- KinnPorsche The Series ซีรีส์วายฟอร์มยักษ์แห่งปี
- ทำความรู้จักกับนักแสดงหลักของเรื่อง
- เปิดใจ อาโป ณัฐวิญญ์ อดีตนักแสดงช่อง 3 หลังหมดสัญญา ผันตัวมาเป็นนักแสดงอิสระ และรับเล่นซีรีส์วายเป็นเรื่องแรก
แค่เปิดตัวทีเซอร์ก็เรียกเสียงฮือฮาได้อย่างต่อเนื่องกระแสแรงเชียร์ไม่แผ่วทั้งแฟนชาวไทยและชาวต่างชาติ จนติดทวิตเตอร์เทรนด์ อันดับ 1 ในประเทศไทย และติดท็อป 4 ทวิตเตอร์เทรนด์โลก สำหรับซีรีส์วายวงการมาเฟียเข้มข้น KinnPorsche The Series เป็นออริจินัลซีรีส์วายเรื่องแรกของ iQiyi (อ้ายฉีอี้)
ที่ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่อง KinnPorsche Story: รักโคตรร้าย สุดท้ายโคตรรัก หนึ่งในนิยายเข้าชิงรางวัลธัญวลัย สาขารางวัลนิยายสุดประทับใจ เรื่องราวของความรักอันลึกซึ้งของ "พอร์ชและคินน์" ที่ถูกซ่อนไว้ภายใต้ความดุเดือดของตระกูลธีรปัญญากูร ซึ่งเต็มไปด้วยปริศนาที่กำลังรอการแก้ไข
นำแสดงโดยนักแสดงหน้าใหม่ มาย ภาคภูมิ ร่มไทรทอง รับบทเป็น คินน์ ลูกชายคนรองของตระกูลธีรปัญญากูร ผู้ที่ถูกคาดหวังให้เป็นผู้สืบทอดอำนาจคนต่อไป ร่วมกับ อาโป ณัฐวิญญ์ วัฒนกิติพัฒน์ รับบทเป็น พอร์ช นักศึกษาหนุ่มที่ต้องมาเป็นบอดี้การ์ดให้ลูกชายตระกูลมาเฟียอย่างไม่เต็มใจ แต่สุดท้ายกลายเป็นความสัมพันธ์เข้มข้นที่ไม่มีความขัดแย้งไหนจะหยุดได้
ล่าสุด บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ ได้มีโอกาสพูดคุยกับ 6 นักแสดงของเรื่อง มาย ภาคภูมิ (รับบท คินน์), อาโป ณัฐวิญญ์ (รับบท พอร์ช), ไบเบิ้ล วิชญ์ภาส (รับบท เวกัส), เจฟ ซาเตอร์ (รับบท คิม), บาร์โค้ด ตฤณสิษฐ์ (รับบท ปอเช่) และ บิว จักรพันธุ์ (รับบท พีท)
...
อาโป "ผมตื่นเต้นมากครับ พวกเราตื่นเต้นกันมาก แต่ผมตื่นเต้นจนมันกลายเป็นความสงบ คือความรู้สึกที่เกิดขึ้นมันคือสงบ ดีใจและตื่นเต้นที่ทุกคนติดตามความตั้งใจของพวกเราตลอด แล้วคือเราตั้งใจทำและรู้ว่าพวกเขายังติดตามเราอยู่ ก็ยิ่งสงบนิ่งมากครับ"
ไบเบิ้ล "การถ่ายทำใช้เวลาไม่นาน แต่การเตรียมตัวในโปรดักชั่นนานครับ"
อาโป "การถ่ายทำประมาณ 3-4 เดือน แต่ว่าก่อนหน้าที่เตรียมตัวกันมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบท นักแสดง เวิร์กช็อปบท เวิร์กช็อปแอ็กชั่นคือใช้เวลานานครับ"
เจฟ "ที่เวลาถ่ายทำไม่นานเพราะว่าเราอยู่กับตัวละครค่อนข้างนาน ทุกคนทำการบ้านเป๊ะแล้ว แล้วค่อยมาเข้าฉากกัน ทุกอย่างเลยดำเนินอย่างรวดเร็ว"
อาโป "พูดให้เห็นภาพเลยก็คือ ทุกคนไม่เห็นวันไม่เห็นเดือนเลยดีกว่า เพราะว่าทุกคนต้องตื่นตี 3-ตี 4 แล้วกลับบ้านอีกที ตี 1 แล้วตื่นมาอีกทีตี 5 แล้วทุกคนก็ต้องวนลูปอย่างนี้กันเกือบทุกวัน"
เจฟ "ซึ่งทุกคนก็ต้องออกกำลังกายไปด้วย"
เป็นการร่วมงานกันครั้งแรกของทุกคน
เมื่อเราถามว่า เรื่องนี้เป็นการร่วมงานกันครั้งแรกหรือไม่ ซึ่งทั้ง 6 หนุ่มเผยว่า เพิ่งเจอกันครั้งแรกเลย มาแบบไม่มีใครรู้จักกัน ครั้งแรกที่เจอหน้าทุกคนต่างจับโทรศัพท์ต่างอยู่ในโหมดของตัวเอง จนกระทั่งไม่มีอะไรเล่นในโทรศัพท์แล้ว จึงเริ่มคุยกัน ทำความรู้จักกัน และสนิทกันในที่สุด
อาโป "เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกเลยครับ"
บิว "ยังไม่เคยเจอกันมาก่อนเลยครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกเลยบางคนก็มีประสบการณ์มาก่อน บางคนก็เล่นเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกครับ แต่ทุกคนก็เริ่มจากที่นี่กันหมดเลยครับ"
