เป็นเกียรติอย่างสูง เมื่อต๊งเหน่ง-รัดเกล้า อามระดิษ นักร้อง นักแสดงชื่อดังมาออกรายการ Thairath Talk ซึ่งเป็นรายการแนว Hard Talk โดยคุณรัดเกล้าออกตัวก่อนมาว่า ไม่ค่อยออกรายการแนวนี้มากนัก เพราะไม่อยากพูดเรื่องตัวเองเท่าไร และถ้าจะออกก็อยากนำเสนอเรื่องราวที่สร้างประโยชน์ต่อผู้ชม
ซึ่งคุณรัดเกล้ามาเล่าประสบการณ์ส่วนตัวกับการต่อสู้กับโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง โรคที่หลายคนอาจจะเป็นอยู่ แต่ไม่รู้วิธีการรับมือ พร้อมน้ำจิ้มให้ผู้ชมหายคิดถึงกับเรื่องราวในวงการบันเทิง วิธีตอกกลับคนบูลลี่สไตล์อีแย้ม บทสัมภาษณ์ครั้งนี้ครบรสแน่นอน
Thairath Talk : เพราะเราเป็น Perfectionist หรือเปล่า เวลาออกสัมภาษณ์ ต้องออกมาดีที่สุด
รัดเกล้า : สัมภาษณ์ไม่เท่าไร เพราะถ้าพูดเกี่ยวกับตัวเองจะไม่เข้มงวดกับตัวเองมาก แต่ถ้าเป็นเรื่องงานที่เราจะเป็นผู้ผลิตมันออกไป อันนี้จะค่อนข้างเข้มงวดกับตัวเองมาก
Thairath Talk : ข้อดีของ Perfectionist เราพอมองออก แล้วมีข้อเสียไหมครับ
รัดเกล้า : มันเครียด และใช้ชีวิตโดยพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เพื่อที่ว่าเวลามันผ่านจากจุดนี้ไปแล้ว เราจะไม่เสียใจว่าเราทำดีที่สุดของเราหรือยัง จะมานั่งเสียใจภายหลัง ปัจจุบันขณะสำคัญที่สุด ทำไมเราถึงไม่ทำให้ดีที่สุด แต่พอเราเป็นคนที่ใส่เต็มทุกงาน เราก็จะเครียดไม่รู้ตัว
มีอยู่ครั้งหนึ่งที่บ้านจัดงานทำบุญบ้าน นิมนต์พระอาจารย์ที่นับถือมาทำพิธี พอจบพิธี คุณแม่ก็ไปกราบเรียนพระอาจารย์ว่าให้ช่วยมาเตือนรัดเกล้าว่าอย่าเครียดกับงานมากนัก เครียดกับงานมากเหลือเกิน เราเลยตกใจเพราะเราไม่คิดว่าการที่เราทำงานของเราอย่างเต็มที่ แต่มันมีผลกระทบต่อคนที่รักเรา โดยเฉพาะคุณแม่
นักร้อง นักแสดง
Thairath Talk : คุณนิยามอาชีพตัวเองว่าอะไร ระหว่างนักแสดงที่ร้องเพลงได้เพราะ หรือนักร้องที่แสดงได้ดี
รัดเกล้า : เด็กรุ่นใหม่ที่เห็นเราในจอโทรทัศน์หรือภาพยนตร์ก็ไม่รู้ว่าเราเป็นนักร้อง เวลาที่เขาเห็นเราร้องเพลง เขาจะตกใจถามเราว่า พี่ร้องเพลงได้ดีขนาดนี้เลยเหรอ สำหรับเด็กๆ ภาพของเราคือเป็นนักแสดง แต่โดยส่วนตัวคิดว่า ขึ้นอยู่กับปัจจุบันขณะว่าเรากำลังทำอะไรอยู่มากกว่า
Thairath Talk : มาสเตอร์พีซสำหรับรัดเกล้าในด้านการแสดง
รัดเกล้า : ภาพยนตร์ยกให้เรื่อง อุโมงค์ผาเมือง เราเป็นร่างทรงที่ต้องแบกรับอารมณ์ความรู้สึกของคนอื่น
ส่วนละครก็บทอีแย้มในเรื่องสุดแค้นแสนรัก เป็นผลงานโทรทัศน์ที่มีผลต่อผู้ชมเยอะมาก ช่วงนั้นแทบจะเดินตลาดไม่ได้ เคยมีคนเดินมาสะกิดแล้วพูดว่า 'เธอกล้ามากนะ มาเดินตลาด' เดินตาแข็งมาหาเราเลย ซึ่งเราอยากจะบอกเขาว่า มันเป็นบทบาทการแสดงในละครค่ะ
