• การเป็นโปรดิวเซอร์และเมนเทอร์ บทบาทที่แสนจะท้าทายความสามารถของแต่ละคน 
  • การจะปั้นบอยแบนด์ไม่ใช่เรื่องง่าย ทุกคนคือต้นไม้ที่แตกต่างกัน และวิธีการรดน้ำก็ต้องแตกต่างกัน
  • ความท้าทายที่สุดของการเป็นโปรดิวเซอร์ และเมนเทอร์คือจะรักษาจุดเด่นของพวกเขาอย่างไร เพื่อให้เขาเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีขึ้น

ในปีนี้รายการ CHUANG กลับมาอีกครั้งด้วยการเตรียมสร้างบอยกรุ๊ปที่พร้อมจะเติบโตไปทั่วโลก ด้วยทักษะความสามารถและพลังความรักจากแฟนๆ ที่สนับสนุนพวกเขา กับรายการ CHUANG ASIA SEASON 2

ซึ่งในซีซันนี้สำหรับโปรดิวเซอร์นั้นเป็นระดับแถวหน้าที่จะมาร่วมสร้างสีสันและดึงศักยภาพของเด็กฝึกให้เฉิดฉายในรายการนั้น ประกอบไปด้วยศิลปินและผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายวงการทั้ง THE 8 หรือ สวีหมิงฮ่าว ไอดอลสัญชาติจีนจากวง K-Pop ระดับโลกอย่าง SEVENTEEN และ แบมแบม กันต์พิมุกต์ ภูวกุล หรือ แบมแบม GOT7 ไอดอล K-Pop สัญชาติไทย ที่มาพร้อมกับทักษะความสามารถอันยอดเยี่ยม โดยทั้งคู่จะมารับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ในรายการ

และการกลับมาเป็นเมนเทอร์อีกครั้งของ เจฟ ซาเตอร์ ศิลปินหนุ่มมากความสามารถเจ้าของน้ำเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ และ TIA RAY นักร้องเสียงทรงพลังจากประเทศจีนที่มารับหน้าที่ในการเป็นเมนเทอร์ประจำซีซันนี้

นอกจากนี้ยังได้นักแสดงระดับแถวหน้าของประเทศไทยอย่าง ญาญ่า อุรัสยา เสปอร์บันด์ ที่ยอมมารับบทบาทหน้าที่ใหม่ในการเป็นเมนเทอร์ของรายการเซอร์ไววัลเป็นครั้งแรก

และวันนี้ เราได้ โปรดิวเซอร์และเมนเทอร์ทั้ง 4 คนอย่าง แบมแบม กันต์พิมุกต์, ญาญ่า อุรัสยา, TIA RAY, และ เจฟ ชาเตอร์ มานั่งพูดคุยถึงการมารับหน้าที่ที่แสนจะท้าทายความสามารถในครั้งนี้ให้ฟัง ซึ่งเราไม่รอช้า เริ่มต้นพูดคุยกับทั้ง 4 คน ผ่านทางรายการ THE STORY OF… ทางช่องยูทูบ THAIRATH Online Originals

...


'เป็นเมนเทอร์ และโปรดิวเซอร์ CHUANG ASIA ซีซัน 2'

อย่างที่หลายๆ คนรู้กัน CHUANG ASIA ซีซัน 2 นี้ มีโปรดิวเซอร์ และ เมนเทอร์ ที่เปลี่ยนไปจากซีซันก่อน ซึ่งได้ แบมแบม กันต์พิมุกต์, ญาญ่า อุรัสยา, THE 8 และ TIA RAY มานั่งทำหน้าที่ที่แสนจะสำคัญนี้ในรายการ ซึ่งมีแค่ เจฟ ซาเตอร์ เท่านั้นที่เคยผ่านการเป็นเมนเทอร์ในรายการนี้มาก่อน เราเลยอยากรู้ว่า อะไรที่ทำให้ตัดสินใจมาทำหน้าที่เป็นเมนเทอร์ในครั้งนี้ ซึ่งแต่ละคนบอกกับเราว่า 