อาโป "คือก่อนเวิร์กช็อปพวกเราได้ไป working trip กันมาก่อน ทีนี้พอเหมือนจับปูใส่กระด้งรวมๆ กัน ทุกคนเลยดูเหมือนถูกบีบให้คุยกันมากขึ้นไปอีก สมมติเรานั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ข้างๆ กัน จนไม่มีอะไรเล่นแล้ว ก็เลยต้องเงยหน้ามาคุยกัน มาทำความรู้จักกัน เลยทำให้รู้จักกันมากขึ้น"
บาร์โค้ด "ทีแรกรู้สึกเกร็งๆ พี่เขาครับ ช่วงที่เป็นยุคโควิด ผมจะอยู่แต่ในบ้านและก็เรียนออนไลน์ จะไม่ได้พบปะกับเพื่อนหรือใครเลย ซึ่งทำให้ผมพูดค่อนข้างลำบาก พูดไม่ค่อยเป็นครับ เข้าสังคมค่อนข้างยาก"
อาโป "แต่พอได้เข้ามาเจอพวกเราปั๊บ ก็อยากจะกลับไปอยู่เหมือนเดิม (หัวเราะ พร้อมหันหน้าไปหา บาร์โค้ด)"
บาร์โค้ด "ถามว่าพูดทันพี่ๆ เขามั้ย บอกเลยว่าไม่ทันครับ แต่พยายามปรับตัวอยู่ (ยิ้ม)"
มาย "จริงๆ ต้องบอกว่าทุกคนไปแคสต์ ต้องบอกว่าทีมเราเนี่ยมาจากการแคสต์ในช่วงของ KinnPorsche The Series ในยุคแรก แล้วก็มีการพัฒนามาเรื่อยๆ จนมาในยุคที่ 2 แต่ บาร์โค้ด ก็จะเป็นการแคสต์รอบ 2 ส่วนผม อาโป ไบเบิ้ล บิว เจฟ ก็จะมาจากการแคสต์ในรอบแรก ประมาณเมื่อ 1 ปีครึ่งที่ผ่านมาครับ"
...
ไบเบิ้ล "อันนี้พวกเราเนี่ยพูดได้เลยว่า เราต้องแคสต์คนละ 2 รอบ เพื่อที่จะได้ดูว่าใช่ตัวละครที่ดีที่สุดหรือยัง เพื่อให้นักเขียนดูว่าเราเหมาะที่จะรับบทนี้จริงๆ"
บาร์โค้ด "ผมเข้ามาแบบงงๆ (หัวเราะ) ผมอยู่ดีๆ ก็มาแคสต์แล้วได้มาเจอกับพี่เจฟเป็นคนแรก ตอนนั้นพี่เจฟหล่อมาก ที่ผมมาแคสต์เห็นพี่เจฟเล่นกีตาร์แล้วก็ร้องเพลงโชว์ ในใจผมก็โอ้โห คนนี้ของจริง"
เจฟ "ของเจฟตอนนั้นน่าจะเห็นนิยายซีรีส์ KinnPorsche มาก่อน แล้วก็อ่าน เป็นนิยายวายที่แต่ละตัวละครมันมีความโดดเด่น แล้วก็มีเสน่ห์ของแต่ละตัวละคร มันเป็นความเทาๆ ที่ไม่ได้เน้นความดีหรือความเลวชัดเจนเป็นมนุษย์ที่สุด เราเลยลองมาแคสต์ดูครับ ความพอมาแคสต์ก็ประทับใจทุกคนที่ไปวันนั้นมาก คือเปลี่ยนไปกันทุกคนเลยครับ"
บิว "อย่างตัวบิวเอง เขาฟิกซ์มาเลยว่าให้รับบทเป็น พีท พอบิวอ่านคาแรกเตอร์แล้ว ซึ่งมันค่อนข้างที่จะแตกต่างจากตัวบิวเอง พอได้มาลงลึกในรายละเอียดคาแรกเตอร์แล้วมันก็มีความคล้ายกับตัวเราเหมือนกัน ก็ได้รับบท พีท นี่แหละครับ ดีใจที่ได้รับบทนี้ (ยิ้ม)"
...
อาโป "ของโปตอนนั้นมีคนติดต่อมาให้มาแคสต์เรื่องนี้ แล้วพอไปแคสต์ อ่านบทแล้วรู้สึกว่า มันมีความเป็นมนุษย์ค่อนข้างสูงเลย แล้วแต่ละตัวละครมีความต้องการที่ชัดเจนว่าต้องการอะไร คือมันเป็นความหลากหลาย แล้วพอได้อ่านบทเสร็จมีความรู้สึกว่า โปกับพอร์ชเราต้องสนิทกัน
ถามว่ารู้สึกไกลตัวจากตัวเองบ้างมั้ย โป ว่า มันมีความเป็นมนุษย์ค่อนข้างสูงในเรื่องนี้ แล้วหลายๆ คำที่เราอ่าน รู้สึกว่ามันมีความเป็นเราค่อนข้างเยอะเลย พอเราอ่านบทปั๊บแล้วเรากลับมาถามตัวเองว่า ทำไมชีวิตมนุษย์คนหนึ่งถึงคิดคำนี้ ถึงพูดคำนี้ออกมาได้ เพื่อที่จะเติมความเป็นธรรมชาติให้มากขึ้นไปอีก กับที่ในบทที่เขียนมา โปรู้สึกว่ามันน่าสนใจมาก ต่างจากบทที่เคยได้รับมา"
ไบเบิ้ล "สำหรับผมก็มีคนมาติดต่อถามว่าสนใจแคสต์เรื่องนี้มั้ย แล้วตอนแรกผมก็ไปศึกษาดู ไปอ่านนิยายมานิดหน่อย แล้วเขาบอกว่า หน้าผมเหมาะกับตัวละคร เวกัส มาก ตอนแรกผมก็เลยไปทำการบ้านมานิดหน่อยครับ ด้วยความที่เป็นบทมาเฟีย บทแอคชั่นด้วย ซึ่งผมสนใจมาก ก็เลยยอมเปิดใจมาแคสต์ดูครับ
ถามว่าทำไมต้องยอมเปิดใจมาแคสต์ ก็เพราะว่าจริงๆ แล้วผมอยากทำงานหลังกล้องมากกว่านักแสดง แต่ว่ามีโอกาสก็ต้องคว้าเอาไว้ครับ (ยิ้ม)"
...
