• 17 ปี กับการจากไปของ บิ๊ก D2B
  • ครอบครัวแบบบิ๊กๆ กลุ่มแฟนคลับ BIG D2B Family เปรียบเสมือนลูกหลานครอบครัว กิตติกรเจริญ
  • คุณพ่ออุดม เปรียบเสมือนของขวัญที่ บิ๊ก ได้ทิ้งไว้ให้กับแฟนคลับ BIG D2B Family


17 ปีกับการจากไปตลอดกาลของ บิ๊ก D2B หรือ บิ๊ก ปาณรวัฐ กิตติกรเจริญ หนึ่งในบอยแบนด์ชื่อดังวง D2B (ดีทูบี) ตำนานบอยแบนด์ไทยในยุค 2000 พวกเขามีสมาชิก 3 คน คือ บิ๊ก-แดน-บีม ช่วงปี 2543-2546 D2B มีผลงานออกมาต่อเนื่อง มีแฟนคลับจำนวนมาก

โดยเมื่อปี 2546 บิ๊ก ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ขับรถตกคูน้ำย่านศรีนครินทร์ สำลักน้ำครำจนหมดสติ การรักษาตัวในระยะแรกเป็นไปด้วยดี วันแรกๆ บิ๊ก ยังลุกขึ้นมาชูสองนิ้วทักทาย และให้สัมภาษณ์ยืนยันว่าอาการดีขึ้น ขอพักฟื้นสักระยะ แล้วจะกลับมาร้องเพลงให้ทุกคนได้ฟังเหมือนเดิม และได้เขียนบอกแฟนๆ ว่า “ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วงครับเจอกันแน่นอนครับ”

...

แต่ไม่นาน บิ๊กนอนหลับแบบไม่รู้สึกตัว เพราะถูกเชื้อราที่มากับน้ำเน่าในคูน้ำทำลายสมอง บิ๊กนอนเป็นเจ้าชายนิทรานานกว่า 4 ปี และจากทุกคนไปในวันที่ 9 ธ.ค. 2550 ด้วยวัยเพียง 25 ปีเท่านั้น

จากวันนั้นมาจนถึงวันนี้ เวลาผ่านมา 17 ปีแล้ว แต่ภาพความทรงจำเก่าๆ ของครอบครัว และแฟนคลับ ที่มีต่อผู้ชายคิ้วเข้ม ขี้เล่น หน้าตาซุกซนคนนี้ไม่เคยเลือนหายไป

แม้ว่าตัวของบิ๊กจะไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว แต่เขายังทิ้งของขวัญที่มีค่าที่สุดสำหรับกลุ่มแฟนคลับ BIG D2B Family ไว้ให้อีก 2 คนคือ คุณพ่ออุดม กับ คุณแม่ยุพา กิตติกรเจริญ ที่อยู่ดูแลกันสองคน ด้วยความรักของแฟนคลับบิ๊ก D2B ถึงแม้ว่านักร้องขวัญใจที่ชื่นชอบจะจากไปแล้วก็ตาม แต่พวกเขาก็ยังคงคอยหมุนเวียนสับเปลี่ยนกันเข้ามาดูพ่ออุดมและแม่ยุพาด้วย

เปรียบเสมือนลูกหลานที่มาคอยทำหน้าที่ต่างๆ แทนลูกชายของบ้านนี้ ไม่ว่าจะเป็นการมาเยี่ยมเยียน นั่งพูดคุยคลายเหงาให้กับพ่อแม่ของบิ๊ก ซื้อของกินของใช้เข้ามาให้ หรือเทศกาลและวันสำคัญก็จะยกกันเข้ามาสร้างรอยยิ้มให้กับพวกท่าน และเป็นเช่นนี้มาตลอดตั้งแต่ บิ๊ก D2B จากไป

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2567 เหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจอีกครั้ง คุณแม่ยุพา ได้จากไปอย่างสงบ หลังป่วยติดเตียงมานานหลายปี สร้างความเสียใจให้กับคุณพ่ออุดม ครอบครัว และกลุ่มแฟนคลับอย่างมาก

แม้ว่าในวันนี้ พ่ออุดม จะไม่มี บิ๊ก และคุณแม่ยุพาแล้ว แต่ยังมีลูกๆ อีกหลายคนจากกลุ่ม BIG D2B Family คอยดูแลอย่างดี