สำหรับเพลงที่เป็นเกียรติที่ได้ร้องคือเพลงลมหายใจ เวลาร้องจะนึกภาพของคุณผู้ชมนี่แหละค่ะ เพราะถ้าไม่มีคุณผู้ชมก็คือไม่มีเราแน่ๆ ในวันนี้ เบื้องหลังของเพลงคือคำขอบคุณ คุณผู้ชมทุกคนเขาไม่ได้เป็นญาติหรือรู้จักส่วนตัว เขามาชื่นชอบสิ่งที่เราทำ เราก็ต้องกตัญญูกับเขาให้มากๆ
บูลลี่ 'ไม่สวย'
อีแย้มจัดให้
Thairath Talk : มีคำดูถูกประเภทไหนที่เราเจอมาบ้าง
รัดเกล้า : มีเยอะแยะค่ะ แต่ว่าเราไม่ได้คิดว่าเป็นแรงผลักดัน เรานำมาพิจารณาค่ะว่าเราผิดพลาดตรงไหน ถึงมีคำนี้ออกมา เช่น เจอคนมาบอกว่าเราไม่สวยเลย สำหรับเราก็ไม่คิดว่าเป็นคำด่า เพราะ 1. มันเป็นสัจธรรม ความจริงในสายตาเขา Beauty is in the eye of the beholder งามหรือไม่งามขึ้นอยู่กับผู้มอง สวยหรือไม่สวยเรารู้ตัวอยู่แล้ว
และก็มีอย่างเช่น คุณแม่บอกว่าไม่อยากให้เล่นละครโทรทัศน์ เพราะว่าเราไม่สวย แล้วเวลาออกกล้อง ภาพมันชัดมาก ทุกอย่างมันขยาย (หัวเราะ) แต่เราก็ตอบแม่ไปว่า ทำอะไรไม่ได้ ลูกไปทำอย่างอื่นไม่ทันแล้ว
เราไม่เคยโกรธคนที่มาว่าเราไม่สวย เพราะเรารู้ตัวว่าเราไม่ใช่คนสวยค่ะ มีคนเดินมาวิพากษ์วิจารณ์เราต่อหน้าด้วยซ้ำว่า ตัวจริงดูไม่ได้เลย เราก็ถือเป็นความจริงใจของคนที่เดินมาบอกเรานะคะ เราก็ ค่ะ (ยิ้ม)
Thairath Talk : สวมบทอีแย้ม ตอบกลับคนที่มาวิพากษ์วิจารณ์เราหน่อย เช่น เขาบอกว่าเราไม่สวย
รัดเกล้า : นั่นเป็นอีแย้มนะคะ ตัวจริงไม่ทำแบบนี้ โดยจะพูดว่า 'หนักหัวเอ็งเหรอ?' (พร้อมชี้นิ้วด่าแบบอีแย้มในละคร) ยืนยันค่ะว่า อีแย้มและรัดเกล้าไม่ใช่คนเดียวกัน (หัวเราะ)
WATERFALL
a new musical
Thairath Talk : ตอนนี้ผลงานชิ้นล่าสุดของคุณคือ?
รัดเกล้า : WATERFALL a new musical เป็นละครมิวสิคัลที่มีบทพัฒนาดัดแปลงมาจากเรื่องข้างหลังภาพ แต่บริบทต่างออกไป ก็พี่ (รัดเกล้าแทนตัวเองในรายการ) รับบทเป็น Narrator คอยเชื่อมระหว่างโลกในความฝัน ความรู้สึกของตัวละครแต่ละตัวกับความเป็นจริง และเชื่อมฉากแต่ละฉาก
Thairath Talk : ความยากง่ายของละครมิวสิคัลเรื่องนี้คืออะไร
รัดเกล้า : จะใช้คำว่ายากมากก็ไม่ใช่ แต่มันเป็นเรื่องการปรับตัว เพราะเราทำงานกับคนไทยมาตลอด แต่ละครมิวสิคัลเรื่องนี้ทำงานกับต่างชาติหมดเลย เป็นนักแสดงจากบรอดเวย์หมดเลย ก็ต้องปรับตัวมหาศาลเลยค่ะ เช่น เขาแก้การแสดงของเราตลอดเวลา เขาบอกให้เราทำแบบนี้ พอเล่นให้เขาดู ก็จะให้เราเปลี่ยน ลองใหม่ไปสองวัน อีกวันก็เปลี่ยนอีก และเราก็ต้องทำให้ได้เลย จำให้ได้เลย ให้เขาพูดครั้งเดียว
Thairath Talk : เข็ดไหม งานมันโหดหินขนาดนี้
รัดเกล้า : ไม่เข็ดค่ะ เป็นประสบการณ์ที่ดี และทำให้เราเตือนตัวเองเสมอว่า ฉันต้องฉลาด ฉันต้องฉลาด (หัวเราะ)
โรคสุดทรมาน
ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
Thairath Talk : ทำงานเรื่อง Waterfall เห็นว่ามีราคาที่ต้องจ่ายในด้านสุขภาพ
รัดเกล้า : เราเป็นโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังตั้งแต่เด็ก การที่เรามีตุ่มน้ำใสๆ เล็กๆ ขึ้นอยู่ ตอนเด็กๆ ไม่ได้เป็นหนักมากค่ะ พอผื่นขึ้นเราก็จะคัน คุณแม่ก็พาไปหาคุณหมอด้านโรคผิวหนัง เราก็ต้องใช้สบู่ไม่เหมือนชาวบ้านตั้งแต่เด็ก เราผ่านการทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง (Skin Prick Test) มาหมดแล้ว
แต่อาการมาหนักขึ้นช่วงวัยรุ่น อายุประมาณ 15 ปี ด้วยความที่เราเครียดและพักผ่อนน้อย เพราะเป็นช่วงที่เราเรียนหนักเพื่อเข้ามหาวิทยาลัย
Thairath Talk : อาการของผื่นภูมิแพ้ผิวหนังที่คุณเจอเป็นอย่างไร
รัดเกล้า : คันจนทนไม่ไหว มันปริแตกและเลือดออก ยิ่งเกาก็จะเป็นแผลฉีกขาด คนก็จะมองว่าเราเป็นอะไร เราก็ต้องเรียนรู้ที่จะเก็บมือเราเอาไว้ ผื่นเหล่านี้แต่ละคนแสดงอาการตามบริเวณต่างๆ ตามร่างกายไม่เหมือนกัน บางคนก็ขึ้นที่ใบหน้า ส่วนตัวเราถ้าช่วงไหนพักผ่อนน้อย หรือแต่งหน้าติดๆ กันเป็นระยะเวลานาน ผื่นก็จะขึ้นที่ใบหน้า
แต่ช่วงที่อาการหนักที่สุดคือช่วงโควิด-19 ระบาด ช่วงนั้นคือผื่นขึ้นทุกที่ ไม่ใช่แค่มือหรือหน้า ขึ้นผื่นบริเวณแผงลำตัวด้านหน้าและด้านหลัง แขนทั้งสองข้าง และขึ้นในรูจมูก รูหู สะดือ ที่สำคัญมันคันมาก เราก็ใช้มือที่มันไม่สะอาดไปเกา
มันรบกวนการทำงานตอนที่ผื่นขึ้นตา เราก็คิดว่าเราฉีดสเปรย์แอลกอฮอล์ที่มือแล้วเราถึงได้เกาที่ตา สรุปตาบวมเพราะติดเชื้อเป็นหนอง ต้องใส่แว่นดำขึ้นคอนเสิร์ตไปเลยค่ะ
ช่วงไหนที่เป็นหนักมากๆ ยาทาเอาไม่อยู่ ต้องกินยา หรือสุดท้ายฉีดยา
เมื่อได้ฟังคุณรัดเกล้าเล่าประสบการณ์ผื่นภูมิแพ้ผิวหนังที่ตัวเองประสบมา ทำให้เราอยากรู้ถึงสาเหตุและอาการของโรคดังกล่าวอย่างลึกซึ้ง ซึ่งรายการ Thairath Talk ได้รับเกียรติจาก ศ.ดร.นพ.ประวิตร อัศวานนท์
"ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง Atopic Dermatitis หรือ Atopic Eczema เรียกรวมๆ ว่าเป็นผื่นภูมิแพ้ผิวหนังอักเสบ อธิบายให้เข้าใจง่ายลงไปอีกคือ ผิวหนังที่ภูมิทำงานไม่สมดุล ทำให้ผิวหนังพร้อมที่จะแพ้ตลอดเวลาเลย พร้อมที่จะอักเสบตลอดเวลา เช่น คนเราเจอฝุ่น สำหรับคนที่เป็นโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังจะคันไปทั้งตัวเลย หรือเกิดผื่นแดงขึ้น หรือเป็นที่ทางเดินหายใจ ซึ่งมักจะมาคู่กัน" คุณหมอประวิตรกล่าว
ต้นเหตุโรค
ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
