เป็นปรากฏการณ์ที่ทำให้วงการภาพยนตร์ไทยคึกคักไม่น้อย เมื่อทางกรุงเทพมหานครจัดฉาย “หนังกลางแปลง” โดยนำภาพยนตร์ไทยเรื่องดังๆ ในอดีตออกมาฉายตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งภาพยนตร์บางเรื่องมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับสถานที่นั้นๆ
และอีกหนึ่งงานที่ถูกจับตามองอย่างมาก คืองานฉายภาพยนตร์เรื่อง “รักแห่งสยาม” นำแสดงโดย มาริโอ้ เมาเร่อ, พิช วิชญ์วิสิษฐ์ หิรัญวงษ์กุล กำกับการแสดงโดย มะเดี่ยว ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล ซึ่งงานถูกจัดขึ้นที่ BLOCK I สยามสแควร์
...
โดยภายในงานนอกจากจะมีมะเดี่ยวรวมถึง มาริโอ้-พิชญ์ คู่จิ้นสายวายรุ่นแรกๆ ของวงการบันเทิง จนเกิดปรากฏการณ์ โต้ง-มิว หนึ่งในนักแสดงที่มาร่วมงานด้วยคือนักแสดงสาว นก สินจัย เปล่งพานิช ซึ่งในภาพยนตร์เรื่องนี้นกรับบทเป็น สุนีย์ แม่ของโต้ง แต่การมาครั้งนี้ทำให้มะเดี่ยวค่อนข้างกังวลใจไม่น้อย เพราะในงานนี้เป็นการรวมตัวของคนที่เห็นต่างจากนักแสดงสาว แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
ซึ่งหลังจากเสร็จสิ้นงานดังกล่าว มะเดี่ยว ชูเกียรติ ก็ได้โพสต์ภาพคู่กับ นก สินจัย และเขียนข้อความถึงงานครั้งนี้ว่า “ก่อนจะจัดเสวนาคุยกันว่าควรชวนกันมาทั้งหมดไหม เอาจริงๆ ไม่แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับการปรากฏตัวของสินจัย ซึ่งเธอมีสิทธิ์จะได้รับเกียรติมาร่วมระลึกถึงผลงานที่เธอทุ่มเทชิ้นนี้ และเมื่อพี่นกแสดงความจำนงว่าจะมาร่วมงาน เรายินดีจะโอบกอดไมตรีจิตในครั้งนี้
มันเป็นงานที่ประหลาดมาก ด้านซ้ายเราคือน้องๆ กลุ่มไปม็อบ บางคนมาด้วยกำไล EM ที่ข้อเท้า ขวามือเราคือนักแสดงหญิงผู้ยึดมั่นในความเชื่อของตน และไม่รู้ว่าเธอต้องรวบรวมความกล้าแค่ไหนที่จะเดินเข้ามาในวงของผู้เห็นต่าง ที่ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นตลอดเวลา ขณะที่พูดคุยมองไปข้างๆ ก็จะประสานสายตากับพี่หัวเกรียนที่เหมือนจะซึมซับทุกประโยคที่เราพูดเก็บไว้ในใจ จนวูบหนึ่งอยากได้พี่เขาเป็นแฟนเพราะอยากมีคนใส่ใจทุกคำพูดอย่างนี้มานานแล้ว ถึงแม้จะรู้ว่าถ้าเกิดปลุกระดมอะไรขึ้นมาก็น่าจะถูกชาร์จก็ตาม
ไม่ว่าใครจะมาด้วยวิถีใดก็ตามแต่ ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี เราเองกลับรู้สึกผิดด้วยซ้ำที่ประเมินวุฒิภาวะของน้องๆ คลาดเคลื่อนไป กลัวเขาจะโห่ใส่พี่เขา หรือกลัวพี่เขาจะลุกขึ้นมาทวงถามเพลงสรรเสริญ ระแวงว่าสันติบาลจะรวบคนจัดงานไป กรณีไปพูดอะไรไม่ถูกใจ ละนี่ก็ถึงขั้นเตรียมเพลงของขวัญเอย ต้นไม้เอย เผื่อมีใครขอขึ้นมา เอาจริงๆ เหมือนประสาทแ-กเพราะไม่ได้สัมผัสการอยู่ท่ามกลางมนุษย์มากมายขนาดนี้มานานแล้ว
เราว่ามันผ่านไปด้วยดีเพราะในพื้นที่นั้นมันมีพลังบวกเต็มไปหมด มันมาจากพื้นที่ ผู้คนที่มาร่วมสร้างบรรยากาศเหล่านั้นขึ้น บางคนไม่ได้จะดูหนังหรอก แค่มาแสดงความรักต่อภาพยนตร์ที่เขารัก มาเจอเพื่อนเก่า มาฟังเพลง มาอะไรก็ตามแต่ พลังที่ทุกคนส่งมามันส่งถึงใจกันจริงๆ นะ เราอาจจะเปลี่ยนแปลงโลกไม่ได้ตอนนี้ แต่อย่างน้อยเรามาอยู่ในภาวะของความอิ่มเอม มันอาจจะเปิดใจเราให้รับความแตกต่างมากขึ้น และการยอมรับในความแตกต่างความเข้าใจชีวิตอื่น ก็คือหัวใจหนึ่งของ #รักแห่งสยาม
ก่อนกลับบีบมือพี่นกแน่นอย่างที่ไม่เคยมาก่อน เรามองตากันอยู่เนิ่นนาน โดยไม่พูดอะไร เรารู้ว่าพี่นกเห็นว่าเราเคยผ่านอะไรมา เช่นเดียวกับเราที่เข้าใจว่าแกต้องเจอกับอะไรอยู่ตอนนี้ เราไม่คาดหวังว่าจะเปลี่ยนแกได้ เพราะแกก็เหมือนผู้หลักผู้ใหญ่ที่เราเคารพหลายคน ที่เราคิดจะอยู่ร่วมกันให้ได้มากกว่าจะทำลายล้างกัน
สุดท้ายแล้ว เราเชื่อว่าทุกคนจะมีจุดเปลี่ยน เมื่อเวลาและประสบการณ์พาเราไปเจอจุดที่เหมาะที่ควร อย่าเชื่อว่าคนเราจะไม่มีวันเปลี่ยนได้ แม้กระทั่งตัวของเราเอง ถึงวันที่คุณไม่เหมือนเดิม คุณต้องการให้โลกนี้ปฏิบัติยังไงกับคุณ น่าคิดไหมครับ?
ยังรักทุกคนเหมือนเดิมครับ”.