สร้างกระแสฮิตทั่วบ้านทั่วเมืองกับความสำเร็จของละครแนวโรแมนติกคอมเมดี้อิงประวัติศาสตร์ "บุพเพสันนิวาส" และ "พรหมลิขิต" ถือเป็นอีกหนึ่งศักยภาพในการสร้างซอฟต์พาวเวอร์ของผู้สร้างละครไทย รวมถึงศักยภาพในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ซึ่งเป็นผลงานของผู้จัดมากฝีมืออย่าง หน่อง อรุโณชา ภาณุพันธุ์ แห่งค่าย บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น นอกจากนี้บริษัทต่างชาติยังได้ซื้อลิขสิทธิ์ไปออนแอร์ที่ต่างประเทศอีกด้วย 

ล่าสุดไทยรัฐกรุ๊ป ผนึกกำลัง 3 สื่อ หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐทีวี และไทยรัฐออนไลน์ ร่วมจับมือพันธมิตร จัดเวทีการถกประเด็น Soft Power Thailand's Nest Weapon เวทีเสวนา Soft Power แบบไม่ซอฟต์ หน่อง อรุโณชา ได้มาร่วมงานเสวนาในครั้งนี้ เจ้าตัวได้เผยว่า 

ปัจจัยความสำเร็จในการทำละครที่ทำให้ติดเรตติ้งหรือประทับใจผู้ชม แน่นอนคือคอนเทนต์ ซึ่งมาเป็นอันดับแรก คอนเทนต์คือเรื่องหรือบทประพันธ์ที่น่าสนใจ ยกตัวอย่าง "บุพเพสันนิวาส" มันสำเร็จตั้งแต่เบื้องต้นตอนที่เป็นนิยายแล้ว ถูกโหวตให้เป็นเรื่องที่คนอยากจะดูเป็นละครมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ซึ่งในการทำละคร ไม่เคยมีละครเรื่องไหนที่นำภาพสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชมาเผยแพร่ หรือออกอากาศให้ผู้ชมได้ชม มันก็จะเป็นโจทย์ยาก เพราะฉะนั้นเราก็ต้องสร้างงานคุณภาพ

การทำละครให้สำเร็จ นอกจากจะมีบทประพันธ์ที่ดี ก็ยังต้องมีผู้เขียนบทโทรทัศน์ที่มีความรู้ ความสามารถ ถ่ายทอดในเชิงของนิยายออกมา และในเชิงของภาพ ให้คนซึมซับและเข้าใจ เราเลยเลือก อ.แดง ศัลยา ท่านเป็นปรมาจารย์ด้านการเขียนบท และสิ่งที่ทำให้ผู้ชมหัวเราะ ยิ้ม นั่นคือนักแสดงที่มีคุณภาพ ที่จะต้องถ่ายทอดคาแรกเตอร์ตัวละครให้มีความชัดเจน ให้คนรู้สึกถึงความน่ารัก ในเรื่องของโปรดักชันก็สำคัญมากเช่นกัน คือผู้กำกับการแสดง เพราะฉะนั้นตัวผู้จัดต้องการผู้กำกับให้เหมาะสมกับงาน 

...

นอกจากบทแล้ว สิ่งที่เราเตรียมงานอย่างหนักก็คือเสื้อผ้า เครื่องแต่งกายของนักแสดง ฉาก ทุกอย่าง จนถึงขั้นตอนของโพสต์โปรดักชัน การทำ CG การตัดต่อ หรือแม้กระทั่งเพลงที่ฟังแล้วติดหู ซึ่งการทำเพลงใช้เวลานานมาก ที่ทำให้ออกมามีความเป็นไทย และคนรุ่นใหม่ชอบด้วย เพราะฉะนั้นโปรดักชันเป็นองค์ประกอบที่สำคัญมาก 

เมื่อถามว่า สิ่งหนึ่งที่โดดเด่นเด้งมาเลย ต่างจากละครอื่นๆ ก็คือความคิดสร้างสรรค์ที่ใส่ลงไป ความซุกซนของนางเอก เมนูอาหาร แม่ไม้มวยไทยที่แทรกเข้าไปในเรื่อง เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จด้วยไหม 

