คนมันฮอตของแทร่! วินาทีนี้ต้องยกให้ จี๋–สุทธิรักษ์ ทรัพย์วิจิตร พระเอกหนุ่มมาดเซอร์ หล่อใจละลาย จากภาพยนตร์โรแมนติก คอมเมดี้ สยองขวัญ “อนงค์” ของค่ายคาร์แมนไลน์ สตูดิโอ คู่กับ โบว์-เมลดา สุศรี นางเอกเจ้าเสน่ห์ เป็นครั้งแรก ผลงานกำกับของ เอส-คมกฤต ตรีวิมล ในรอบ 17 ปี ที่ฉีกกฎวงการผี จนกลายเป็นหนังรักตลกแห่งปี รายได้พุ่งแรงทำให้หนุ่มจี๋ขึ้นแท่น ‘ว่าที่พระเอกร้อยล้าน’ ซึ่งเจ้าตัวยอมรับเข้าวงการมาเกือบ 10 ปี ผ่านเรื่องราวมากมาย ทั้งสุขเศร้าเคล้าน้ำตาแต่ที่แน่ๆ ตกหลุมรักการแสดงชนิดถอนตัวไม่ขึ้น อัปเดตหัวใจอยู่ในสถานะ “โสด” สนิทจริงๆ ใน “คนดังนั่งคุย”
หนังเรื่องนี้อะไรที่ทำให้จี๋ตัดสินใจอยากเล่น
“ไม่มีเหตุผลที่จะไม่รับเลย ชวนปุ๊บผมรับเลย จริงๆ ผมเชื่อใจในตัวพี่เอสอยู่แล้ว ดูหนังของพี่เอสมาตลอด มีเรื่องตลกที่ผมก็เพิ่งรู้เหมือนกัน มีมุกนึงผมเล่นกับแฟนๆ ผมไม่ใช่จี๋นะ คือโจ แล้วนั่งนึกๆ ตลกจัง หนังเรื่องแรกของพี่เอส พระเอกชื่อเจี๊ยบ เป็นชื่อพ่อผมด้วย และหนังเรื่องล่าสุดผมชื่อโจ ก็เลยกลายเป็นเจี๊ยบกับโจ เลยตลกดี ทุกๆ อย่างไม่มีเหตุผลอื่นๆ เลยที่ผมจะไม่รับเล่นเรื่องนี้ เป็นมุกขำๆ แต่ผมชอบงานที่เอสอยู่แล้ว”
บทในเรื่องนี้ของจี๋เป็นยังไงบ้างล่ะ “มันครบรสครับ ผมรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นหนังที่ถูกออกแบบให้คนดูมีความสุข ได้รับเกียรติเป็นคนที่เล่าเรื่องราวนั้น ในรอบ 17 ปีของพี่เอส พยายามทำออกมาให้ดีที่สุด”
ได้โชว์ของ โชว์ฝีมือขนาดไหน “ไม่ได้รู้สึกว่าขายของอะไรเลยแค่อยากให้ทุกคนสนุกไปกับเรื่องราวในแบบที่มันเป็นเพราะผมคิดว่า สำหรับผม ถ่ายเรื่องนี้ในฐานะโจ ผมไม่ได้รู้สึกว่าผมออกกอง หรือถ่ายงานอะไรอยู่ มันคือชีวิตของผมที่ดำเนินไปตามเรื่องราว ความพิเศษคือความธรรมดาอย่างหนึ่ง”
...