คุณหมอประวิตร : ย้อนกลับไปต้นเหตุของโรคนี้ที่เราทราบมาตั้งแต่อดีตคือ กรรมพันธุ์ บางทีคุณพ่อคุณแม่เป็น บางทีญาติสักคนนึงเป็น ซึ่งแต่ละคนไม่เหมือนกันก็ได้ บางคนอาจจะเป็นภูมิแพ้ทางจมูกเป็นเรื่องหลัก บางคนหอบหืดเป็นเรื่องหลัก บางคนทางผิวหนังเป็นเรื่องหลัก แต่มันเป็นโรคภูมิไม่สมดุลในกลุ่มเดียวกัน
โรคตระกูลนี้มันตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมค่อนข้างเยอะกว่าโรคอื่นๆ อย่างที่เราทราบกันดีว่า ตอนนี้เราเปลี่ยนจากคำว่า Global Warming เป็น Global Boiling โลกมันเปลี่ยนไปเยอะมาก โดยเฉพาะสิ่งแวดล้อม ยิ่งคนที่อยู่ในเมืองก็จะเจอมลภาวะมาก หรือสำหรับเด็ก อาหารการกินก็มีผลกระตุ้น หรือแม้กระทั่งความเครียด นอนน้อย เหล่านี้กระตุ้นได้หมดเลย
สังเกตอาการ
คุณหมอประวิตร : วิธีสังเกตอาการเบื้องต้นของผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง ถ้าเป็นผื่นจะขึ้นตามข้อพับทั้งหลาย ข้อพับศอกและหลังเข่าหรือแถวคอ จะเป็นบริเวณที่เห็นบ่อย หรือถ้าเป็นคนไข้ที่เป็นเด็ก จะเห็นใต้ตาคล้ำและเห็นเส้นอะไรบางอย่างแถวๆ ตา
ยิ่งพอถามว่าจามเป็นชุด น้ำตาไหล มีประวัติเป็นหอบหืด หรือซักประวัติครอบครัวมีคนเป็น เป็นต้น
อาการหลักของผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง คืออาการคัน แต่ถ้าการอักเสบมันมาก มันจะแสบ หรือบางคนจะใช้คำว่าเจ็บปวดด้วยซ้ำ หมอขอยกกรณีคนไข้รายหนึ่งที่เป็นผื่นภูมิแพ้ผิวหนังทั้งตัว เขาบอกว่า การอาบน้ำเป็นสิ่งที่เขากลัวที่สุดในชีวิต เพราะผิวหนังมันอักเสบมาก แค่เจอน้ำธรรมดาก็จะทนไม่ไหว เวลาอาบน้ำเขาต้องเปิดวิทยุ เพื่อไม่ให้คนในครอบครัวได้ยินว่าเขากำลังกรีดร้องอยู่ เขาเจ็บมากๆ
ผื่นภูมิแพ้ผิวหนังมีอันตรายต่อชีวิตหรือไม่ ลองจินตนาการว่า ผิวหนังมนุษย์เราแทนที่จะเป็นผิวหนังที่แข็งแรง เซลล์ยึดเกาะกัน มันกลายเป็นผิวหนังที่ไม่สมบูรณ์ ฉะนั้นเชื้อโรคต่างๆ เข้าได้ง่าย ทั้งไวรัส แบคทีเรีย และเชื้อรา ทำให้คนไข้ติดเชื้อในผิวหนัง หรือรุนแรงไปมากกว่านั้นได้ ก็นับว่ามีอันตรายต่อชีวิตเหมือนกัน
รับมือผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
คุณหมอประวิตร : ด้วยความที่โรคนี้เกี่ยวข้องเป็นภูมิ การรักษาในอดีตก็เลยใช้วิธีกดภูมิลงหมดเลย หรือที่รู้จักกันคือ ยาสเตียรอยด์ หรือยากดภูมิตัวอื่นๆ ซึ่งคนไข้ที่ต้องใช้ก็กังวลในการใช้ แต่ปัจจุบันมีนวัตกรรมการรักษา ที่ช่วยให้ผลการรักษา และความปลอดภัยที่ดีขึ้นมาก ซึ่งช่วยให้คนไข้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติจากนวัตกรรมการรักษานี้
ความเข้าใจผิดของคนไทยอย่างหนึ่งคือ พอบอกว่าเป็นผื่นที่ผิวหนัง มักจะกลัวว่าจะแพร่เชื้อมาติด แต่ถ้าเข้าใจโรค เป็นเพื่อนที่ดี ให้กำลังใจผู้ป่วย ให้เขามารักษาอย่างถูกวิธีกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โรคนี้ก็สามารถดีขึ้นได้