หน่อง อรุโณชา ได้เผยว่า จริงๆ แล้ว บุพเพสันนิวาส มันเกิดขึ้นมาพร้อมกัน อย่างเรื่องเสื้อผ้าที่เราได้เห็นครั้งแรกพร้อมกันคือ ผ้าลายอย่าง ซึ่งเป็นผ้าในพระราชสำนัก ได้ออกอากาศสู่สายตาผู้ชม เพราะผ้าลายนี้ยังไม่เคยเห็นเลย เป็นครั้งแรกจริงๆ ของยุคสมเด็จพระนารายณ์มหาราช จะได้เห็นองค์ประกอบที่มันแปลกตา หรือคำพูด "ออเจ้า" 

และละครเรื่องนี้อาหารเยอะมาก เมนูออเจ้าก็ยังมี หมูกระทะ รวมถึงมะม่วงน้ำปลาหวาน ก็ยังขายดีจนถึงทุกวันนี้ เพราะฉะนั้นเมนูอาหารก็ยังผลักดันให้ท็อปฮิต ที่ทุกคนต้องกลับไปทาน 

และอีกอันคือเรื่องของการแต่งชุดไทย ดีใจมากๆ เพราะว่าเกิดกระแสแต่งชุดไทยไปถ่ายที่ในและต่างประเทศ และชาวต่างชาติเองก็มีความประทับใจในความงามของชุดไทย ก็แต่งชุดไทยมาถ่ายที่อยุธยา ซึ่งเรื่องนี้มันเป็นสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กันในเรื่องกระแส รวมทั้งกระแสของประวัติศาสตร์ไทยด้วย

เมื่อถามถึงอุปสรรคและความท้าทายที่เจอคืออะไร ในฐานะผู้กำกับรายการหญิงคนแรกของวงการบันเทิง เจ้าตัวได้เผยว่า จริงๆ ตอนนั้นมีแต่ผู้กำกับผู้ชาย ก็พิสูจน์แล้วว่างานลักษณะนี้ผู้หญิงก็ทำได้ ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ 

ถ้าเรามาเข้าเรื่องของละคร จะถามว่าอุปสรรคคืออะไร จริงๆ มาพูดเรื่องความสำเร็จก่อนว่าปัจจัยของความสำเร็จ ไม่ว่าจะเรื่องบท เรื่องคุณภาพ นักแสดง ผู้เขียนบท หลังจากที่เราได้ทุ่มเทงานตรงนี้ คิดว่าเราทำเต็มที่แล้ว ถามว่าอุปสรรคคืออะไร ซึ่งก็คือพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงของผู้ชม เพราะสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนอยู่เสมอ ผู้ชมในวันก่อนที่เราเปิดกล้อง กับผู้ชมในวันที่เราออกอากาศ อาจจะเรียกว่าความคิดเห็นหรือสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนไป เพราะฉะนั้นทัศนคติบางอย่างมันอาจจะไม่ใช่สิ่งนั้นแล้ว 

...

การทำละครก็ต้องตามพฤติกรรมของผู้ชมให้ทันอยู่เสมอ และสิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือเทคโนโลยี แต่ก่อนเราทีวีเราก็ต้องดูสด แต่ตอนนี้เรามีสื่อออนไลน์ ผู้ชมก็สามารถเลือกสิ่งที่อยากจะดูได้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นสิ่งที่เป็นอุปสรรคคือรีโมตและกดข้าม เพราะฉะนั้นเราจะทำละครยังไงให้ผู้ชมติดตาม สร้างความประทับใจยังไงให้เขาลืมปุ่มรีโมต หรือไม่กดข้าม เพราะฉะนั้นตรงนี้กลับมาที่คุณภาพของคอนเทนต์ เราก็ตั้งใจทำงาน ทำให้ให้มันสนุกสนานอย่างเต็มที่ และที่สำคัญต้องให้อะไรกลับคืนไปกับสังคมด้วย ความสร้างสรรค์ ความคิดบางอย่าง หรือความรู้ ความงดงาม