ทุกคนต่างดีใจสุดๆ เมื่อรู้ว่าจะได้เล่นซีรีส์เรื่องนี้
มาย "ถ้าเป็นผมพอรู้ว่าได้เล่นแล้ว ความรู้สึกของผมเลยคือต้องทำออกมาให้เต็มที่ที่สุด แล้วก็รู้สึกว่าจริงๆ แล้วมันเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับเรา แล้วเป็นซีรีส์ยาวเรื่องแรก เป็นซีรีส์วายด้วย และยังเป็นซีรีส์แอ็กชั่นด้วย ซึ่งมันเป็นเรื่องใหม่สำหรับผมมาก เป็นอะไรที่เราต้องทำออกมาให้ดีที่สุด แล้วก็ขอบคุณทีมงานและหลายๆ คนที่ให้โอกาสผมครับ"
อาโป "โป รู้สึกดีใจมากๆ ครับ แต่เพิ่งมารู้ทีหลังนะว่า นิยายเรื่องนี้มันดังมากๆ คือโปไม่ใช่คนอ่านนิยาย พอรู้ว่าได้มาเล่นเรื่องนี้ก็ดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่ง แล้วก็คิดว่า โปกับพอร์ชเราต้องสนิทกันแน่นอนครับ เราต้องรักกัน"
ไบเบิ้ล "ตอนที่แคสต์แล้วได้บท เวกัส ผมรู้สึกว่า จริงๆ มันยังมีความลังเลอยู่นิดหนึ่งว่า ผมสมควรที่จะได้บทนี้จริงรึเปล่า แต่ว่ามันก็พิสูจน์ให้เราได้รู้ว่า อย่างน้อยก็เขาเห็นอะไรในตัวเราที่เราอาจจะไม่ได้เห็นตัวเองก็ได้ เลยรู้สึกว่าเราต้องทำให้ดีที่สุด แล้วต้องใช้ความพยายามให้มากกว่าคนอื่น เพราะว่าเรื่องนี้เป็นงานแสดงงานแรกของผมครับ"
อาโป "โปว่าของไบเบิ้ลที่ยากอะ คือด้วยพื้นฐานที่เขาเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูงมาก แล้วพอมันเป็นตัวละคร เขาก็คิดว่าจะทำยังไงให้มันเป็นตัวละครที่ดีเยี่ยม แล้วไปเล่นอยู่หน้ากล้องที่คนเยอะๆ เพราะจริงๆ เขาตื่นเต้นมาก และทำได้ดีด้วย และน้องบาร์โค้ดก็ทำได้ดีเช่นกัน"
บาร์โค้ด "ก่อนอื่นผมต้องขอบคุณพี่อาโปที่ชมผม (พร้อมยกมือไหว้อาโป) เริ่มแรกเลยที่ผมมาแคสต์ในซีรีส์เรื่องนี้คือรู้สึกตื่นเต้น พอผมแคสต์ได้ปุ๊บ ผมรู้สึกตกใจที่ต้องเปลี่ยนแปลงในหลายๆ อย่างของตัวเอง
อย่างเช่นการพูด การแสดง ต้องฝึกหลายๆ อย่างในการเวิร์กช็อป แล้วต้องทำความเข้าใจกับบทมากขึ้น ต้องตั้งใจอยู่กับมัน ทางทีมงานเขาดีกับผมมากๆ เลย ต้องขอขอบคุณพี่ๆ ด้วยครับ"
ถามว่าเกร็งมั้ย เพราะผมเป็นน้องใหม่ของกองด้วย ทีแรกผมเกร็งและกลัวมากว่าจะเข้ากับพี่ๆ เขาได้มั้ย ซึ่งมาเจอจริงๆ พี่ๆ เขาก็น่ารักกับผมมาก อย่างพี่เจฟเขาสามารถทำให้ผมสนิทกับทุกคนได้เร็วขึ้น เราทำกิจกรรมการ ไปเอาต์ติ้งกัน พี่เจฟทำให้ผมได้เจอคนอื่น"
อาโป (หันหน้าไปหาบาร์โค้ด พร้อมเอ่ยปากชมน้อง) "น่ารักจัง"
เจฟ "ของเจฟรู้สึกว่าตอนนั้นได้แคสต์เป็นบทของ แทนคุณ ด้วย (รับบทโดย ต๋อง ธนายุทธ ฐากูรอรรถยา) แต่ตอนนั้นเราก็ยังไม่รู้ว่าเราจะได้ตัวละครอะไร จนเขามาบอกว่าเราบท คิม ซึ่งเราก็ยังงงๆ ว่า คิม คือใคร เพราะในเรื่องเราได้เห็นตัวละครนี้น้อยมากๆ เราก็เลยไปอ่านดู และรู้สึกว่าตัวละครตัวนี้มันลึกลับมากๆ แล้วก็มีหลายๆ มุมที่เหมือนเราและไม่เหมือนเรา เลยสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ทำให้ตัวละครนี้ผิดหวัง"
บิว "สำหรับตัวบิวเอง ตอนแรกยังรู้สึกว่ายังลังเลเหมือนกัน คือตัว พีท เองเขามีความเป็นผู้นำสูง เป็นหัวหน้าบอดี้การ์ด ซึ่งมันก็เป็นตัวเราที่ต้องไปทำการบ้าน ในฐานะที่เราเป็นนักแสดง ไม่ว่าเราจะได้บทอะไร เราก็ต้องทุ่มเทและเต็มที่กับมันให้มากที่สุด