แบมแบม : เอาจริงๆ นะครับ ผมโดนพี่แจ็คสันส่งมา พี่แจ็คสันบอกว่า CHUANG S2 นายต้องมาแล้วนะ ทาง CHUANG ที่จีนเขาอยากได้ และพี่แจ็คสันเขาก็เตือนผมมาหลายอย่างมาก ถ่ายวันละ 12 ชั่วโมงนะ อะไรหลายอย่างเต็มไปหมด ถ้ามีอะไรบอกเขา ผมก็เลย ไหนๆ พี่แจ็คสันเขาก็แนะนำมาแล้ว ผมรู้สึกว่ามันเป็นอีกก้าวนึงที่น่าจะเป็นอะไรที่ใหม่สำหรับผม ผมเลยลองมาทำดู

ญาญ่า : สำหรับญ่า มีคนชวนมาหลายรอบมากๆ แล้วค่ะ แต่ว่ารู้สึกว่ายังไม่ได้มั่นใจในความเป็นศิลปินของตัวเอง แต่ตอนนี้รู้สึกว่าเราโตเต็มที่ในหน้าที่การงาน มีชั่วโมงบินเยอะมากขึ้น ก็เลยรู้สึกว่านี่เป็นโอกาสที่ดีมากๆ ที่จะส่งต่อความรู้ที่สะสมมาเท่าที่จะทำได้ มันอาจจะไม่ใช่เวทีของญ่าขนาดนั้น แต่ก็รู้สึกว่าให้ไอเดียได้นิดๆ หน่อยๆ เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก เพิ่งเริ่มต้นก็รู้สึกว่าเราได้อะไรกลับคืนมาเยอะมากกว่าที่เราให้ด้วยซ้ำ ดีใจมากที่ได้รับสิ่งนี้

เจฟ : ผมได้มาเป็นเมนเทอร์ในปีที่แล้ว และปีนี้ได้กลับมาอีกครั้ง เลยรู้สึกว่าเราทำงานเป็นศิลปินเราอยากจะมอบแรงบันดาลใจผ่านผลงานของเรา ไม่ว่าจะเป็นผลงานภาพยนตร์หรืออะไรก็ตามที่เราทำ เลยรู้สึกว่าการที่ได้มาทำตรงนี้มันเหมือนการสร้างศิลปินรุ่นต่อไป และส่งต่อแรงบันดาลใจนั้นไปสู่น้องๆ หรือทัศนคติในการเป็นศิลปิน ไม่ใช่แค่เด็กฝึกในรายการ แต่คนที่ได้ดูผ่านจอ เขาก็จะซึมซับสิ่งนั้นไปด้วย หวังว่าจะทำให้หลายๆ คนเป็นศิลปินที่ดีขึ้น หรือได้แรงบันดาลใจในการเป็นศิลปิน เลยอยากจะกลับมาอีกครั้งหนึ่ง อย่างที่รู้ คิวทุกคนแน่นมาก แต่มันคุ้มค่านะที่ได้มาทำตรงนี้ เพราะว่าเราทำมันด้วยความที่เรารักมันจริงๆ เราอยากให้สิ่งนี้มันเกิดขึ้น

Tia : ที่จริงในจีน ฉันได้ร่วมรายการดนตรีต่างๆ มาเยอะแล้ว แต่รายการรูปแบบนี้ เป็นครั้งแรกของฉันเลยที่ได้มาเป็นเมนเทอร์ระยะยาว สำหรับฉันมันเป็นการค้นหาอะไรใหม่ๆ ทางดนตรี ฉันได้เห็นคนรุ่นต่างๆ ในวงการดนตรี และสไตล์ดนตรีต่างๆ ฉันว่าที่นี่เป็นเวทีที่หลากหลายมากๆ รวมถึงเมนเทอร์เองก็หลากหลาย จากหลายๆ แง่มุม ชื่นชมและช่วยเหลืออนาคตศิลปิน ฉันหวังว่าบนเวทีนี้ฉันจะได้ช่วยพวกเขา แล้วก็ช่วยกันตามหาบอยแบนด์นานาชาติแห่งเอเชียจริงๆ ฉันเองก็ตั้งตารอมากๆ ฉันว่ามันเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ ค่ะ

...