ถ้าจะบอกว่าบุพเพสันนิวาส ในเวลาเดียวกันเรื่องความงดงามของเสื้อผ้า พอเห็นปุ๊บก็ดีใจที่มันเกิดกระแสการท่องเที่ยวขึ้นทันที อันนี้เป็นสิ่งที่เกินคาด มันก็ย้อนกลับมาที่การทำงาน อุปสรรคคือสิ่งหลายๆ อย่าง คนทำทำเต็มที่ หลังออกอากาศไม่รู้จะเจออะไรบ้าง ยกตัวอย่างตอนที่เราทำละคร ตั้งใจจะทำละครดราม่า แต่ปรากฏว่าตอนออกอากาศเศรษฐกิจไม่เป็นใจ ผู้คนยังมีปัญหาสังคมมากมาย ผู้คนก็ไม่พร้อมที่จะดูดราม่า ใจมันห่อเหี่ยว ดูไม่ไหวแล้ว มันก็จะมีเอฟเฟกต์กับละคร ถามว่าละครดีไหม ละครดีมาก ซึ่งมันก็คาดการณ์อะไรไม่ได้เลย

ถามว่า สังคมแบบไหน สภาพแวดล้อมแบบไหนที่เอื้อให้สังคมสร้างสรรค์ และอุปสรรคอะไรที่จะขัดขวางความคิดสร้างสรรค์ของเรา

หน่อง อรุโณชา เผยว่า คนไทยมีความคิดสร้างสรรค์สูงมาก มีความสร้างสรรค์มาตั้งแต่ยุคโบราณ ไม่งั้นเราก็จะไม่มีผ้าสวยๆ ไม่มีอาหารไทยอร่อยๆ ความคิดสร้างสรรค์เรามีดีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเรื่องแฟชั่น หรือหลายๆ อย่าง ในเรื่องศิลปวัฒนธรรมที่ดีงามส่งต่อกันมา มองในแง่ของการรักษาต่อไป 

อย่างเรื่องของผ้าที่อยู่ในละคร น้องที่ทำมีการสร้างสรรค์นำมาจากจิตรกรรมฝาผนัง เพราะเรื่องราวที่ดีอยู่แล้ว แต่การที่นำมาเสริม เหมือนผ้าของพระเจ้าท้ายสระ ในเนื้อเรื่องจะเกี่ยวกับปลาตะเพียน ก็จะออกแบบเกี่ยวกับปลา อันนี้เกี่ยวกับการสร้างสรรค์และเอาลายไทยที่มีจริงมาไว้ตรงขอบของผ้า ทำให้สวยขึ้นมาก การสร้างสรรค์ ส่งต่อ และการรักษาเป็นสิ่งที่ควบคู่กันไป

...

สิ่งเหล่านี้มันเป็นการต่อยอดและพัฒนาจากสิ่งที่มีในอดีต กับอีกอันผ้าลายไทยที่คนที่ทออายุ 90 ปี เราก็คิดว่าผ้าสวยขนาดนี้ สามารถส่งต่อและนำไปพัฒนาได้ในแง่ของการส่งเสริมและรักษาสิ่งดีๆ ที่มีไว้ และเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ เชื่อว่าคนไทยเก่งมากๆ ในทุกๆ ด้านเลย ทำให้เรามีสิ่งแปลกใหม่ตลอดเวลา

ถามว่า ซอฟต์พาวเวอร์มีส่วนที่ทำให้งานของเราเติบโตขึ้นมาได้ยังไง หน่อง อรุโณชา ตอบว่า การที่เติบโตก็คือการพัฒนานั่นเอง คือการรักษาคุณภาพ หรือสร้างถ้าเป็นคอนเทนต์หรือเรื่องอุตสาหกรรมบันเทิง สร้างคุณภาพคน คุณภาพงาน และคอนเทนต์นั้นต้องเป็นสิ่งที่เป็นสากล และต่างชาติยอมรับได้ ทุกคนเห็นคอนเทนต์และสิ่งที่น่าสนใจ ประทับใจ ก็สามารถที่จะรักษาหรือส่งต่อได้ 