เวลาผ่านไป 17 ปี
แต่ทุกอย่างยังเหมือนเดิม

เวลาผ่านไป 17 ปี แต่ทุกอย่างยังเหมือนเดิม และในวันนี้ 9 ธันวาคม 2567 เป็นครบรอบ 17 ปีของการจากไปของ บิ๊ก D2B ทางทีมข่าวบันเทิงไทยรัฐออนไลน์ ได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยียน คุณพ่ออุดม กิตติกรเจริญ คุณพ่อของ บิ๊ก D2B ซึ่งปัจจุบันคุณพ่ออายุ 77 ปี คุณพ่อแข็งแรงมาก จากที่ก่อนหน้านี้คุณพ่อได้มีความผิดปกติจากการมองเห็น และได้ผ่าตัดซ่อมแซมจอประสาทตาเรียบร้อยแล้ว ทำให้กลับมามองเห็นชัดเจนได้อีกครั้ง ส่วนโรคต่างๆ ไม่ได้มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่มีที่คุณหมอต้องฟอลโลว์อัพก็คือ ปอดที่ต้องตามฟอลโลว์อัพ

คุณพ่อได้เล่าความเป็น บิ๊ก ให้ฟังว่า ตอนเด็กๆ บิ๊กเป็นเด็กที่เลี้ยงง่ายขี้เล่น แล้วพ่อเป็นคนที่ตามใจ เพราะเราดูแล้วเราก็โอเค เราก็ต้องมีเวลาให้กับเขาบ้าง เช่นสมัยตอนที่เขาอายุ 7-8 ขวบ เขาอยากเล่นรถราง พ่อก็จะไปนั่งเฝ้าที่อิมพีเรียล บางทีไปดูหนังพ่อก็จะไปนั่งหลับ ไปนั่งรอเขาไปดูหนังกับเพื่อน ก็คือไปนั่งรอตลอด ส่วนแม่เขาจะจัดการเรื่องบ้าน ถ้าพ่อมีเวลาก็จะให้กับเขาทั้งหมด เพราะพ่อเดินทางบ่อย ส่วนใหญ่เขาจะอยู่กับแม่ และแม่ก็จะไม่ค่อยพาไปไหน มันก็เป็นหน้าที่เรา เราก็จะพาออกไปทุกวันหยุด อยากไปไหนก็จะพาไป พ่อก็จะนั่งรอ

...

ถามว่าพ่อกับแม่ใครดุกว่ากัน พ่อแม่จะเป็นคนเจ้าระเบียบ บางทีกลับมาบ้านยังเห็นเขาอยู่ที่บ้าน ไม่ออกไปทำงานสักที ก็ถามว่าแล้วทำไมไม่ไปทำงาน เขานัดยังไง บางที AR โทรมาหาพ่อ ถามว่าบิ๊กอยู่บ้านไหม ก็บอกว่า อยู่ อ้าวแล้วทำไมเขายังไม่รีบไปล่ะ พ่อกลับมาถึงพ่อก็ด่าเลย ว่าทำอย่างนี้ได้ยังไง โตแล้วรับผิดชอบได้แล้ว เรารู้ว่าเราทำหน้าที่อย่างนี้ จะไปให้คนอื่นเขารอได้ยังไง

มีอยู่ครั้งหนึ่ง พ่อเข้ามาถึงบ้าน เห็นบิ๊กนั่งกินข้าวอยู่ เขาก็บอกพ่อว่าไม่ต้องไปส่ง เดี๋ยวไปเอง เขาก็เดินจากบ้านไปหน้าปากซอยจะเรียกแท็กซี่ไปทำงาน พ่อก็ขับตาม บอกให้ขึ้นรถแต่เขาไม่ขึ้น จะเดินไปหน้าปากซอยเอง พ่อก็เลยเลี้ยวรถกลับไปหาแม่ที่อพาร์ตเมนต์ ตอนนั้นเขาดื้อ

เข้าใจว่าส่วนหนึ่งมันอาจจะมาจากเพื่อนๆ เขาอาจจะโดนล้อว่า โตแล้วยังให้พ่อไปรับอยู่อีกหรอ เพราะว่าพ่อเคยไปตอนที่เขาเข้าสังกัดแล้ว พ่อไปรอที่ลานจอดรถ ที่ RS แล้ว รปภ. เขาเคยเห็นว่าพ่อนอนรอที่ลานจอดรถ ไปรอเขาอัดเสียงเสร็จแล้วก็รับกลับ อันนี้อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาคิดว่า โตแล้วไม่ต้องให้พ่อมารับหรอก พอพ่อรู้เรื่องนี้ พ่อก็เลยให้เขาหัดขับรถ แล้วถึงจะมาซื้อรถให้ตอนหลัง มันเกิดจากเรื่องที่เพื่อนเขาทัก เขาเลยโกรธ

...