'เตรียมความพร้อม การเป็นเมนเทอร์'

เมื่อตัดสินใจมาทำหน้าที่เป็นเมนเทอร์และโปรดิวเซอร์แล้ว เราอยากจะรู้ว่าแต่ละคนเตรียมความพร้อมกับหน้าที่นี้ของตัวเองมามากน้อยแค่ไหน ซึ่งแต่ละคนบอกเล่าถึงการเตรียมตัวกับหน้าที่ที่แสนจะท้าทายนี้ให้เราฟังว่า 

Tia : ฉันเตรียมตัวมา 10 กว่าปีแล้วค่ะ ฉันเดินบนเส้นทางดนตรีมามากแล้ว ผ่านอะไรมาก็มาก ฉันอยากจะนำประสบการณ์บนเส้นทางดนตรีทั้งหมดมาแชร์ให้กับทุกคน ฉันไม่ได้เพิ่งเริ่มเมื่อวาน ฉันเตรียมมาตั้งแต่ฉันเริ่มร้องเพลงแล้ว สำหรับฉันมันคือการเดินทางที่ยาวนานค่ะ การที่ได้มีโอกาสมาแบ่งปันประสบการณ์ของฉันกับทุกคนที่นี่ ฉันว่ามันเป็นความโชคดีและงดงามมากค่ะ

เจฟ : สิ่งที่เตรียมมาก็ไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่ เพราะคิดว่ามันจะเหมือนซีซั่นแรก มันเปลี่ยนไป วิธีการจัดอันดับมันค่อนข้างจะโหดขึ้นในปีนี้ ตอนนี้อำนาจทุกอย่างจะอยู่ที่เมนเทอร์และความกดดันมันจะมาอยู่ที่ตรงนี้ ผมรู้สึกว่ามันกดดันตัวผมมากๆ ที่จะจัดอันดับเพราะว่ามันค่อนข้างจะตัดสินยาก น้องๆ ก็ต้องคิดว่านี่คือการชี้เป็นชี้ตายเหมือนกันในชีวิตการเป็นศิลปินของเขา จริงๆ เราพยายามประนีประนอม วิธีการพูดเพื่อให้น้องๆ รู้สึกว่ามันไม่ใช่จุดจบ มันเป็นแค่จุดเริ่มต้นในรอบแรก ปีนี้เรามี แบมแบม และ THE8 ที่ตรงสายการเป็นบอยแบนด์โดยเฉพาะ ผมก็หันไปถามทั้งคู่ด้วย เพราะว่าจริงๆ ทั้งคู่ก็ประสบการณ์ แล้วก็ถามพี่ญาญ่าเรื่องการแสดง และปรึกษาเรื่องการร้องกับเทีย

แบมแบม : ผมไม่รู้เหมือนกันว่าเราจะต้องเจอกับเด็กแบบไหน ทักษะแบบไหน สิ่งที่คิดมากก็คือ เขาบอกว่าอยากให้ผมทำหน้าที่คล้ายๆ กับ MC ในรายการที่ต้องดำเนินรายการ ผมก็อาจจะเตรียมความเป็นผู้นำที่จะต้องดำเนินรายการ ส่วนเรื่องการให้คำปรึกษา ผมปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ เพราะเอาจริงๆ ผมไม่รู้ว่าผมต้องเจอเด็กแบบไหน

...

ญาญ่า : ญ่าคิดคล้ายๆ กับแบมเลย ก่อนหน้านี้เหมือนเป็นเด็กดีมาก ทำการบ้านมาเยอะมาก ดูรายการเยอะมากๆ เพราะว่าไม่เคยสัมผัสอารมณ์แบบนี้ และไม่เคยต้องตัดสินคน ต้องยอมรับว่าญ่าไม่ได้คุ้นเคยกับวงการไอดอลขนาดนั้น เป็นผู้ชมและก็แฟนคลับเท่านั้น ไม่รู้ว่าหลักการมันมีอะไรบ้าง ก็ศึกษามาในระดับหนึ่ง แต่สุดท้ายแล้วไม่ได้ใช้เลย ใช้สัญชาตญาณล้วนๆ เลย มันคือการให้คำพูดในเชิงความรู้สึก ใช้ความรู้สึกในการตัดสิน

'ความท้าทายในการเป็นเมนเทอร์และโปรดิวเซอร์'

จากนั้นเราถามต่อว่า ความท้าทายในการเป็นเมนเทอร์และโปรดิวเซอร์ ของแต่ละคนคืออะไร ซึ่งแต่ละคนก็ได้พูดถึงความท้าทายของการทำหน้าที่ใหม่ที่แสนจะท้าทายความสามารถให้ฟังว่า