อีกสิ่งหนึ่งที่ชาวต่างชาติประทับใจเรา มีซีรีส์ภาพยนตร์เกาหลีเรื่อง King The Land เอาสิ่งที่ดีๆ ของเราใส่เข้าไป เขาประทับใจถึงขนาดที่เอาไปใส่ในคอนเทนต์ของต่างชาติ ทำให้ช่วยเผยแพร่ไปทั่วโลก เป็นสิ่งที่เราอยากให้เกิดอย่างอย่างนั้นขึ้น และรักษาตรงนี้ต่อไป และส่งต่อสู่ระดับโลก

เมื่อถามว่า ถ้าสมมติเป็น CEO ซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทย อยากจะผลักดันอะไรขึ้นมา หน่อง เผยว่า ซอฟต์พาวเวอร์เราเยอะมาก อาหารก็สุดยอดแล้ว หรือแม้กระทั่งคอนเทนต์ หรือการสร้างงานต่างๆ มองว่าซอฟต์พาวเวอร์ที่มีหลากหลาย ทั้งเรื่องอาหารมวยไทย ชุดหรือใดๆ ก็ตามที่มีความน่าสนใจ มองไปถึงเรื่องสื่อ ทั้งหมดที่มันมีอยู่ทั้งหมด จะต้องผลักดันหรือว่านโยบายของทางรัฐบาลที่มีอยู่แล้ว ในเรื่องของซอฟต์พาวเวอร์ ผลักดันให้ออกสื่อให้ครบทุกช่องทาง จะออกไปสู่สายตาของต่างประเทศให้เขาได้มองเห็น

...

คนสร้างสื่อหรือคอนเทนต์ที่มันน่าสนใจ อาจจะหยิบเรื่องอาหาร เรื่องในละครที่น่าสนใจหรือเกิดกระแส อะไรก็ตามมันพร้อมที่จะเป็นซอฟต์พาวเวอร์โดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำไป เพราะคนที่รับไปก็รู้ตัว ชื่นชมและชอบโดยที่ไม่ได้มีใครบังคับอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นการที่จะสนับสนุนสื่อ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ละคร ซีรีส์ ที่เราบอกว่าซีรีส์วายของเราเป็นอันดับหนึ่งของโลก 

เพราะฉะนั้นทุกสื่อที่นำไป ถ้ามีการสอดคล้องกัน อย่างบุพเพสันนิวาส ทำแล้วใส่อาหารลงไปในละคร สื่ออื่นๆ เช่น หนัง ก็อาจจะหยิบเรื่องมวยไทย หรือเรื่องใดๆ ที่มีศักยภาพที่จะเป็นซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งทุกอย่างสามารถสร้างแรงบันดาลใจผ่านสื่อให้คนต่างชาติได้ชื่นชม ได้กลับมากินอาหารไทย เที่ยวโบราณสถาน จุดนี้มองในเรื่องของดีอยู่แล้ว แต่จะพัฒนาไปในทางสื่อไหนให้เข้าถึงต่างชาติได้มากที่สุด กลับมาเป็นเศรษฐกิจ มาท่องเที่ยว มาซื้อสินค้าไทย เสริมเศรษฐกิจไทยให้มันดีที่สุด 

มองว่าโอกาสของละครไทยจะเติบโตไปได้ไกลเหมือนซีรีส์เกาหลี เป็นที่รู้จักในตลาดโลกหรือไม่

"มันมีแนวโน้มที่จะเป็นไปได้ เพราะตัวเกาหลีเอง การที่วันนี้เป็นซอฟต์พาวเวอร์คนดูซีรีส์ อาหาร เครื่องสำอาง เขาใช้เวลาในการเดินทางมา 20 ปี ที่เขาได้สร้างและเกิดความสำเร็จขึ้น 