การเลี้ยงดูบิ๊กในตอนนั้นเราไม่ได้เข้มงวดกับเขามาก เลี้ยงแบบปล่อยไปตามธรรมชาติ เอาให้เต็มที่เลย จะไปจะไปไหนก็พาไปจะไปเล่นตรงไหน พ่อก็จะไปนั่งรอ ขาดอะไรอยากได้อะไรก็ซื้อ บางครั้งก็ก็ตามใจในสิ่งที่เขาอยากทำ ปล่อยให้เป็นตัวของเขาเอง เราโอเคไม่ต้องเป็นห่วงอะไร เราไม่ได้มีการด่าเขามาก เพียงแต่เราบอกด้วยเหตุผล นี่คือสิ่งที่พ่อให้เขา

...

พ่อคิดถึงบิ๊ก
เสียดายน่าจะอยู่กับเรานานกว่านี้

ตอนนี้บิ๊กกับคุณแม่ไม่อยู่แล้ว แต่เขาอาจจะมองคุณพ่อลงมาจากข้างบน ถ้าบอกอะไรได้คุณพ่ออยากบอกอะไร

"ตรงนี้เรายังห่วงเขาอยู่ ถึงแม้ว่าเขาจะมาแป๊บเดียว ช่วงเวลา 2 ปีเท่านั้นเอง ก่อนที่เขาจะเข้าวงการเพราะเขาต้องไปฝึกอยู่ที่ RS พ่อยังห่วงเขาอยู่ แต่เขาอยู่กับเราไม่นาน เขาน่าจะอยู่กับเรานานกว่านี้ เขาจะได้ดูแลเราบ้าง

เพราะดูแลเขามาประมาณ 5 ปี ไปๆ มาๆ จนมาตอนหลังพระราชินี ในรัชกาลที่ 9 ท่านทรงเมตตา รับไว้ในพระราชานุเคราะห์ หลังจากนั้นก็ไปไปๆ มาๆ โรงพยาบาล จนกระทั่งแกเสีย

คือบิ๊กมาอยู่กับเราน้อยไป น้อยจริงๆ ตอนนี้ก็ยังคิดถึงเขาอยู่ คือมาแบบแป๊บเดียวแล้วก็ไป เรารู้สึกอย่างนั้น ซึ่งเราก็ไม่ได้ไปสนับสนุนในเรื่องอะไรของเขา ปล่อยให้เขาอิสระ แต่มีเวลาอยู่ด้วยกันน้อยไปหน่อย

ไม่ต้องเป็นห่วง พ่อโอเค
ตอนนี้แม่กับบิ๊กคงได้เจอกันแล้ว

เมื่อถามว่าคุณพ่ออุดม อยากบอกอะไรกับคุณแม่ยุพาไหม คุณพ่อบอกว่า "ไม่ต้องห่วงพ่อ โอเค พ่อพยายามที่จะอยู่ให้ได้นานที่สุดนะครับ ส่วนเขาไปสบายแล้ว ก็อยากให้ไปอยู่ในที่ดีๆ อยู่ด้วยกันกับบิ๊ก อันนี้คือสิ่งที่ได้อธิบายออกมาให้ฟัง ณ ปัจจุบัน นี่คือสิ่งที่พ่ออยากบอกให้ได้รู้"

แฟนคลับเหมือนเป็นตัวแทน บิ๊ก
มาช่วยดูแลพ่อแม่

คุณพ่ออุดม ได้พูดถึงกลุ่มแฟนคลับ BIG D2B Family ให้ฟัง บอกว่า "พ่อรักกลุ่มแฟนคลับของบิ๊กทุกคน ทุกคนช่วยพ่อได้มาก ทั้งในเรื่องของยาและการพาไปหาหมอ แม้ว่าวันนี้บิ๊กจะไม่อยู่แล้ว แต่พ่อก็เคยคิดว่า บิ๊กเขาส่งแฟนคลับ มาช่วยดูแลพ่อ ซึ่งเรื่องนี้อาจเป็นไปได้เหมือนกัน