แล้วก็ทำออกมาให้ดีที่สุด เป็นตัวละครที่เขาวางรูปแบบไว้ให้แล้ว เราได้ลงมาทำตรงนี้จริงๆ แล้ว เรารู้สึกว่าเราได้ทำตรงนี้จริงๆ เราไม่ใช่บิวแล้ว ในฐานะนักแสดงเราก็ต้องทำให้ดีที่สุด ก็ดีใจและภูมิใจในตัวเองที่ทำออกมาได้ดี (ยิ้ม)"
แต่ละคนมีคาแรกเตอร์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
มาย "ผมรับบทเป็น คินน์ นะครับ ซึ่ง คินน์ เนี่ยเขาจะเป็นลูกชายคนกลางของตระกูลหลัก ซึ่งต้องแบกรับธุรกิจครอบครัว กิจการต่างๆ เขาจะมีสิ่งที่เก็บไว้ในใจก่อน แล้วตรงนี้กับสิ่งที่เขาต้องการในชีวิตก็คือ อิสระ เลยทำให้เกิดความตรงกันข้ามกัน
ภายนอกดูเป็นนักจัดการ มีฟอร์มอะไรบ้าง แต่จริงๆ เขาเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับความรู้สึก ไม่ว่าจะเป็นความรักระหว่างพี่น้อง ความรักระหว่างพ่อลูก หรือว่าคนที่เขารัก ซึ่งมันเป็นเสน่ห์ของคาแรกเตอร์นี้ครับ"
อาโป "โปมีมุมมองกับพอร์ช พอร์ชเป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเอง เขาเป็นคนที่ไม่แคร์โลก แล้วพอร์ชก็เป็นคนที่ปากไม่ตรงกับใจ แต่ข้อดีคือเขาเป็นคนมองโลกในแง่บวก สิ่งนี้มันทำให้เขาสามารถฝ่าฟันอุปสรรคมาได้มากมาย จนเขาได้มีโอกาสมาเจอ คินน์ ซึ่งเราสองคนเติมเต็มกันและกัน"
ไบเบิ้ล "ตัวละคร เวกัส เป็นลูกคนโตของตระกูลรองนะครับ คือทั้งชีวิตนี้เขาถูกเปรียบเทียบกับตัวละครหลักก็คือ คินน์ แล้ว เวกัส เป็นคนที่ถูกความกดดันเยอะ มีความหวังจากคุณพ่อมากๆ แล้วระหว่าง เวกัส กับ คินน์ มีความแข่งขันกันมาก จะเป็นยังไง ต้องไปชมกันครับ (หัวเราะ เพราะก่อนหน้านั้นเพื่อนๆ แซวว่าอย่าเพิ่งสปอยล์)"
บาร์โค้ด "ตัวผมเล่นเป็น ปอเช่ นะครับ จะเป็นคนที่น่ารักๆ เขาจะเป็นคนที่รักเฮียมากๆ ครับ เขาจะอยู่กับเฮีย 2 คน เฮียจะเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งทำให้ตัวของ ปอเช่ มีความสนิทกับเฮียมากๆ เวลาเขารัก เขาจะพูดเลยว่ารัก เขาจะไม่ค่อยเก็บความรู้สึกอะไร"
เจฟ "จริงๆ คิมเป็นลูกคนเล็ก เขามีนิสัยแบบลูกคนเล็ก แล้วเหมือนนิสัยวัยรุ่นยุคนี้ มีความเก็บตัว มีโลกส่วนตัวสูง แต่เวลาที่เขาต้องการอะไรบางอย่าง เขาจะมีวิธีการอีกแบบหนึ่ง เขาสามารถเป็นได้ทุกอย่างแล้วแต่ว่าคนๆ นั้นจะต้องการอะไร"
บิว "พีทจะเป็นคนที่ยิ้มแย้มแจ่มใจ เป็นหัวหน้าบอดี้การ์ดของคินน์ และเป็นเพื่อนกับพอร์ชด้วย พีทจะเป็นคนที่รับความรู้สึกได้เยอะ และเป็นคนที่เข้าใจโลก มองโลกในแง่ดี สามารถรับความอดทนได้ค่อนข้างสูง จะตรงกับเวกัส แต่จะเป็นยังไงก็ต้องรอติดตาม (ยิ้ม)"
มองซีรีส์วายก็เหมือนซีรีส์ทั่วไป ไม่อยากแบ่งแยกเพศ
เมื่อเราถามว่า ซีรีส์เรื่องนี้เป็นซีรีส์วายแอ็กชั่น มีบทบู๊เยอะมาก ต้องทำการบ้านมากน้อยขนาดไหน ด้าน อาโป เผยว่า
อาโป "จริงๆ แล้วโปไม่ได้มีมุมมองว่าซีรีส์เรื่องนี้เป็นซีรีส์วาย โปมองว่ามันคือหนัง 1 เรื่องที่เผยถึงชีวิตมนุษย์ มีความต้องการว่าตัวเองต้องการอะไร แล้วตัวละครอื่นต้องการอะไร แล้วตัวเองเติมเต็มตัวละครอื่นอะไรได้บ้าง