Tia : สิ่งที่ท้าทายในการเป็นเมนเทอร์สำหรับฉันคือ ฉันอาจจะมีประสบการณ์ของตัวเอง แต่เราจะทำอย่างไรให้เหมาะสมในการแชร์ประสบการณ์ของเราให้พวกเขา โดยไม่ทำลายจุดเด่นของพวกเขา ทำให้พวกเขาเปล่งประกาย รวมทั้งการพูดคุยแลกเปลี่ยนก็สำคัญมาก เพราะบางครั้งพวกเขามีพรสวรรค์ของตัวเอง มีจุดเด่นของตัวเอง คุณต้องรักษาจุดเด่นของพวกเขาไว้ พวกเราจะใช้วิธีต่างๆ ของตัวเองเติ่มเต็มในสิ่งที่พวกเขาขาดไป แบบนั้นพวกเขาก็ยิ่งจะสมบูรณ์ ยิ่งเพอร์เฟ็กต์มากขึ้น แต่ฉันคิดว่าบนเส้นทางนี้ เราสามารถเรียนรู้จากกันและกันได้ เพราะฉะนั้นความท้าทายที่สุดก็คือจะรักษาจุดเด่นของพวกเขายังไงให้เหมาะสม ช่วยให้เขาเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีขึ้น

ญาญ่า : ญ่าไม่ได้เต้นเก่งหรือร้องเก่งขนาดทุกคนที่อยู่ตรงนี้ สิ่งที่ยากที่สุดคือ เราจะให้คำปรึกษาอย่างไรให้มันตรงกับสิ่งที่เขากำลังไขว่คว้าอยู่ ญ่ามองการออดิชันนี้คล้ายๆ กับตอนที่เราเป็นนักแสดง เราต้องออดิชันเข้าบท สิ่งที่ยากที่สุดคือการหาคำพูดที่ถูกต้องเพราะว่าเราไม่ถนัดสิ่งนี้ สิ่งเดียวที่เราสามารถให้เขาได้คือ เขาทำยังไงในขั้นต่อไปให้มันดึงความเป็นตัวเองอย่างชัดเจน ทำให้เขาดึงดูดคนได้ยังไง ยากตรงที่ไม่รู้จะบอกเขาว่าอะไร

...

เจฟ : ผมรู้สึกว่าสิ่งที่กดดันจริงๆ คือการต้องไม่ไหลไปตามมวลที่มันเกิดขึ้นในการแข่งขันที่มันดุเดือดตรงนี้ เราต้องเห็นเขาโดยที่เราเห็นเขาจริงๆ ในฐานะศิลปินคนหนึ่งที่จะต้องมีภาพนี้ไปอยู่ในบอยกรุ๊ปที่เดบิวต์แล้วว่าเขาเหมาะสมหรือเปล่า ผมว่าตรงนั้นเป็นอะไรที่กดดันและเรามีเวลาที่ค่อนข้างที่จำกัดในการคอมเมนต์เขา หรือว่าเข้าไปสอนเขาในแต่ละช่วงเวลา เพราะฉะนั้นต้องใช้เวลานั้นให้ดีที่สุด ให้เขาได้อะไรมากที่สุดตอนที่เราเข้าไปช่วยเขา ความกดดันอีกอันหนึ่งคือ เราไม่ต้องเอาตัวเองที่เป็นศิลปินแล้วไปบอกเขาว่าสิ่งนั้นมันดีหรือไม่ดี เพราะมันจะเป็นการไปจำกัดเขาว่าเราต้องทำตามแบบที่ เจฟ ซาเตอร์ ทำ ทำตาม Tia ทำตามแบมแบม ทำตามญาญ่าเท่านั้น ผมว่าอันนี้ต้องไม่เจือปนตัวเองเข้าไป ทำยังไงก็ได้ให้เขาขับความเป็นตัวเองออกมาให้มากที่สุดในเส้นทางนี้ แล้วสุดท้ายเขาก็จะค้นพบตัวเองระหว่างทาง ทำยังไงก็ได้ให้เขาเจอสิ่งนั้น เพราะว่าทุกคนคือต้นไม้ที่แตกต่างกัน มันมีวิธีการรดน้ำที่ต่างกัน