ถ้ายกตัวอย่าง บุพเพสันนิวาส ตอนที่ปี 2561 เป็นปีที่ออกอากาศ ตอนนั้นยังได้ยินคำว่า ซอฟต์พาวเวอร์คืออะไร แต่วันที่ออกอากาศ กระแสทุกอย่างเริ่มมา คนเริ่มหาข้อมูล หรืออาหารไทยเริ่มขายดิบขายดี เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้มีความภูมิใจอย่างมาก ผู้ชมมาบอกว่า ดีใจมาก แต่ก่อนอาย ไม่กล้าใส่ชุดไทยไปไหนมาไหน แต่ตอนนี้ทุกคนภูมิใจที่จะได้ใส่ชุดไทยไปในสถานที่ต่างๆ หรือมีต่างชาติใส่ชุดไทยมาถ่ายรูปตามสถานที่ต่างๆ และยังสร้างอาชีพที่เพิ่มขึ้น เรามองว่าถ้ามันเกิดกระแสขึ้นไปแล้ว คิดว่ามันเป็นไปได้สูง โอกาสที่จะเติบโตเทียบเทียมเกาหลี คิดว่าเป็นไปได้สูงอยู่แล้ว"

ในงานละคร ทำให้ละครของเราอยู่ในกระแสได้ต่อเนื่องเรื่อยๆ ยังไงบ้าง หรือต้องมีใคร ภาคส่วนไหนมาช่วยสนับสนุนไหม เพราะเหมือนมาเป็นพักๆ?

"จริงๆ แล้วผู้ผลิตสามารถที่จะคิด แต่ว่าภาพในความต่อเนื่องน่าจะเป็นภาพรวม น่าจะเป็นเรื่องของการวางแผนงาน เพราะว่าการที่ละครสักเรื่องมันจะเกิดซอฟต์พาวเวอร์หรือเปล่า คนทำทำเต็มที่ และใส่คุณภาพ ทุกสิ่งอย่างลงไป ผลลัพธ์มันจะทราบตอนออกอากาศ เพราะฉะนั้นการวางแผนงาน หรือคณะกรรมการมองว่าถ้าจะทำให้ละครเกิดซอฟต์พาวเวอร์มีได้หลายแง่มุม เรื่องอาหาร หรืออะไรก็ตามที่สอดแทรกเข้าไป แต่สิ่งเหล่านี้เราต้องทำให้เกิดคุณภาพ ทำให้เขาชื่นชอบ เพราะฉะนั้นตรงนี้มันเป็นเรื่องของการวางแผนงานได้ อย่างเรื่องต่อไปเราอาจจะทำเรื่อง ผู้ใหญ่ลีกับนางมา อาจจะเป็นเรื่องของท้องทุ่งนา ก็อาจเป็นซอฟต์พาวเวอร์อีกรูปแบบหนึ่ง เดี๋ยวรอชมกัน"

เมื่อถามว่า คิดว่าจะเข้ามาช่วยผลักดันในอุตสาหกรรมงานบันเทิงยังไงบ้าง พี่หน่อง เผยว่า อุตสาหกรรมบันเทิงมีคนที่เก่งอยู่มากมายในทุกสาขา สิ่งที่รัฐจะเข้ามาสนับสนุน ก็คือตลาด ถ้าทำดีแล้วยังไม่มีตลาดเพียงพอ หรือช่องทางความสะดวก อย่างเช่น คอนเทนต์ต่างๆ ถ้ารัฐอำนวยความสะดวกและส่งเสริม เพราะว่าการไปต่างประเทศมันใช้งบประมาณเยอะ ถ้ารัฐเข้ามาดูแลเรื่องการส่งออก เผยแพร่ มันก็จะทำให้คอนเทนต์ที่ดีของเราก้าวไกล และส่งผลอย่างที่ตั้งใจ เราคิดว่าคนไทยมีคุณภาพ มีฝีมือ ทำให้คนชื่นชมในผลงานของคนไทยของเราได้.