ซึ่งการทำการบ้านในบทพอร์ช พอโปได้บทมาก็จะอ่านทุกไลน์ทุกคำพูดของตัวละคร แล้วก็วิเคราะห์ 3 ข้อที่โปใช้ประจำก็คือ เศรษฐกิจ สภาพแวดล้อม และสังคมที่เขาอยู่ คือเศรษฐกิจจะบ่งบอกบุคลิกภาพของตัวละครนั้นๆ ซึ่งสภาพแวดล้อมโตมายังไง ครอบครัวเป็นยังไงจะบ่งบอกนิสัย แล้วสภาพสังคมจะบ่งบอกถึงพฤติกรรมของตัวละครนั้นๆ เช่น พอร์ช เขาได้รักกับคนๆ หนึ่ง ซึ่งเพศสภาพในสังคมก็คือเพศชาย
ณ สังคมปัจจุบัน เพศสภาพคือเรื่องปกติ ไม่เกี่ยวว่าเพศอะไร ชอบใคร หรือทำอะไร เพราะจริงๆ แล้ว LGBTQ+ ก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน เขาไม่ได้ทำอะไรผิด"
เจฟ "สำหรับคิวบู๊ในเรื่องนี้คือตอนซ้อม ยาคลายกล้ามเนื้อต้องอย่าขาด (หัวเราะ) คือตอนซ้อมเขาปิดแอร์ด้วยอะ ต้องการออกซิเจนมาก ซีรีส์เรื่องนี้มีความเป็นมาเฟียมากจริงๆ นอกจากจะต้องซ้อมคิวบู๊แล้ว ยังต้องซ้อมการใช้อาวุธด้วย เพราะแต่ละฉากเราต้องชินกับอาวุธมากจริงๆ"
บิว "ก่อนถ่ายจริง พวกเราจะมีการซ้อมบล็อกกิ้งกันก่อน ซึ่งมันค่อนข้างใช้เวลา ก็ต้องจำคิวบล็อกกิ้งให้แม่นเพื่อที่จะเซฟคู่แสดงด้วย และป้องกันการเกิดอันตรายด้วย แต่มันไม่ได้ผลสำหรับบิว (หัวเราะ) ผมได้แผลทุกรอบจริงๆ"
อาโป "บิวเป็นคนที่ถอดเล็บบ่อยมาก"
บิว "2-3 รอบแล้ว พอเล็บงอกใหม่ก็ต้องถอดอีกแล้ว"
มาย "ซีนบู๊ของผมมีน้อยรองจากพอร์ช นิดนึงครับ แต่เตรียมตัวมาเยอะ กว่าว่าร่างกายจะบาดเจ็บและจะทำให้ทีมช้า เลยได้อาโปมาช่วยแนะนำเพราะเขามีประสบการณ์สูงกว่า และตัวเราเองก็เข้ายิม เปลี่ยนจากการไปเล่นฟิตเนสไปกลายเป็นการซ้อมจริงจัง สนุกมาก เล่นแอ็กชั่น ต้องลองสักครั้ง"
ไบเบิ้ล "ของผมมีบู๊นิดหน่อยครับ ส่วนใหญ่บท เวกัส เขาเป็นหัวหน้าของตระกูลรอง ส่วนใหญ่เขาจะไม่ใช้หมัดอะไร เขาจะใช้ลูกน้องมากกว่าครับผม (หัวเราะ)"
อาโป "การทำงานในกองก็อย่างที่เห็นครับ เหมือนจับปูใส่กระด้งเลย เพราะทุกคนจะไปเจ๊าะแจ๊ะกัน แกล้งกัน"
เจฟ "แต่จริงๆ มันก็ชิลนะ ด้วยความเป็นครอบครัว แต่ถ้าจริงจังมันก็จริงจังมากนะ ถ้าเป็นซีนที่ต้องใช้อารมณ์ทุกคนก็จะเงียบเพื่อให้เข้าถึงอารมณ์กัน"
มาย "ที่กองเราสนุก มีครบทุกรูปแบบเพราะว่ามีพี่ๆ ดารารุ่นใหญ่อยู่ด้วย สำหรับผมเวลาเข้าฉากกับพี่ๆ รุ่นใหญ่ ผมจะรู้สึกเกร็งในช่วงแรก อย่าง พี่กบ ทรงสิทธิ์ ตอนเด็กๆ เราชอบเขามากจาก สามหนุ่มสามมุม แต่ก่อน ตอนนี้ต้องมาเล่นเป็นพ่อลูกกัน รู้สึกว่าเขาหล่อไม่เปลี่ยนเลย มิน่าล่ะลูกชายในเรื่องถึงหน้าตาอย่างนี้ (ยิ้ม)"
ชื่นชม พี่โขม ผู้กำกับและทีมงาน ทำงานได้เก่งและสุดยอดมาก
นอกจากนี้ ทั้ง 6 คนยังได้พูดถึง พี่โขม ก้องเกียรติ ผู้กำกับซีรีส์เรื่องนี้ พร้อมกับชื่นชมในการทำงาน และมุมมองความคิดของผู้กำกับ ซึ่งผลออกมาแต่ละฉาก มันว้าวมากจริงๆ
มาย "สำหรับผม ผมว่าดุนะ พี่โขมเขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์และประสบการณ์สูง เรื่องการแก้ไขหน้างาน จัดการหน้างาน ผมรู้สึกว่า โอ้โห เก่งจังเลยว่ะ"
อาโป "สำหรับโปมองว่าไม่ใช่ความดุ แต่เป็นความจริงจังมากกว่า พี่โขมเขาคิดอยู่ตลอดเวลาว่าซีนนี้เอายังไง ซีนนี้จะเป็นยังไงต่อไป คือเขาเก่งทางด้านแอ็กชั่นมาก ประสบการณ์ก็สูง แต่ว่าที่หลายคนยังไม่รู้ก็คือ เขามีเซ้นส์ของความตลกสูงมากๆ"
ไบเบิ้ล "ในฐานะที่ผมเป็นนักแสดงหน้าใหม่ และเป็นเรื่องแรกเลย แล้วได้ทำงานกับพี่โขม รู้สึกว่าโชคดีมากได้เรียนรู้หลายอย่าง ผมก็แค่ต้องพยายามทำการบ้านและไม่เป็นตัวถ่วง (หัวเราะ) มันเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ของผมครับ"