เขาเหมือนเป็นตัวแทนของบิ๊ก เหมือนจริงๆ แฟนคลับเขาช่วยได้ทุกเรื่อง จากใจเลย พ่อไม่เคยเห็นความเหนียวแน่นมันมีมากขนาดนี้ จากความรู้สึกคนที่อายุประมาณนี้ คือบางคนก็ยังสงสัยทำไมมันมีอะไรที่ผูกพัน บอกตรงๆ มันเป็นความใกล้ชิด ความเป็นกันเอง ความช่วยเหลือ ความรัก

17 ปีที่ผ่านมา พ่อเฝ้ามอง
BIG D2B Family เหมือนลูกคนหนึ่ง

พ่ออยู่กับแฟนคลับกลุ่มนี้มาตั้งแต่บิ๊กเสีย ประมาณ 17 ปี เหนียวแน่นกันมาตลอด มีงานอะไรเขาก็จะบอก พ่อก็บอกเลยว่าจัดเลย มีอะไรก็บอก อะไรที่มันไม่นั่นเดี๋ยวพ่อซัพพอร์ตเอง เพราะพ่อบอกว่าพ่อมีรายได้อยู่ ทำให้พวกเราผนึกกำลังรวมตัวกัน อยากทำอะไรบอกมา

กับแฟนคลับทุกคนมันเกิดจากความผูกพัน ความเข้าใจความใกล้ชิดความรัก ความจริงใจ จาก 17 ปี มันมาเรื่อยๆ ทำให้เรารู้สึกเหนียวแน่นจริงๆ

ตั้งแต่งานศพบิ๊กปี 2550 ตอนนั้นพ่อไม่ได้คิดว่ามันจะมาถึงขนาดนี้ เดินมาไกลขนาดนี้ถึงแม้ว่าจะเสียไปแล้ว 1-2 ปี ก็ยังมานั่งคุยกันกับพ่อ อยากกินอะไรก็ซื้อกันเข้ามา คล้ายๆ กับ ให้พ่อได้มีคนคุย

พอมาปี 51 ทั้งเรื่องแม่และเรื่องตา ทุกคนก็ช่วยกันจัดการ เวลาพ่อมีอะไรพ่อก็จะบอกเขา คนที่ชำนาญในแต่ละด้านก็จะไปจัดการให้ พ่อก็จะคอยซัพพอร์ตเรื่องเงิน

17 ปีที่ผ่านมา พ่อก็เฝ้าแฟนคลับเหมือนเป็นลูกคนหนึ่ง เฝ้ามองเขาเติบโต เป็นคนในครอบครัวของเราซึ่งตรงนี้เด็กเขาเองก็แสดงออกอย่างบริสุทธิ์เหมือนกับความรัก ทุกอย่างช่วยเหลือหมด ตรงนี้ทำให้เรารู้สึกว่า นี่ขนาดไม่ใช่ญาติ ญาติยังไม่ขนาดนี้เลย เด็กๆ เขาทำจากใจจริงๆ ตรงนี้ที่พ่อนับถือมาก

นอกจากนี้คุณพ่อยังได้ฝากถึงแฟนๆ จากทางโซเชียล แฟนคลับทางไกลที่ไม่ได้เดินทางมา ขอบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงพ่อ พ่อยังช่วยตัวเองได้ด้วยความระมัดระวัง แล้วก็อะไรที่ยังไม่หายก็พยายามทำให้มันหาย ก็ไม่ต้องห่วงสำหรับเรื่องนี้ พ่อพยายามจะรักษาตัวเองให้ดีที่สุด อยู่กับแฟนคลับไปเรื่อยๆ ตลอดไป