แบมแบม : เวลาผมทำงาน ผมไปทำงานกับแค่กรุ๊ป และโซโล่ และทำงานกับสต๊าฟของผม หรือสต๊าฟข้างนอก ถ้าจะพูดถึงผลงาน แต่งเพลง ทำเพลง คิดท่าเต้น ถ้าเป็นของ GOT7 หรือของผม เรารู้อยู่แล้วว่าเราจะทำอะไรออกมาดี เราทำอะไรแล้วคนดู ว้าว เรารู้จักตัวเอง รู้จัก 7 คนดีอยู่แล้ว แต่พอเป็นครั้งแรกที่ผมต้องทำให้คนอื่น ที่ผมก็รู้จักเขาไม่ดีพอหรอกครับ เขาจะชอบสไตล์ไหน อะไรที่เขาทำออกมาแล้วจะดูดีสำหรับเขา หรือเขาคิดว่าเขาเก่งในด้านนี้ แล้วเขามั่นใจในด้านไหน ถ้าผมต้องโปรดิวซ์ให้เขาจริงๆ สักวันหนึ่ง จะต้องทำยังไง คนโชว์ก็พอใจ คนดูก็พอใจ อะไรประมาณนี้ครับผม


'ไอดอลในมุมมองของแต่ละคน ต้องมีอะไรบ้างถึงจะเหมาะ'

เพราะเมนเทอร์และโปรดิวเซอร์แต่ละคน จะมีความถนัดและมุมมองที่ไม่เหมือนกัน เราจึงอยากจะรู้ว่า คนที่จะมาเป็นไอดอลในมุมมองของแต่ละคน จะต้องมีอะไรบ้างถึงจะเหมาะกับการเป็นไอดอล ซึ่งแต่ละคนได้บอกว่า 

เจฟ : อย่างแรกที่สำคัญที่สุดคือจิตวิญญาณ เมื่อคุณดูโชว์ ทั้งคนดูและเมนเทอร์ คุณต้องรับรู้บางอย่าง จิตวิญญาณ สปิริต คุณต้องรู้สึก ทำให้เรารู้สึก นี่คือสิ่งที่ผมมองหา และสำหรับผม การเป็นไอดอลและศิลปินคืออย่างเดียวกัน แต่ในเรื่องของสไตล์บอยแบนด์ที่จะต้องเต้น สำหรับผมคุณต้องโดดเด่น คุณจะต้องดึงตัวเองออกมา คุณต้องหาให้เจอ สิ่งที่คุณทำในอดีต สิ่งที่คุณรักเรียนรู้และดึงมันออกมา คุณจะลอกเลียนแบบเป็นคนอื่นไม่ได้ ในโลกนี้ไม่มีใครเหมือนคุณ คุณคือหนึ่งเดียว

แบมแบม : ผมคิดว่าผมมองหา ผมมองหาคนที่เหมือน Tia ให้เกียรติสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ คนที่ทำเพราะอยากทำจริงๆ ถ้าไม่ได้ทำก็จะไม่มีความสุข มีหลายคนที่ทำสิ่งนี้เพราะอยากมีชื่อเสียง อยากให้สาวๆ รุมล้อม อยากได้เงินมากๆ แต่มันไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด คนเหล่านั้นอาจจะมีชื่อเสียง อาจจะโด่งดัง แต่มันจะไม่คงอยู่ตลอดไป เพราะฉะนั้น สิ่งที่ผมตามหาก็คือคนที่ให้เกียรติสิ่งที่ตัวเองกำลังทำ ซื่อสัตย์กับตัวเอง เรามองเห็นผู้ชมก็มองเห็น มันจะทำให้คุณพิเศษ และคนจะรักคุณจากสิ่งนั้น

ญาญ่า : ญ่าคิดว่า ต้องเป็นคนที่แคร์กับผลงานของตัวเองมากพอ ถ้าพวกเขามีความทะเยอทะยานเพื่อที่จะพยายามเป็นศิลปินที่ดี เพราะศิลปินก็เหมือนของเหลว ที่จะไหลไปทางไหนก็ได้ เพราะฉะนั้นญ่ามองหาคนที่มีแรงขับเคลื่อนเหมือนที่แบมแบมพูด ไม่ใช่เพื่อชื่อเสียง ญ่ามองหาคนที่พยายามเพื่ออาชีพนี้ และอย่างที่ 2 คือ พรสวรรค์ ขาดไปไม่ได้เลย คนที่มีเสน่ห์มากพอที่จะครองใจคนดู ดูฉันสิ