บิว "รู้สึกว่าโชคดีเหมือนกัน และเราก็เป็นแฟนคลับหนังของเขาจากเรื่อง ลองของ รู้สึกโชคดีมากที่ได้มาร่วมงานกับเขา และเขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์ทางด้านนี้จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านคอมเมดี้แอ็กชั่น เขาเก่งมากครับ"
เจฟ "ผลงานของพี่โขมที่เราดูมาตั้งแต่เด็กๆ ฉากบู๊ของพี่เขาสุดมากๆ เราก็เลยต้องทำการบ้านค่อนข้างหนัก เพราะเราไม่เคยร่วมงานกับพี่เขา เลยไม่รู้ว่าพอไปอยู่หน้าเซตทำให้การตีความของเขาไม่เหมือนกับที่เราตีความมา เขาทำให้ตัวละครของเรามันนัวขึ้น"
บาร์โค้ด "ของผมของพูดถึงพี่โขมในเรื่องของอารมณ์ที่เขาสอนเราออกมา พี่เขาจะอยู่หลังกล้อง ฉากที่ผมร้องไห้ พี่โขมเขาจะบิลท์เราและทำให้อารมณ์ของผมมันเพิ่มออกมา"
อาโป เคยเล่นละครมาก่อน แล้วเราทั้ง 5 คนเคยเล่นละครมาก่อนมั้ย?
เจฟ "ของเจฟมีมินิซีรีส์ครับ แต่ไม่ถึงกับเป็นซีรีส์ยาวอย่างเรื่องนี้ครับ"
บิว "ของบิวก็เคยมีแต่เป็นละครครับ ซึ่งมันแตกต่างจากซีรีส์ค่อนข้างเยอะครับ แล้วก็การถ่ายละครกับซีรีส์ความแตกต่างค่อนข้างเยอะครับ ซีรีส์มันเหมือนเราได้ลงไปใช้ชีวิตนั้นจริงๆ สวมตัวละครนั้นจริงๆ ซึ่งมันค่อนข้างแตกต่างจากละครที่บิวเคยสัมผัสมาครับ"
ไบเบิ้ล "เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกของผม ต้องปรับตัวอย่างมาก คือเราไม่เคยทำมาก่อน ต้องทำตัวให้ยืดหยุ่น ซึมซับทุกอย่าง"
"ที่เคยบอกว่าเป็นคนโลกส่วนตัวสูง คือผมต้องปรับตัวหนักมากครับ คือผมเป็นคนที่ไม่ค่อยพูดคุยกับใคร เป็นคนขี้อาย คือจะอยู่ร่วมกับคนอื่นก็ต้องปรับนิสัยของเรา ก็คือเป็นการเรียนรู้ที่ดีมากครับสำหรับชีวิตส่วนตัวและชีวิตการทำงานครับ"
มาย "ผมเคยเล่น MV กับมินิซีรีส์ ก็คือนานมากแล้ว เรื่องนี้เป็นโปรเจกต์ใหญ่ตั้งแต่เกิดมา"
บาร์โค้ด "ผมไม่เคยเล่นมาก่อนเลยครับ ปกติผมจะอยู่แต่ในโรงเรียน เรียนหนังสือ เตะบอล ว่ายน้ำ ทีนี้พอผมต้องมาทำงานตรงนี้ ผมก็ต้องปรับตัวอะไรหลายๆ อย่างครับ ตอนแรกๆ ยังจัดตารางเวลาไม่ค่อยได้ ก็ต้องขอขอบคุณคุณแม่ด้วยครับ
ตอนนี้ผมอายุ 17 แล้วครับ เป็นน้องเล็กสุดเลย แต่เราก็ไม่ได้มีระยะห่างอะไรมากจากพี่ๆ นะครับ เราก็มีความคิดคล้ายกัน"
เป็นการมาเล่นซีรีส์วายเรื่องแรกของ อาโป ณัฐวิญญ์
อาโป "สิ่งที่ทำให้โปตัดสินใจมาเล่นซีรีส์วาย จริงๆ อย่างที่บอก คือโปไม่ได้มองว่าอันนี้คือซีรีส์วาย แต่โปมองว่า มันคือหนัง 1 เรื่องที่แสดงมุมมองของมนุษย์ แสดงธรรมชาติของมนุษย์ แล้วโปเชื่อว่าจะเป็นเรื่องหนึ่งที่ได้เติมเต็มความสุขให้กับคนดู และได้บอกคนที่เขากำลังใช้ชีวิต ต่อสู้กับชีวิตอยู่ว่า จริงๆ มันมีตัวละครแบบนี้นะ มันมีคนแบบนี้นะ มันเป็นสาเหตุที่โปมารับเล่นเรื่องนี้ครับ"
"แล้วผมก็อยากจะท้าทายฝีมือการแสดงของเราด้วย โปเชื่อว่า บทของเรื่องนี้มันเป็นบทที่น่าประทับใจเรื่องหนึ่งในชีวิตของโปเลย และโปก็ทุ่มเทมากๆ เช่นกัน ทุกครั้งที่โปเล่น มีความสุขมาก โปคิดว่าคนดูจะได้รับความสุขนั้นไปด้วย"
เปิดมุมมองของแต่ละคนเกี่ยวกับซีรีส์วาย
ทุกคนต่างมองว่า ซีรีส์วายก็คือซีรีส์ทั่วไปที่บอกเล่าเรื่องราวของมนุษย์ และทุกคนมีความสุขกับการใช้ชีวิต ไม่ว่าเราจะชอบเพศอะไร ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
อาโป "โปไม่ได้มองว่ามันวายไม่วาย แต่โปมองว่าอันนี้มันคือชีวิตมนุษย์ มันคือธรรมชาติเป็นสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะว่าคนในสังคมเวลาเขาใช้ชีวิต ไม่มีใครบอกว่าเราเป็นนั่นเป็นนี่ โปคิดว่าทุกคนมีความสุขกับการใช้ชีวิต
LGBTQ+ เขาไม่ได้ทำอะไรผิด เขาไม่แปลก อย่างโปก็เคยโดนบูลลี่เรื่องนี้มาก่อน และโปรู้สึกว่าการที่เราจะชอบเพศอะไร หรือว่าชอบแบบไหนมันไม่ใช่เรื่องแปลก แล้วโปก็อยากจะให้ทุกคนเข้าใจว่า มนุษย์ก็คือมนุษย์ รักก็คือรัก ทุกสิ่งต่างๆ ที่ทำไม่มีอะไรผิด"
มาย "สำหรับผมมุมมองซีรีส์วาย ผมกับโปคุยกันบ่อย เรื่องของการมาเล่นซีรีส์เรื่องนี้ จริงๆ เราไม่ได้แยกว่า วาย หรือไม่วาย ผมคิดว่ามุมมองเรื่องความรักเป็นสิ่งที่สวยงาม มีสิ่งที่เป็นเลเยอร์ของเขา
ส่วนมุมมองซีรีส์วาย ผมว่าวงการซีรีส์วายไทยโตมาก แล้วก็แข็งแรงมาก เชื่อว่าจะพัฒนาไปเรื่อยๆ ผมดีใจที่ทีมเราเป็นซีรีส์วายแนวมาเฟียแอ็กชั่นเรื่องแรกๆ ที่ทำให้คนดูติดตามรับชมมากขึ้น ผมรู้สึกอิ่มเอมและเชื่อว่าวงการซีรีส์วายไทยจะพัฒนาไปได้ไกลมาก จนวันที่ผมแก่มันอาจจะไม่มีขอบเขตกั้นระหว่างซีรีส์วายกับซีรีส์ชายหญิงธรรมดาแล้ว"
ไบเบิ้ล "ส่วนตัวผมมองว่าตอนแรกมันมีธีมของมัน แล้วตอนหลังมันพัฒนาในหลายรูปแบบ ทั้งแอ็กชั่น บู๊ พอเราได้มาเล่นซีรีส์เรื่องนี้มันก็ไม่ได้แบ่งแยกว่าเป็นแค่ซีรีส์วายครับผม"
บิว "สำหรับตัวผมเองรู้สึกว่ามันไม่ใช่แค่ซีรีส์วาย มันคือหนังและก็พล็อตหนังดีๆ เรื่องหนึ่งที่เราพยายามจะสื่อสารมันออกไป มันไม่ใช่สิ่งหรือสื่อบันเทิงที่ผู้ชมจะชมแค่พล็อตบทมาเฟีย แต่มันคือการถ่ายทอดของมนุษย์ 2 คน ทำไมถึงรักกัน ทำไมเรื่องถึงดำเนินมาถึงนี้ และทำไมถึงรักกันได้"
เจฟ "เจฟมองว่า วายมันไม่ใช่บทของหนังครับ รสนิยมทางเพศมันไม่ได้เป็นตัวกำหนดหมวดหมู่ของหนัง เพราะฉะนั้นหนังวายหรือบทมันก็คือซีรีส์ทั้งหมด ผมว่าจริงๆ ควรจะโฟกัสที่ตัวหนังจะสื่อถึงอะไร ต้องการจะพูดอะไรมากกว่า"
บาร์โค้ด "อยากจะบอกว่า ความรักคือความสุขครับผม เพราะฉะนั้นไม่ควรมีขอบเขตครับ (ยิ้ม)"
ขอบคุณครอบครัว แฟนคลับที่ซัพพอร์ตมาตลอด
นอกจากนี้ทุกคนยังได้ฝากขอบคุณไปยังแฟนๆ ที่คอยซัพพอร์ตกันมาตลอด แม้ซีรีส์จะยังไม่ออนแอร์แต่แฟนๆ ทุกคนก็ยังอดทนรอ
อาโป "คือจริงๆ ตั้งแต่ซีรีส์ยังไม่ออนแอร์ เขาให้การซัพพอร์ตพวกเราดีมาก ก่อนที่จะทำการถ่ายทำ ก่อนที่เทรลเลอร์จะออกแล้ว จริงๆ พวกเราและทีมงาน ตามแท็กอยู่ตลอด เราเห็นทุกๆ กำลังใจ เห็นทุกๆ การซัพพอร์ตที่แฟนๆ มีให้
พวกเรารู้สึกขอบคุณจริงๆ ขอบคุณที่เดินเคียงข้างกันมาตลอด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น วันที่ทีเซอร์ออกเป็นวันที่ขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์ด้วย มันทำให้พวกเรามั่นใจยิ่งขึ้นไปอีกว่าแฟนๆ เดินอยู่ข้างเราจริงๆ นะ ให้การตอบรับที่ดี ก็ขอบคุณมากๆ ครับ"