ตอนนี้เหมือนเราตัวคนเดียว 
มองไปทางไหนก็ไม่เจอใคร

ยังมีคนช่วยดูแลคุณพ่อ ยังมีคนคุยด้วยยกหูหาเหมือนเดิม แต่ถ้าในความรู้สึกจริงๆ มันก็เหมือนเรานั่งอยู่บ้านเหมือนตัวคนเดียว มันไม่เหมือนกับที่คนอื่นๆ ยังมีญาติพี่น้อง แต่เราตัวคนเดียวจริงๆ นั่งหันซ้ายหันขวาไม่มีใคร เราอยู่คนเดียวแล้ว อันนี้คือในด้านส่วนของจิตใจ

ถามว่าอยากไปเที่ยวไหม ก็อยากไป แต่ร่างกายเรายังไม่สมบูรณ์ ตายังมองไม่เห็นชัด เลยทำให้เดินทางลำบาก ก็เลยไม่อยากออกไปไหน ตอนอยู่ที่บ้านก็มีกิจกรรมคลายเหงาบ้าง คือการนั่งท่องใน YouTube ติดอินเทอร์เน็ต ซื้อโทรทัศน์ใหม่ โดยมีเด็กๆ กลุ่มแฟนคลับเขาเป็นคนจัดการให้หมด

ถามว่าช่วยได้ไหม จริงๆ เมื่อก่อนพ่อเป็นคนที่ชอบหาความรู้ แต่ด้วยสายตาซึ่งเรามองไม่ชัดมันก็เลยทำให้เราลำบากที่จะเข้าไปค้น ตอนนี้ก็ช่วยคลายเหงาได้ส่วนหนึ่ง แต่มันก็ถึงกับมากเท่าไหร่เพราะมันมาจากสายตาเราอย่างเดียว เรามองไม่ค่อยชัด

แฟนคลับเปรียบเสมือนกล่องจุ่ม
ที่บิ๊กได้ฝากไว้ให้ช่วยดูแลกับพ่อแม่

ด้าน ธีรนุช เลิศคชสีห์ หรือ พี่ขวัญ ของน้องๆ แฟนคลับ BIG D2B Family ได้เล่าถึงความรักความผูกพันกับครอบครัวนี้ บอกว่า "ต้องย้อนตั้งแต่สมัยที่พี่บิ๊กยังอยู่ ตอนที่พี่บิ๊กประสบอุบัติเหตุ ตอนนั้นก็คือเริ่มเข้ามาที่บ้าน แล้วก็มาได้สัก 1-2 ครั้ง ด้วยสายสุขภาพที่เราเรียนมาก็จะช่วยดูแลในส่วนสุขภาพของคุณพ่อคุณแม่พี่บิ๊ก

อย่างเช่นว่า ช่วงนี้มีไม่สบายหรือมีอาการผิดปกติ พ่อก็จะโทรมาเอง หรือบางครั้งจะติดต่อเราผ่านพี่ๆ คนอื่นๆ แล้วแต่การติดต่อเราได้ ถ้ามันเร่งด่วนเราก็จะเคลียร์งานแล้วรีบมาดู หรือว่าถ้าบางอย่างมาไม่ได้ ก็จะประเมินให้ก่อนแล้วจะบอกว่าไปโรงพยาบาลเถอะ เดี๋ยวตามต่อให้ อะไรอย่างนี้ค่ะ

หลังจากนั้นพี่บิ๊กก็เสียเขาเป็นพาร์ตหนึ่งที่ทำให้เราเติบโตอย่างสมบูรณ์ เพราะฉะนั้นการที่เราจะส่งความรู้สึกดีๆ หรือความห่วงใยไปให้คนรอบๆ เขา หรือว่าการที่เราจะมีชมรมเล็กๆ สักชมรมหนึ่งที่บอกว่าเป็นชมรมรัก บิ๊ก D2B จริงๆ มันก็ไม่ได้แปลก ในมุมคุณพ่ออาจจะมองว่าพวกเราเป็นของขวัญที่พี่บิ๊กส่งมาไว้ให้คุณพ่อกับคุณแม่ แต่ในขณะที่มุมของพวกเราคุณพ่อกับคุณแม่คือมรดกที่พี่บิ๊กทิ้งไว้ให้พวกเราเหมือนกัน"