บทโจเรื่องนี้ไม่ได้มีความเป็นจี๋มากน้อยขนาดไหน “ต้องมีบ้างแหละ ผมไม่ได้วางแผนหรือดีไซน์ แค่ปล่อยไปตามเรื่องราวชีวิตของโจที่ต้องเจอ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นจะเป็นสัมผัสครั้งแรกที่เราเข้าในแต่ละซีน ผมปล่อยเป็นไปตามพบเจอ”
ร่วมงานกับพี่เอส ไฟเขียวให้เราดีไซน์หรือปล่อยนอกบทได้ขนาดไหน “เวลาเล่นซีนเสร็จก็จะมีถามพี่เอสมันโอเคหรือเปล่า? ตลกมั้ย? ฮามั้ย? พี่เอสจะตอบมาประโยคเดียวเสมอว่า...‘แล้วแต่มึง’ (หัวเราะ) พี่เอสให้อิสระสุดๆ”
เล่นกับโบว์เป็นยังไงบ้าง โดนแกล้ง โดนรับน้องมั้ย
“น่ารักครับ จริงๆผมกับโบว์สามัคคีกันในการแกล้งคนอื่นมากกว่า (หัวเราะ) เราสองคนมีหน้าที่ก่อกวนทุกคน สมมติอยู่หน้าเซตเตรียมตัวเข้าซีน พี่กล้องเซตกล้อง ทีมไฟเซตไฟ ทุกคนกำลังตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเอง นั่นคือเวลาผมกับโบว์ออกแกล้ง ก็จะไปแฮร่ให้ตกใจ พอคนแกล้งตกใจ ผมกับโบว์จะหันหน้าแล้วมองกัน เราทำสำเร็จแล้ว (หัวเราะ) บรรยากาศของกองโหมดสนุกด้วยและทีมงานรู้จักกันมานานแล้ว คุ้นเคยกันอยู่แล้ว”
พอเล่นกับโบว์จะต้องมีการปรับจูนจังหวะการเล่นยังไงบ้าง โบว์จะมาจากสายละคร จี๋จะสายหนังมากกว่า “จริงๆ แทบไม่ได้ปรับจูนอะไรกันเลย มีการเวิร์กช็อป คุยเรื่องบท ทำการบ้านแลกเปลี่ยนกันมากประมาณนึง ผ่านจุดนั้นมาผมว่าเป็นเรื่องของการเปิดใจให้กันมากกว่า คนที่เป็นพาร์ตเนอร์ต้องเปิดใจให้อีกฝ่ายเข้าไปในพื้นที่ของอีกคนได้ มันก็ทำงานได้ไหลลื่น”
เล่นเรื่องนี้จี๋ได้ปลดตัวหรือหลุดออกจากเซฟโซนของตัวเราเองด้วยมั้ย
“บางครั้งเราอ่านบทต้องมีการดีไซน์บางสิ่งบางอย่าง บางทีเราเข้าไปทำสิ่งนี้ แต่โจ ผมพยายามคิดให้น้อยที่สุดเพราะผมอยากให้มันเรียบง่ายที่สุด เป็นไอ้โจที่สุด”
ในเรื่องนี้จะมีฉากถอดเสื้อโชว์หุ่นถามจริงๆ จะต้องปั้นหุ่นมีซิกซ์แพ็ก “โหย...ย เขินนะครับ แล้วซิกซ์แพ็กไม่ได้มาง่ายๆ ด้วยนะ อกไก่ไข่ต้มอยู่นานเลยครับกว่าจะได้มันมา เขินอยู่เสมอครับ ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากถอดเสื้อหรอกครับ”
เล่นเรื่องไหนต้องถอดทุกเรื่อง “ไม่ๆ เป็นเรื่องที่ 2-3 นะที่เริ่มๆมีถอดเสื้อ”
...
พอถอดแล้วมันจะมีมาเรื่อยๆ “ไม่จำเป็นผมไม่อยากถอดครับ”
ก่อนหน้านี้เราเป็นพระเอกร้อยล้าน สร้างความกดดันกับหนังเรื่องนี้บ้างมั้ย
“ผมไม่ได้กดดันเท่าไหร่ ถ้ามีเรื่องให้คิด 2 เรื่องผมแค่คิดผมจะชอบหนังมั้ย คนดูจะมีความสุขกับเรื่องราวเหล่านี้มั้ย ส่วนรายได้ไม่ขาดทุนผมก็ดีใจแล้ว”
ความเป็นจี๋เล่นหนังเรื่องไหน 100 ล้านอยู่นะ “อุ้ย ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ทุกคนช่วยผลักดันจนมาถึงตรงนี้ ผมแค่เป็นส่วนเล็กๆส่วนหนึ่งในหนังเรื่องนี้จริงๆนะครับ ถ้าไม่มีทุกคนผมเดินทางมาไม่ถึงจุดนี้ด้วยซ้ำ”
เห็นว่าสิ่งที่ไม่ถนัดสุดในหนังเรื่องนี้คือการเต้น
“ใช่ครับ” โดนโบว์ละลายพฤติกรรมเป็นไงล่ะ “ไม่เหลือ (ส่ายหัว) ก็ผ่านจุดที่ยากที่สุดมาได้แล้วแต่ก็ยังไม่ชอบอยู่ดี ไม่ชอบเต้นอยู่ดี คือในเรื่องอนงค์ ตอนเป็นคนเค้าเป็นครูสอนเต้นลีลาศ เราเองแบบอยากโชว์หญิง อนงค์ เราก็เต้นเก่งเหมือนกันนะไม่ธรรมดา แต่พอมาเต้นยุคเราเป็นท่าเต้นโบ๊ะบ๊ะ ตื๊ดๆไป จริงๆจี๋ไม่ชอบเต้นเลยครับ”
...