Tia : ความสร้างสรรค์ ความรัก คุณต้องมีแพชชั่น ปกป้องจิตวิญญาณของคุณไปตั้งแต่ต้นจนจบ อย่าคิดจะเปลี่ยนตัวตนของคุณ อย่าเปลี่ยนตัวตนของคุณเพียงเพราะชื่อเสียงเงินทอง สิ่งที่คุณได้รับจำไว้เสมอว่าอะไรที่ทำให้คุณเป็นคนแบบนี้ ที่ทำให้คุณแตกต่าง การเป็นศิลปิน การเป็นดาราไม่ง่ายเลย แต่ว่าการที่คุณปกป้องตัวเอง สิ่งที่คุณส่งต่อให้ผู้คน คุณส่งต่ออะไรให้ผู้คน 

'จุดเด่นการเป็นเมนเทอร์-โปรดิวเซอร์ ของตัวเอง คืออะไร'

เพราะแต่ละคนมีจุดเด่นและความถนัดที่ไม่เหมือนกัน เราจึงอยากรู้ว่า เมื่อต้องมาเป็นเมนเทอร์ และ โปรดิวเซอร์ แต่ละคนจะเป็นเมนเทอร์ โปรดิวเซอร์แนวไหน ตลก ดุ ใจดี ซึ่งเราจะให้แต่ละคนรีวิวตัวเอง โดยเริ่มต้นจาก ญาญ่า ในสายตาของทุกคนเป็นเมนเทอร์ ดุ หรือ ใจดี งานนี้แต่ละคนรีบพูดถึงญาญ่าในมุมมองของตัวเองว่า  

เจฟ : ผมฟังพี่ญาญ่าพูดนะครับ เขาคอมเมนต์ด้วยคำที่ ถ้าสมติด้วยน้ำเสียงคนอื่น อาจจะรู้สึก อุ๊ย แต่พอฟังพี่ญาญ่าแล้วรู้สึกอยากปรับปรุง

แบมแบม : เวลาพูดกับหนุ่มๆ ก็จะแบบละลายครับผม พี่ญาญ่าจะเป็นประมาณนี้ เป็นอาจารย์ที่ดีมาก ตัดเกรด A 90 คะแนนอย่างนี้ ใจดีแต่ว่ามาตรฐานสูง

มาถึงโปรดิวเซอร์แบมแบมกันบ้าง ที่เจ้าตัวขอรีวิวตัวเองเอาไว้ว่า 

แบมแบม : มันก็แล้วแต่นะครับ ถ้าเก่ง ถ้าฟังรู้เรื่อง ก็ดีด้วย ถ้าพูดเท่าไหร่ก็ไม่รู้เรื่องสักที อาจจะไม่ดุนะครับ แต่ผมอาจจะแค่แบบ คงถามเขาตรงๆ แล้วยูจะมาทำทำไม ถ้าพื้นฐานยังไม่ได้เลย ถ้ายังไม่พร้อมที่จะมาในจุดนี้ จะมาทำไม เข้าใจไหมครับ ผมว่าพื้นที่นี้เป็นพื้นที่ให้คนที่มีมาตรฐานระดับหนึ่งแล้วควรที่จะมาแข่งกัน แต่ถ้าคุณไม่มีมาตรฐานอะไรเลย แล้วคุณกล้ามาได้ยังไง

งานนี้ทำเอา เจฟ และ Tia ที่เป็นเมนเทอร์ได้พูดถึงโปรดิวเซอร์แบมแบมในสายตาของตัวเองว่า 

Tia : ฉันว่าแบมแบมเข้มงวดมากค่ะ ฉันว่าความเข้มงวดของแบมแบมอยู่ในใจ แต่สิ่งที่เขาแสดงออกมา มันถ่อมตัวและทำให้คนรู้สึกสบายๆ

เจฟ : แบมแบมพยายามแล้วที่จะไม่ดุ แบบนั้นเลย

ส่วนทางด้าน Tia ก็ถูกโปรดิวเซอร์และเมนเทอร์รีวิวตอนที่ทำหน้าที่เป็นเมนเทอร์ว่า 

แบมแบม : ผมว่าพี่ญาญ่าและ Tia ใจดีมาก แต่บางครั้งพอผมพูด หรือจู่โจมใคร สีหน้าของพวกเขา 2 คนก็จะดูเหมือนหงุดหงิด แต่คุณก็จะแบบบอกพวกเขาว่าไม่เป็นไรนะๆ 

Tia : เราให้ลูกอมพวกเขา 

ญาญ่า : เวลาที่คนไหนควรจะได้คะแนนน้อยๆ และ Tia ให้คะแนนนั้นกับเขา ทุกครั้งที่ฉันมอง Tia Tia จะน้ำตาคลอเสมอ 