น้องแอม ดวงใจ พิศสะอาด ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ดูสลับกันเข้ามาช่วยดูแลคุณพ่อคุณแม่ของ บิ๊ก อยู่เสมอๆ "ความเป็น BIG D2B Family มิตรภาพ มีทั้งความผูกพัน ความสุข สนุก ร้องไห้ กอดคอเศร้าไปด้วยกัน ยิ้มไปด้วยกัน คุณพ่อเป็นเหมือนของขวัญอีกหนึ่งชิ้น ที่ทำให้พวกเรายังมีความสุขในทุกๆ วันเหมือนกัน มันไม่ใช่แค่การมาพบปะกันทุกครั้งที่เรามา ทุกครั้งที่เราได้เจอพ่อได้เจอรอยยิ้ม หรือว่าได้เจอเสียงหัวเราะของพ่อเนอะ บางทีเหมือนที่ทุกคนรู้ ตั้งแต่พี่บิ๊กมาจนคุณแม่ น้อยครั้งมากที่คุณพ่อจะหัวเราะ น้อยครั้งมากที่คุณพ่อจะยิ้มแบบเต็มที่ค่ะ"

ยุ้ย ทิพย์วาพร โค้วเจริญพร สาวช่างทำผม ผู้ที่รับหน้าที่ช่วยตัดผม ดูแล สระผมคุณแม่ยุพา ช่วงที่คุณแม่ยังอยู่ "เป็นช่างทำผมค่ะ ก็ได้มีติดต่อมาทางพี่ขวัญ ว่าอยากจะเข้ามาดูแลคุณแม่ในส่วนนี้ บางทีจะมีพี่เพ็ญและน้องๆ มาช่วยตัดเล็บด้วยค่ะ

พวกเราเป็นของขวัญที่เหมือนกล่องจุ่ม เพราะว่าแต่ละคนมีลักษณะพิเศษที่ไม่เหมือนกันเลย แต่ทุกคนก็มาอยู่รวมกันได้ เป็นจิ๊กซอว์ที่บางทีตอนแรกเหมือนจะไม่เข้ากัน แต่สุดท้ายมันเข้ากัน มันรวมกันได้แล้วมันก็ต่อเป็นรูปภาพที่สวยงามได้ มันเป็นครอบครัวที่ดีมาก ทุกคนเป็นพี่น้องที่น่ารักมาก เอาจริงๆ ไม่ว่าแต่ละคนมีเรื่องที่ไม่สบายใจอะไร สามารถคุยกันได้ คือเราสามารถแสดงความอ่อนแอให้พี่น้องกลุ่มนี้เห็นได้ แล้วเราก็จะได้รับพลังที่ดีกลับมา แล้วก็ไปใช้ชีวิตของเราต่อไป"

น้องกิ่ง กาญจนา พิพัฒน์เจริญวงศ์ สาวนักวิทยาศาสตร์ ที่ช่วยดูแลเรื่องจัดหาซื้อยารักษาอาการป่วยให้คุณพ่ออุดม คุณแม่ยุพา "ด้วยความที่จบวิทยาศาสตร์ ก็เป็นนักวิทยาศาสตร์ก็จะมีความรู้ในส่วนของเรื่องยาบ้าง เป็นคนช่วยคุณพ่อในเรื่องของการซื้อยา จัดหายาต่างๆ เข้ามาให้ค่ะ คือบางครั้งเราก็จะนัดกันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ใครว่างวันนี้ๆ ก็จะมีนัดกัน โทรเข้ามาหาคุณพ่อว่า คุณพ่อเดี๋ยววันนี้จะแวะเข้าไปหานะ หรือว่าพอไปเที่ยวกัน กลับมาเราก็มีของฝากแล้วก็มาเกาะรั้ว ตะโกนเรียกพ่อบอกว่าหนูซื้อขนมมาฝาก

คุณพ่อคุณแม่เขาก็มองเราเหมือนเป็นลูกหลานท่านคนหนึ่ง เราก็เลยรู้สึกว่าการเข้ามาที่แห่งนี้ มันเหมือนเป็นเซฟโซนของเรา รู้สึกว่าอบอุ่นทุกครั้งที่ได้มา"

ความรักความชื่นชอบในตัวของศิลปิน ทำให้ทุกคนที่มาจากต่างถิ่น ได้หลอมรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปี แต่กลุ่มแฟนคลับ BIG D2B Family ยังคงเหนียวแน่น และทำหน้าที่รับช่วงต่อ ช่วยดูแลคุณพ่ออุดม กิตติกรเจริญ คุณพ่อของบิ๊ก ตลอดไป...