เห็นในติ๊กต่อกเป็นคลิปโบว์ จี๋ ธามไท เต้นด้วยกันก็ฮาดีนะ “ผมไม่ได้เล่นติ๊กต่อกผมไม่รู้ แต่คือทุกคนเวลาเจอกันจะชอบชวนผมเต้น สเต็ปผมไม่ได้เลย ติดลบเลยครับ ขอให้พื้นที่ตรงนี้บอกเลยนะครับ อย่าชวนผมเต้นผมเต้นไม่เป็นแต่ไม่มีทางเลือก (หัวเราะ)”
ไม่ติดใจเหรอเต้นแล้วก็ไม่ได้แย่นะ น่ารักดีออก “ทุกครั้งที่ผมเต้นจะหนักใจเสมอไม่ว่าจะเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ตาม คือผมไม่รู้จะต้องขยับตัวไปทางไหน นึกออกมั้ย ไม่มีสเต็ปในหัวใจเลย ส่วนร้องเพลงก็ไม่ค่อย ให้ผมแสดงอย่างเดียวแหละดีแล้ว”
โชว์ลูกคอร้องคู่กับดีเจอร์ราร์ด น้ำเสียงใช้ได้อยู่นะ “ผมต้องฝึกอีกเยอะ ผมเป็นนักร้องนำ นำจังหวะ (หัวเราะ) นำเพลง นำเมโลดี้ นำทุกอย่าง”
เราก็ต้องมีความโบ๊ะบ๊ะที่คนอื่นทำไม่ได้ “เรียกว่าคนอื่นไม่อยากทำดีกว่าครับ (หัวเราะ)”
ทุกวันนี้จี๋ชัดเจนมาทางนักแสดง กับเส้นทางนี้กว่าจะมาถึงวันนี้เป็นยังไงบ้าง
“สุข เศร้า เคล้าน้ำตากว่าจะมาถึงวันนี้ได้ก็ผ่านอะไรมาเยอะครับ” เราต้องแคสต์หนักขนาดไหนกว่าจะได้งานแต่ละชิ้น “ก็ทำทุกอย่างที่ทุกคนทำเลยครับ ผ่านขั้นตอน ผ่านความยากลำบาก ถ่ายไปร้องไห้ไป หัวเราะบ้าง มิตรภาพที่ดี มีความทรงจำที่ดี เพื่อนร่วมงานทุกๆทีม ทุกๆโปรเจกต์ มีทั้งเรื่องราวที่ดีและไม่ดี กับคราบน้ำตาที่เราจะต้องผ่านมันมา”
ถามจริงๆ นามสกุลเรามีส่วนช่วยในการแคสต์ง่ายขึ้นมั้ย “สำหรับผมไม่มีผลเลยแม้แต่นิดเดียว ผมพลาดงานเยอะมาก ต่อให้มันจะเอานามสกุลเข้ามาได้แต่ผมไม่เอามา ผมไม่อยากใช้ชื่อเสียงของทั้งคุณพ่อ คุณแม่หรือแม้แต่ใครก็ตามมาทำให้เปิดโอกาสให้ตัวเอง ผมคิดว่ามันน่าภูมิใจกว่าเยอะถ้าเราพยายามด้วยตัวเอง”
...