แบมแบม : ใช่ ผมเห็นเหมือนกัน 

เจฟ : แต่ว่าทุกครั้ง Tia จะเอาลำดับมาให้ผมจัดการทุกครั้งเลย ญาญ่า และ Tia เป็นคนอ่อนไหวมาก 

Tia : เราสองคนอ่อนไหวมาก เราสร้างทีม 

แบมแบม : ผมว่าเราสร้างทีมที่ดีนะ 

ญาญ่า : คือญ่าต้องฟังคำแปล เพราะฉะนั้นการตอบสนองของญ่าจะช้านิดนึงเพราะกว่าจะแปลจบ แต่ Tia เป็นคนที่คิดบวกที่สุด ทุกครั้งที่ Tia พูดอะไร Tia พูดมาจากหัวใจ ขนาดเราไม่ได้เป็นคนที่รับข้อความนี้มา เรายังรู้สึกได้ว่า Tia พูดจากข้างในออกมาข้างนอก เอาจริงๆ เด็กโชคดีมากๆ ที่มีคนใส่ใจเขา ทั้งๆ ที่เราไม่ได้รู้จักกัน แต่ Tia ใส่ใจ 

จากนั้นเป็นคิวของเจฟที่ต้องรีวิวตัวเองเมื่อต้องสวมบทบาทเป็นเมนเทอร์ จริงๆ แล้วเป็นคนดุ ตลก หรือว่าใจดี ซึ่งเราได้รับคำรีวิวว่า

เจฟ : ผมว่าน่าจะตลกนะ 

แบมแบม : ไม่ คือเขาคิดว่าเขาตลกอยู่คนเดียว เขาชอบเล่นมุก แต่ไม่มีคนหัวเราะกับเขาเลย เขาถามว่า คุณเป็นคนดุ ตลก หรือใจดี แล้วเขาบอกว่าเขาคิดว่าตัวเองตลก เขาคิดว่าตัวเองเป็นแบบนั้น เขาคิดไปเองคนเดียว เขาเล่นมุกเยอะมากแต่ไม่มีใครขำเลย

เจฟ : ผมเสียใจ

แบมแบม : ไม่ๆ พี่เขาชอบเล่นมุกแบบห้าบาทสิบบาท

เจฟ : ผมเป็นตัวแทนคนไทยผมก็ต้องเล่นมุกคนไทยหรือเปล่าละ

Tia : ฉันว่ามันทัชใจนะคะ แต่ว่าฉันไม่เคยขำเลย 

เจฟ : เราอยู่ทีมเดียวกันนะ 

Tia  : ไม่ คุณทัชใจฉันมาก คุณโรแมนติกมาก เขายังไม่ได้ตลกขนาดนั้น หมายถึงว่าฉันยังไม่รู้สึกตลกแบบนั้น 

'ฝากรายการ CHUANG ASIA ซีซัน 2'

สำหรับรายการ CHUANG ASIA SEASON 2 ซึ่งมีผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด 60 คน โดยมีเทรนนีมากมายที่น่าจับตากว่า 10 สัญชาติ ทั้งไทย, จีน, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, เวียดนาม, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, สิงคโปร์, อเมริกัน และแคนาดา ซึ่งกำลังสนุกและเริ่มเข้มข้นขึ้น งานนี้ แบมแบม กันต์พิมุกต์ จึงเป็นตัวพูดฝากรายการเอาไว้ว่า 

แบมแบม : ฝากรายการ CHUANG ASIA ซีซัน 2 ด้วยนะครับ จากที่เราได้ถ่ายทำกันมา ผมว่ามันน่าจะเป็นซีซั่นที่มีหลายอารมณ์นะครับผม มีความซึ้ง สนุก ท้าทาย โมโห แฮปปี้ ตลก จะมีหลายช่วงในรายการ มันน่าจะทำให้คนดูสนุกนะครับ เอาจริงๆ ที่สำคัญที่สุดก็คือ เอาใจช่วยน้องๆ เด็กฝึกทุกคนด้วยละกันครับ น้องๆ เขาเตรียมตัวกันมาหลายคนมีเรื่องราวภูมิหลังที่อยากให้หลายๆ คนได้ฟัง ฝาก CHUANG ASIA ซีซั่น 2 กับทุกคนด้วยนะครับ