สานต่อความฝันให้เป็นจริง เซย่า-ณิชฎา ทองเจือ ทายาทคนโตของ พีท ทองเจือ จับไมค์ร้องเพลงปล่อยซิงเกิลแรกในชีวิต “Sometimes” หรือ แพ้ความผูกพัน ภายใต้ค่าย Lil' Brat Records (ลิต’ แบรท เรคคอร์ด) แถมงานนี้ แม็ค ศรัณย์ มารับหน้าที่โปรดิวเซอร์ให้ด้วย เติมความกลมกล่อมของเพลงให้ละมุนยิ่งขึ้น โดยหยิบเรื่องราวความรักตามประสาวัยรุ่น หวั่นไหวแต่ไม่ได้สานสัมพันธ์ แถมงานนี้เซย่าทุ่มหมดหน้าตักหน้าใจกันเลยทีเดียว เพราะงัดสกิลทุกอย่างที่มีมาใช้เพื่อให้เพลงสมบูรณ์แบบที่สุด หลังปล่อยเพลงปุ๊บแฟนๆแห่เข้ามาชมว่าเสียงเพราะ มีเสน่ห์ ละมุนๆ เจอคำชมแบบนี้จะไม่ให้เจ้าตัวยิ้มหน้าบานได้ยังไงกันล่ะ
ถือเป็นครั้งแรกสาวเซย่ามาเยือน “มาลัยไทยรัฐ” มาพร้อมแฟชั่นเฟียสๆ จัดเต็มตั้งแต่เสื้อผ้าหน้าผม แถมยังได้ เอ–ทิวากร โสภาอัศวภรณ์ Makeup Artist ช่างแต่งหน้าชื่อดังมาเนรมิตความสวยเป๊ะเว่อร์ สลัดลุคสาวน้อยขี้อายของพ่อพีทแม่เจ็ง กลายเป็น “นางแบบ” ลุคเฟียสๆคูลๆ ใส่อินเนอร์มาเต็ม สนุกสนานกับการเปลี่ยนลุคไม่ซ้ำกัน ที่ได้แม่เจ็ง สไตลิสต์ส่วนตัว เล่นใหญ่จัดชุดมาให้เปลี่ยนแบบจุกๆ เกือบ 10 ชุด ถือเป็นอีกหนึ่งจ๊อบที่สาวเซย่ายอมรับว่าสนุก ถึงแม้จะแอบกังวลรูปร่างอยู่บ้าง
...
หลังจากนั้นก็มานั่งเปิดใจคุยถึงความเป็นศิลปินเต็มตัวที่ได้เห็นแววตาความปลื้มปริ่มของเธอ พร้อมเล่าที่ไปที่มาให้ด้วยว่า...“จริงๆหนูคุยกับพี่แม็ค ศรัณย์ โปรดิวเซอร์ตั้งแต่หนูอายุ 13 แล้วค่ะ ก่อนที่หนูจะไปออดิชันที่เกาหลี ตอนนั้นอายุ 14 เลยหยุดเรื่องการปล่อยเพลงไปก่อนเพื่อไปเข้าค่ายฝึกก่อนเลย จนกระทั่งหนูป่วยก็กลับมา หนูรักษาตัวที่เมืองไทยให้สุขภาพดีก่อนและน้ำหนักตอนนั้นขึ้นเยอะมากๆ ค่อยมาทำงานตอนนี้คิดว่าตัวเองพร้อมแล้ว เลยกลับมาลุยโปรเจกต์เดิม อยากทำเพลงตัวเองค่ะ”
ไม่ใช่แค่จับไมค์ร้องเพลงเท่านั้น เซย่ายังทุ่มเทสุดๆด้วยการลงทุนเอง แต่ยังติดตลกถ้าหากจะมีสปอนเซอร์เข้ามาก็คงจะดี และยอมรับเพลงนี้ถือว่าเป็นการตามความฝันของตัวเอง ส่วนแนวดนตรี จะมาแนว อกหักนิดจังหวะเพลงฟังไม่เร็วไป ช้าไป เนื้อหาก็ตามประสาวัยรุ่น ที่รู้สึกหวั่นไหวในใจ แพ้ความผูกพันและหวังว่าเขาจะชอบเราบ้าง เมื่อถามเซย่า ครั้งนี้ทำไมถึงตัดสินใจเลือกทำเพลงไทย ทั้งๆที่จริงๆจะถนัดแนวเพลงสากลมากกว่า “ใช่ค่ะ ปกติชอบร้องเพลงสากล วิธีการออกเสียงสมูทกว่า ภาษาไทยต้องมีพูดสระ วรรณยุกต์ให้ชัดๆ ไม่งั้นเพี้ยน ก็ยากนิดนึง ก่อนร้องเพลงนี้มีฝึกเพลงไทยเยอะๆเพื่อออกเสียงให้ถูก”