มารู้ตัวเองตอนไหนที่อยากมาเดินเส้นทางนักแสดงมากกว่า “ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ แต่มารู้ตัวอีกทีถลำลึกไปแล้ว”
มีโกลในชีวิตไปให้ถึงฝันยังไง “ผมแค่อยากสนุกกับทุกวัน อยากทำสิ่งที่ผมชอบไปเรื่อยๆ”
ทุกวันนี้เรามีแฟนคลับเยอะมาก ไปที่ไหนเค้าก็ตามไปให้กำลังใจเราตลอด
“ไม่ได้นึกถึง พี่จะถามว่ามีพราว มียืดบ้างมั้ย? ผมทำงานมานานมากแล้วพี่ จนล้มแล้วจริงๆว่าผมต้องมีชื่อเสียง ทำงานนานจนลืมคิดในเรื่องชื่อเสียงไปแล้ว สิ่งที่ผมอยู่คือการได้สนุกกับบทใหม่ๆที่เราได้ทำทุกวัน ได้มีมิตรภาพดีๆกับทีมงาน กับกองถ่าย โปรเจกต์ต่างๆ โฟกัสเรื่องพวกนั้นมากกว่ามองในเรื่องชื่อเสียงแต่ถามว่าดีใจมั้ยก็ดีใจเจอแฟนๆ แล้วกรี๊ด ผมดีใจมากกว่านะ ผมคิดว่าแฟนๆกับผมเหมือนพี่เหมือนน้อง เหมือนเพื่อนๆผม ที่ไม่เจอกันนาน ทุกครั้งที่มาเจอกันเหมือนแวะมาเติมพลังให้กัน เป็นกำลังใจให้กัน เหมือนงานรวมญาติมากกว่า แฮปปี้เสมอที่ได้เจอทุกๆ คน เป็นความสุขง่ายๆ ไม่ซับซ้อน”
ตอนนี้แฟนๆ อวยยศตั้งฉายาให้จี๋เป็น “พระเอกไมโครเวฟ”
“ผมเขินมากกว่าครับเพราะว่า จริงๆผมไม่ใช่ไมโครเวฟตลอดเวลา ผมไม่อยากรับคำว่าไมโครเวฟเพราะผมไม่แน่ใจว่าตัวเองเป็นคนอบอุ่นมั้ย? เวลาเจอแฟนๆ เขาตั้งใจมาเจอเรา บางคนมาจากต่างจังหวัด ตั้งใจสอบให้เสร็จเร็วๆเพื่อมาเจอเรา เลิกงานก็รีบมาหาเรา ผมแค่รู้สึกว่าผมอยากส่งกำลังใจให้เค้ากลับไป ถึงความเหนื่อยล้าที่พวกเขาอุตส่าห์เดินทางมาหา อีกอย่างแต่ละคนมีเรื่องเครียดที่ต้องต่อสู้ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว ถ้าเกิดผมทำให้เค้าได้ยิ้มเล็กๆน้อยๆ ผมยินดีมากๆ เป็นเกียรติมากๆ”
ตัวตนของจี๋เป็นคนสนุกสนานเฮฮาหรือซีเรียสจริงจัง “ผมไม่ใช่คนตลก เล่นมุกแป้กตลอด จังหวะผมนรกมากครับ (ยิ้ม)”
แต่ทุกคนจะขำความมุกแป้กของเรานะ “ผมก็ว่าอย่างนั้น ผมว่าผมไม่ใช่คนตลกแต่เป็นคนอารมณ์ดี แต่พาร์ตตัวผมเองถ้ามีเรื่องไหนที่ซีเรียสก็จะเป็นเรื่องงานนี่แหละ ผมอยากทำออกมาให้ดีที่สุด”
ที่เรายิงมุกกระจายในไอจีถือเป็นการคืนกำไรให้แฟนๆ ด้วยหรือเปล่า “ผมเองก็สนุกไปด้วยที่ได้เล่นกับเขา ผมพยายามใช้ชีวิตให้สนุกมากกว่า อยากส่งต่อความสนุกให้ทุกคนเหมือนกับหนังเรื่องนี้ ไม่ว่าด้วยโชคชะตาหรืออะไรก็ตามทำให้ผมได้มาเป็นส่วนหนึ่งในหนังเรื่องนี้ผมพยายามทำให้ดีที่สุด ในขณะเดียวกันผมก็สนุกไปกับมันด้วย ผมอยากทำให้คนที่มาดูหรือแฟนๆที่ได้มาเจอกันสนุกไปกับเรื่องราวนี้ด้วย”
