เป็นอีกหนึ่งคนบันเทิง ที่ผันตัวเป็นนักการเมืองเต็มตัว สำหรับตลกดัง คิง ก่อนบ่ายคลายเครียด ที่ขยันคัฟเวอร์นายกฯคนดัง จนโด่งดังคับประเทศ อินจัดถึงขั้นประกาศลาวงการตลก ขอลงเล่นการเมืองเต็มตัว

ล่าสุด คิง ก่อนบ่ายคลายเครียด ออกมาเปิดใจในรายการโต๊ะหนูแหม่ม กับพิธีกรตัวแม่ หนูแหม่ม สุริวิภา เล่าให้ฟังว่าอยากจะพัฒนาบ้านเกิดที่จังหวัดประจวบฯ เป็นจุดเริ่มต้นแล้วต่อยอดไปพัฒนาประเทศ พร้อมกับเตรียมใจที่จะเจอดราม่าและรถทัวร์ที่จะเข้ามาในชีวิตหลังจากนี้

ตัดสินใจเล่นการเมือง?

ตัดสินใจออกจากวงการบันเทิงแล้วไปเล่นการเมือง ซึ่งมันก็จะมีกองเชียร์ของแต่ละฝ่ายอยู่แล้วถ้าเราลงเลือกเล่นการเมืองเมื่อไหร่มันจะมีทั้งคนชอบและคนไม่ชอบแต่จริงๆ แล้ววงการบันเทิงกับการเมืองมันไม่เหมือนกัน อย่างการเล่นตลกมันก็มีทั้งคนชอบและคนไม่ชอบ เวลาเราเลียนเสียงก็จะมีคนบอกว่าอันนั้นเหมือนกว่าอันนี้เหมือนกว่า ซึ่งไม่ได้รุนแรงเท่าการเมือง

เตรียมใจในการรับรถทัวร์ไปจอดหน้าบ้านยังไง?

ผมก็คิดว่ารถทัวร์ต่างๆ มาเป็นแรงผลักดันให้เราแต่ว่าที่รถทัวร์มาลงแสดงว่าเค้าก็ต้องติดตามเรา ซึ่งก็มีคำพูดที่เรารู้สึกว่ารุนแรง สำหรับเราส่วนมากคนจะถามว่าเราจบอะไรมาถึงจะมาทำด้านนี้

แล้วเราจบอะไรมา?

จบปริญญาตรีการจัดการครับ แล้วก็กำลังจะจบปริญญาโท ม.ราชภัฏสวนสุนันทา การจัดการ

อะไรทำให้เรามีฝันกับการเมือง?

เพราะผมเชื่อว่าการเมืองมันเป็นพื้นฐานในการทำให้อาชีพของประชาชนมันขับเคลื่อนได้ ผมอยู่กรุงเทพฯผมยังสมัครเป็นประธานหมู่บ้านเลย ได้เงินเดือน เดือนละ 300 แล้วก็ขับเคลื่อนเรื่องหมาแมวและที่จอดรถเรียกว่าทำจิตสาธารณะ คราวนี้เราก็เลยมองว่าหลายๆ สิ่งหลายๆ อย่างพรรคการเมืองแข็งแรงประชาชนก็อยู่รอดแค่นั้นเอง

...

คนในครอบครัวใครอยู่ในการเมืองบ้าง?

คุณพ่อเคยเป็น อบต. และตอนนี้ไปเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านแล้วก็เห็นพ่อเค้าทำงานเราก็อยากจะทำงานเหมือนพ่อบ้าง เห็นพ่อใส่ชุดสีกากีน้องชายก็เป็นนายช่างวิศวะเหลือเราคนเดียวที่ยังไม่ได้ใส่ชุดสีกากี แล้วเราก็เลยอยากใส่และไปยืนพร้อมกันทั้ง 3 คน ก็เลยสานฝันต่อ

จะลาออกจากวงการบันเทิงไหม?

คิดแล้วก็คงต้องถาวร ถ้าเราเลือกที่จะเดินเส้นทางการเมืองเราก็ควรไปให้สุด ถ้าการเมืองครึ่งนึงบันเทิงครึ่งนึงมันจะไปไม่สุดซักทาง และชาวบ้านก็จะมองว่ามึงยังเล่นอย่างนี้อยู่เลย และจะมาช่วยเหลือชาวบ้านยังไง

ไม่เสียดายเหรอ?

เราก็เสียดาย แต่ก็อาจจะเป็นการเมืองในรูปแบบใหม่ก็ได้ เพราะในความบันเทิงมันมีอยู่ในตัวของเราอยู่แล้วเราอาจจะเอาตรงนั้นไปสานต่อหรือเอาไปใช้ในด้านอื่นอาชีพนั้นก็ได้ เพื่อลดความรุนแรงทางการเมืองก็ได้อันนี้เป็นความฝันของเรา

มีโอกาสไปกราบลาผู้ใหญ่ในวงการแล้ว?

ก็ไปกราบลาอาเป็ดบอกว่าเดี๋ยวผมจะออกไปเดินเส้นทางนี้แล้ว เราก็ทำให้สุดและที่สำคัญทำให้คนเค้าเห็นว่าเราเป็นตลกคุณภาพไม่ใช่ตัวตลก อย่าให้คนมาบอกว่าไอ้นี่ตัวตลกไอ้พวกตลกคาเฟ่มันจะมาทำงานด้านบริหารได้ยังไง เพราะฉะนั้นจุดนี้จะทำให้ประชาชนรู้ว่าตลกมืออาชีพที่สร้างเนื้อสร้างตัวเพื่อครอบครัวนะ และเขาก็สามารถทำได้อีกหลายงาน เพียงแต่ว่าคนไปโฟกัสว่ามาเล่นตลกโปกฮาให้คนขำแค่นั้นเอง

ได้เรามีลงพื้นที่การเมืองหรือยัง?

ก็มีติดตามทางท่านนายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรีไปดูพื้นที่ต่างๆ และวิธีการทำงานมันเป็นยังไงถ้าเทียบกับการแสดงมันก็ยากอยู่นะ เพราะในเชิงของการทำงานแล้วก็ไปเน้นสร้างสรรค์ แต่จริงๆ ผมว่าการเมืองสมัยนี้มันไม่ได้เหมือนที่เรามอง

ครอบครัวบอกว่ายังไง?

ครอบครัวเข้าใจครับยินดีที่จะให้เราทำ เพราะเราเป็นเสาหลักของครอบครัว เขาก็สนับสนุนอยู่แล้ว เราก็มองเรื่องความมั่นคงของคนในครอบครัวมากกว่า ซึ่งในวงการเราก็ยังเหมือนเดิมเพียงแต่ว่าเราเปลี่ยนการทำงานมากกว่า.