลดการปล่อย CO2 และอาจเป็นโอกาสทางธุรกิจใหม่ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ในอนาคต

เกี่ยวกับเรื่องนี้ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ผลักดันเทคโนโลยีจัดการก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ด้วยการเดินหน้าเป็นหน่วยงานกลาง ประสาน 8 ธุรกิจระดับประเทศจัดตั้ง CCUS Consortium ซึ่งได้ประกาศความร่วมมือในงาน Future Energy Asia (FEA) 2022 การจัดตั้งความร่วมมือในนาม CCUS Consortium นับเป็นก้าวสำคัญในการจัดการ CO2 ซึ่งเดิมถูกมองว่าเป็นมลพิษ นำมาแปรรูปแล้วนำไปใช้ประโยชน์ด้านต่างๆ กล่าวคือเป็นเทคโนโลยี ในการนำของเสียมาสร้างเป็นสิ่งที่มีมูลค่าทางด้านการพาณิชย์ ในขณะเดียวกันยังเป็นการขจัดมลภาวะให้กับสภาพแวดล้อมอีกด้วย

และในงาน FEA 2023 ทางคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ และหน่วยงานองค์กรสมาชิก CCUS Consortium ได้นำเสนอความก้าวหน้าของ CCUS consortium ซึ่งเป็นความร่วมมือที่เป็นต้นแบบในการร่วมมือระหว่าง ภาครัฐ เอกชน และจุฬาฯ ในการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศไทย ด้วยการใช้ เทคโนโลยีและวิชาการในการเปลี่ยนปัญหาให้กลายเป็นโอกาสทางธุรกิจต่อไปในอนาคต และได้นำเสนอความก้าวหน้าของ CCUS consortium ผ่านการประเมินหลากหลายเทคโนโลยีที่ เหมาะสมในการเปลี่ยน CO2  ไปเป็นผลิตภัณฑ์และสารเคมีมูลค่าสูง ซึ่งล้วนใช้ในอุตสาหกรรมหลักของประเทศไทย

ซึ่งขณะนี้ สมาชิก CCUS consortium ได้ร่วมกันประเมินศักยภาพเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อคัดเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการดักจับและใช้ประโยชน์จากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ได้จากอุตสาหกรรมหลักของประเทศไทยใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว

และจุฬาฯ ยังได้เริ่มต้นโครงการการสาธิตเทคโนโลยีการดักจับและการใช้ประโยชน์คาร์บอนไดออกไซด์โดยการเปลี่ยนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไปเป็นเมทานอล โดยผ่านความร่วมมือกับสมาชิกใน CCUS consortium อีกด้วย

นอกจากนี้ ภายในงานได้จัดเสวนาในหัวข้อ "CCUS Consortium Progress Update and Key CCUS Project Collaborations" โดย ศาสตราจารย์ ดร.สุพจน์ เตชวรสินกุล คณบดี คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า พัฒนาการทางด้านเทคโนโลยี CCUS นับเป็นเรื่องที่สำคัญและเร่งด่วนสำหรับประเทศไทย ซึ่งเทคโนโลยีทางด้าน CCUS นับเป็นเรื่องที่ยังต้องพัฒนาต่อเนื่อง และประเทศไทยเองก็มีโอกาสสูงในการสร้างเทคโนโลยีทางด้านนี้ได้เท่าทันต่างประเทศ ซึ่งต้องได้รับการสนับสนุนและร่วมมือจากทุกภาคส่วน 

การที่จะสามารถทำการวางแผนตลอดจนวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีทางด้าน CCUS ได้นั้น ต้องอาศัยข้อมูลและความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในประเทศไทย จากผู้ผลิต และอุตสาหกรรมต่างๆ ที่สร้างก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และมีโอกาสที่จะกักเก็บ หรือนำไปใช้ประโยชน์โดยผ่านกระบวนการและเทคโนโลยี จนถึงหน่วยงานที่สามารถวิจัยและสร้างเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อดักจับ กักเก็บ และแปรรูปก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เช่น มหาวิทยาลัยและองค์กรทางด้านการพัฒนาเทคโนโลยี ตลอดจนภาครัฐผู้วางนโยบายและกฎระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง 

ทางคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ จึงได้ประสานงานกับหน่วยงานชั้นนำในประเทศ ทั้งภาครัฐและเอกชน จัดตั้งความร่วมมือในนาม CCUS Consortium ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญในการก้าวเดินไปสู่การจัดการก๊าซ CO2 มีสมาชิกร่วม Consortium ได้แก่

กลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ

  • บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
  • บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)
  • บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)

กลุ่มอุตสาหกรรมพลังงาน

  • บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน)

กลุ่มอุตสาหกรรมซีเมนต์

  • บริษัท เอส ซี จี ซีเมนต์ จำกัด (มหาชน)

กลุ่มอุตสาหกรรมเคมี

  • บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน)
  • บริษัท บางกอกอินดัสเทรียลแก๊ส จำกัด

กลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก

  • บริษัท สหวิริยาสตีล อินดัสตรี จำกัด (มหาชน)

โดยสมาชิก ภายใต้ CCUS consortium ได้ร่วมกันประเมินและศึกษาแนวทางการพัฒนาและประยุกต์ ใช้เทคโนโลยีเพื่อดักจับและใช้ประโยชน์จากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ได้จากอุตสาหกรรมหลักของประเทศไทย นอกจากนี้ ในฐานะที่จุฬาฯ เป็นสถาบันการศึกษานั้น การเผยแพร่ความรู้จึงเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นหวังเป็นอย่างยิ่งว่ากลุ่มความร่วมมือนี้ จะเป็นแพลตฟอร์มสำคัญในการแบ่งปันแลกเปลี่ยนความรู้ทั้งภายในกลุ่มและแก่สังคม.

SHARE

Follow us

  • |