พอเรายิงมุกแต่กลายเป็นมุกแป้กแต่คนขำ คนฮาความจี๋เรารู้สึกยังไงบ้าง “เขาฮาเหรอพี่ (หัวเราะ) หลังๆ ผมไม่กล้าเล่นมุก ผมเขินเพราะเล่นแล้วมันแห้งน่ะ”
นอกจากหนังอนงค์ ยังมีโปรเจกต์อะไรใหม่ๆให้แฟนๆติดตามบ้าง
“มีครับ เล่นเอ็มวีวงสครับบ์ ชื่อเพลงว่าHER ถ่ายกันที่เกียวโต ประเทศญี่ปุ่น” มีเส้นเรื่องยังไง “จะเป็นเรื่อง ราวของผู้ชายที่เขาปิดตัวเองมานาน แต่ในเอ็มวีจะพูดถึงผู้ชายพร้อมแล้วกับการเดินทางครั้งใหม่ เพลงนี้เป็นเพลงแรกของอัลบั้มใหม่ของวงสครับบ์ เพราะวงสครับบ์เป็นวงในดวงใจอยู่แล้ว ติดตามผลงานพี่ๆตั้งแต่ผมเด็กๆ ตอนทำวงก็เล่นเพลงของสครับบ์ด้วย ดีใจที่พี่บอล พี่เมื่อยชวน เป็นเพลงที่เมโลดี้โอบอุ้มเราและมีเนื้อหาปลอบประโลมในวันที่เราเหนื่อยล้า คนที่ได้ฟังผมมีความรู้สึกว่าเขาได้รับการเยียวยา ผมฟังก็รู้สึกเย็นลง ฟังแล้วทุกอย่างรอบตัวเบาลงและตั้งใจอยากให้ทุกคนรู้สึกแบบเดียวกันครับ”
ก่อนหน้าก็เป็นพระเอกเอ็มวีให้อิ้งค์–วรันธร มาหยกๆ “ใช่ครับ เป็นพระเอกเอ็มวีให้คูมอิ้งค์ ห้ามเรียกอิ้งค์เฉยๆ ไม่ได้นะ จะคุณก็ไม่ได้ต้องเป็น คูม คูมอิ้งค์ ผมรู้สึกว่าทุกครั้งเห็นหน้าอิ้งค์? ต้องมีคูมข้างหน้า จริงๆอิ้งค์เป็นคนน่ารักครับ”
อัปเดตความรักมีเข้ามาให้เรากระชุ่ม กระชวยกับเค้าบ้างมั้ย
“ตอนนี้ผมความรักดีมาก มีครอบครัว มีเพื่อนๆ มีแฟนคลับ เป็นครอบครัวใหญ่ ลงตัวในทุกๆอย่าง” ถ้าเป็นความรักจริงๆ คนที่เราจะคุยด้วย “ผมสานสัมพันธ์กับใครไม่ได้หรอกพี่ เพราะตอนนี้มีแค่ 2 พันครับ (ยิงมุก) เห็นมะผมเล่นไปพี่ก็ไม่ฮา ตอนนี้ยังไม่มีใครเข้ามาครับ”
เราไม่เปิดใจหรือเปล่าหรอก “เปล่าๆ ผมไม่ได้ปิดนะ ผมก็ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ”
กลัวการเริ่มต้นคุยกับใครรึเปล่า “ไม่หรอกๆ ผมใช้ชีวิตปกติ”
ก่อนหน้ามีแฟนหรือหวงชีวิตโสด พื้นที่ส่วนตัว “ผมได้หมด ผมปล่อยใช้ชีวิตเจอที่ไหนสักที่ แค่ เอนจอย เดอะ ไลฟ์ ไม่รู้ตอบยังไง”
ไม่เหงาเหรอ “ก็ยังไม่มีคำตอบเท่าไหร่ ตอนนี้เอนจอย เดอะ ไลฟ์เลย”
สเปกล่ะยังไง “ไม่มีครับ”
จะต้องแนวฮาแป้กๆ แบบเราด้วยมั้ย “ไม่มีเลยครับ เวลาชอบใครแต่ละทีก็ไม่ได้ไตร่ตรองอะไรขนาดนั้น เมื่อมันเกิดขึ้นก็เกิดขึ้น”
มุมความรักก่อนหน้าเป็นเพราะเจ็บมาเยอะ “เจ็บปวด ปวดร้าวเป็นเรื่องปกติไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอะไร”
ที่ยังไม่มีใครแต่ไม่ได้เข็ดกับความรักใช่มั้ยล่ะ “จะมีใครเข็ดความรักได้จริงๆเหรอ ทุกครั้งที่เราต่างคิดว่าพอแล้วความรัก สุดท้ายความรักเกิดขึ้นจริงๆ จะมีใครห้ามตัวเองให้หยุดได้หรือเปล่า” นั่นสิ!
เรื่อง: วรรณี ห่อวโนทยาน