มีศิลปินคนไหนเป็นไอดอล “ไอดอลของหนูเลย พี่ดา เอ็นโดรฟิน, นนท์ ธนนท์ หนูชอบสายนักร้องไปเลย หนูซื้อไมค์ของตัวเองด้วย พอเข้าสตูดิโอจริงๆมีความกดดันนิดหน่อย คนที่มาคุมการร้องคือพี่หนึ่ง อีทีซี เป็นคนที่เก่งมาก ร้องไกด์มาให้หนูก่อน พี่เค้าสไตล์อาร์แอนด์บี ตอนคุมการร้องกดดันแต่สบายใจเพราะพี่เค้าเก่งมาก ไม่ต้องห่วงเลยว่าเพลงจะออกมาไม่ดี”
ส่วนเอ็มวี “Sometimes” หรือ แพ้ความผูกพัน มาพร้อมคอนเซปต์นางฟ้าปีกที่ทำมาจากขี้ผึ้ง พระเอกคือพระอาทิตย์ พอเข้าใกล้พระอาทิตย์ทำให้รู้สึกละลายเหมือนอกหัก อยากเข้าใกล้แต่เข้าไม่ได้ “ถ้าชีวิตจริงๆหนูไม่เคยอกหัก มีแค่คนที่แอบชอบๆ ทุกวันนี้ก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่เลย หนูไม่เคยมีแฟนแบบจริงจัง เพราะหนูชอบทำงานมากกว่า”
เพื่อนคนที่เราชอบเค้ารู้ตัวมั้ย “รู้ค่ะ จริงๆก็ทั้งสองฝ่ายเลยค่ะ ที่รู้สึก ยังเจอกันแต่ยังไม่มีใครเริ่มจีบใครก่อนเป็นเพื่อนกันไป”
มีโอกาสคบกันมั้ย “ที่ตลกคือเคยคุยด้วยว่าชอบยูนะแต่ไม่มีใครจีบใครก่อน หนูรู้สึกว่าต่างคนต่างทำงานด้วย ไม่ใช่เวลาที่มาโฟกัสเรื่องพวกนี้”
...
ถ้าเซย่าจะมีแฟนวัยนี้พ่อแม่ห้าม “ไม่ได้ห้ามเลยค่ะแต่ว่าต้องอยู่ในความเหมาะสม ตอนนี้ตัวหนูเองแค่รู้สึกว่าช่วงอายุน่าจะเริ่มสร้างตัวเอง ทำงานมากกว่าเพราะเรื่องความรักหาตอนไหนก็ได้ถ้าเราตั้งใจหาจริงๆ แต่ถามว่ามีเข้ามามั้ยก็มีค่ะ”
กับความรักตอนนี้เราปิดกั้นตัวเองใช่ไหม “ค่ะ ก็ปิดไปเลยเหมือนกัน หนูรู้สึกตอนนี้ยังไม่จำเป็น ไว้อนาคต อย่างที่บอกว่าเป็นวัยนี้ขอโฟกัสการทำงาน การเงิน การเรียนมากกว่าค่ะ”
ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเพราะก่อนหน้า สาวช่างฝันอย่างเซย่าเจอมรสุมชีวิตลูกโต หลังจากตัดสินใจทิ้งทุกอย่างที่เมืองไทย เพื่อเดินตามฝัน ออดิชันที่เกาหลี หวังได้เป็นศิลปิน แต่ไปๆมาๆกลับป่วยหนักจนต้องกลับมารักษาตัว รักษาแผลใจที่เหมือนฝันถูกทำลาย เลยต้องถามถึงสภาพจิตใจตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง แล้วผ่านมันมาได้ยังไง “ตอนเด็กๆคิดว่าความฝันของเราจะเป็นจริง ทุกคนได้ประสบการณ์ คิดว่าทุกอย่างจะเป็นแบบนี้ๆ แต่ในความเป็นจริง มันไม่ได้เป็นแบบนั้น ตอนนั้นรู้สึกเศร้าและดาวน์มาก คิดว่าทำดีที่สุดแล้ว หนูลงทุน มากๆ ทิ้งทุกอย่าง ทิ้งการเรียน ทิ้งความสุขของตัวเองคือการกิน เพราะเป็นคนชอบกินมากๆ แต่ตอนไปที่โน่นกินน้อยมากๆ ต้องลดน้ำหนัก ปกติเป็นคนไม่กินผัก ไม่ออกกำลังกาย ไม่เต้น แต่พอไปทุกอย่างฟิกหมดเลย ต้องกินผักให้ได้เพราะไม่อย่างนั้นไม่มีอะไรกิน เค้าไม่ให้กินขนมไม่ให้กินน้ำตาล และตอนนั้นที่ไป คือหนูไม่เคยห่างจากคุณพ่อคุณแม่เลย ไม่เคยนอนบ้านเพื่อน แทบไม่ไปไหนเลย แต่พอไปที่โน่นเราต้องอยู่คนเดียวทั้งปี ตอนนั้นมันเหมือนเป็นความรู้สึก ไปแคมปิ้ง อยู่เมืองไทยพ่อแม่ยังไปหาได้ แต่อันนี้อยู่เกาหลีอยู่คนเดียวเลย ถ้าเรารู้สึกอะไรได้แค่โทร.ไม่สามารถไปหาหรือไปกอดเค้าได้ ตอนนั้นอายุ 14 เศร้าค่ะ อยู่คนเดียวก็รู้สึกเหงาๆ แต่ตอนนั้นดีใจได้ทำตามความฝันของตัวเอง ทุกๆวันมันเหงา ตอนนี้สุขภาพดีขึ้นเยอะแล้วค่ะ แต่ก็ต้องกินยา รักษาไทรอยด์ กินยาตลอดชีวิต เมื่อก่อนเป็นซึมเศร้า ผมร่วง ทุกๆอย่างมาก ประจำเดือนไม่มาทั้งปีแต่ตอนนี้ร่างกายกลับมาเกือบปกติแล้วค่ะ จำได้ตอนนั้นร้องไห้ทุกวันจนแบบว่าปีนึงเลย เสียใจพอแล้วค่ะ (ยิ้ม)”
...
ด้วยความเป็นลูกดารา ทำให้เซย่าต้องเจอกับคำบูลลี่ตั้งแต่เด็กจนโต ซึ่งเซย่าเล่าถึงปมในใจด้วยว่า “ทุกวันนี้ยังเจอบ้างค่ะ แต่วันนี้มันไม่สะเทือนแล้ว รู้สึกว่าส่วนมากที่เค้ามาพูดเพราะเค้าไม่แฮปปี้กับตัวเองมากกว่า อาจจะรู้สึกเศร้ากับเรื่องนี้ โมโหกับเรื่องนี้แต่มาลงกับคนอื่น”
แสดงว่าตอนนี้เซย่าเริ่มคิดได้ว่าอะไรที่เป็นปัญหาของเค้ามันไม่ใช่ปัญหาของเรา “หัวเราะ ใช่ๆ เขาอาจจะมีปัญหา มีสิ่งที่เขาไม่แฮปปี้ไม่รู้ระบายที่ไหนมาระบายกับเรา แต่ตอนนี้ก็รับมือได้ เด็กๆมีรุ่นพี่ที่โรงเรียนคนนึง เราก็คิดเขาไม่ได้อะไรกับเรา แล้วอยู่ๆ เพื่อนส่งสกรีนช็อตแอ็กเคาต์นึงให้หนูดู ก็กดเข้าไปดูมีแต่ภาพหนูเขียนแคปชันด่า แม่ลงภาพหนูกับน้องสาวไปเต้น เค้าก็เอามาลงแล้วเขียนว่าเต้นแย่มากเลยไปหาอย่างอื่นทำนะ ประมาณว่าเป็นลูกดาราก็ได้แค่นี้แหละ ได้ขึ้นสเตจไม่ได้เก่งหรอกเพราะว่าเป็นพ่อโทร.ไปบอก ร้องเพลงแย่มาก คือด่าทุกอย่าง น่าเกลียดมากเลย ทั้งแอ็กเคาต์เลยตอนนี้ทำให้เชื่อใจคนยากนิดนึง”.
...
ช่างแต่งหน้า : ทิวากร โสภาอัศวภรณ์
ช่างภาพ : สุรกิจ แก้วมรกต