มาย "แม่กับพ่อผมแซวก่อนเลย เห็นทีเซอร์เขาก็แซว เพิ่งกลับบ้านไป เขาเจอผม เขาก็ตบโต๊ะดังปัง ทำท่าเหมือนคินน์ เราก็งงอะไรวะ (หัวเราะ) พ่อแม่ผมเขาจะซัพพอร์ตในหลายๆ เรื่องที่เราตัดสินใจ ซึ่งก็น่ารัก ต้องขอบคุณพ่อกับแม่ด้วยครับ เพราะว่าพ่อกับแม่ก็ไม่เคยเห็นผลงานยาวๆ ของผมมาก่อนด้วยครับ"
อาโป "ของโป พ่อแม่ก็แซวว่าแบบ แหม คินน์-พอร์ชๆ คือโปก็ถามเขาว่า ป๊าได้ดูทีเซอร์ยัง เขาก็บอกว่า ดูแล้ว ก็ดีนะ ดูตั้งใจดี มันสวยงามมาก"
บาร์โค้ด "พ่อแม่ผมให้การสนับสนุนผมดีมากนะครับ แล้วเขาก็ดีใจที่ผมได้เล่นเรื่องนี้ เขาน่ารัก ซึ่งตัวละครปอเช่กับผมอ่ะ จะมีอะไรที่คล้ายกันก็คือรักครอบครัว ตัวผมก็รักครอบครัวเช่นกัน (ยิ้ม)"
อาโปช่วยเสริมบาร์โค้ดว่า "คือจริงๆ พ่อแม่เขาดูภูมิใจนะ พี่สาวเขาก็ภูมิใจด้วย เวลามากอง ปาร์ตี้ในกอง สีหน้าพ่อแม่เขากับพี่สาวดูภูมิใจอ่ะกับการที่บาร์โค้ดโตขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว พูดจาฉะฉานขึ้น เข้าสังคมได้เก่งขึ้น"
เจฟ "จริงๆ คุณแม่เขาเลยวัยอ่านนิยายมาแล้ว เขาก็ไม่รู้หรอกว่าเราทำอะไร แม่เขาจะมีเฟซบุ๊กอยู่แล้ว เขาจะคอยแชร์ แล้วพอคอนเทนต์เราอยู่ในทวิตเตอร์ แม่เขาก็บอกว่า เอ๊ะ แม่ต้องสมัครแล้ว แล้วแม่ก็สมัครเข้ามา กลายเป็นแม่ก็มาอยู่ในด้อม กลายเป็นเมมเบอร์หลักไปแล้ว ส่วนคุณพ่อเวลาไปกินข้าว เขาก็จะเรียกพนักงานเสิร์ฟมาแล้วบอกว่า นี่ลูกชาย พร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิด"
บิว "สำหรับครอบครัวบิวเองก็ได้รับการสนับสนุนเต็มที่ครับ ก็ไม่ว่าจะลงคอนเทนต์อะไร พ่อนี่ก็จะส่งลงในกลุ่มของแฟมิลี่แล้ว (ยิ้ม) แล้วก็ไปสมัครเฟซบุ๊กในกลุ่มคนรักคินน์-พอร์ชด้วย (ยิ้ม) ซึ่งลูกชายก็ยังไม่รู้เลย แล้วแม่ก็อีกคน เดินไปบอกป้าข้างบ้านเลย นี่ๆ ลูกชายฉัน"
ไบเบิ้ล "ครอบครัวผมก็ซัพพอร์ตมากๆ เลยครับ คือซัพพอร์ตในเรื่องการแสดงเรื่องแรก แล้วเขาก็เป็น FC มาตลอด เขาติดตามแท็กอยู่ในทวิตเตอร์ บางทีเขาเห็นแท็กที่แฟนคลับเขาโพสต์ เห็นก่อนที่ผมจะเห็นอีก เขาก็ส่งให้ผมดู ผมก็ตกใจ ข่าวไวกว่าผมอีก (หัวเราะ) บางทีผมจะเห็นฟีดแบ็กจากแฟนๆ จากที่พ่อกับแม่ส่งมา แทนที่จะไปส่องดูเอง ซึ่งเร็วกว่าผมเปิดเองอีก (ยิ้ม)"
อยากให้ทุกคนได้ติดตาม KinnPorsche The Series
มาย "ผมเชื่อว่าซีรีส์เรื่องนี้สนุกแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นดราม่า แอ็กชั่น เลิฟซีน สำหรับผมมันกลมกล่อมมาก ครบทุกรส คือผมอาจจะไม่ได้อยู่ทุกซีนที่ถ่ายนะ แต่ว่าจากเนื้อเรื่องที่อ่านจากต้นจนจบ และโปรดักชั่นที่ทำ ผมว่ามันต้องสนุกมากๆ แน่ๆ เลย ผมก็ไม่ได้อยากจะขายของแต่ก็อยากขายแหละ ดูแล้วสนุก อิ่มเอม ครบรสแน่นอนครับ (ยิ้ม)"
อาโป "ดีใจมากๆ ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในเรื่องนี้นะครับ ขอบคุณแฟนๆ ขอบคุณทุกคนที่เดินอยู่ข้างๆ เราตลอดครับ แล้วก็ให้กำลังใจเรามาตลอดเวลา ทุกสิ่งที่พวกเราทำ งานนี้เป็นงานหนึ่งที่โปตั้งใจที่สุดในชีวิตแล้ว แล้วก็เป็นงานที่โปทุ่มเทกำลังกายกำลังใจไปมากๆ
อยากให้เรื่องนี้ไปปรับเปลี่ยนมุมมองของใครหลายๆ คน อย่างคนที่เขากำลังต่อสู้กับชีวิตอยู่ เขาไม่มีสังคมยอมรับ หรือคนยอมรับเขา แต่เรื่องนี้จริงๆ แล้วมันมีคนอย่างพอร์ช คนอย่างคินน์อยู่ แล้วเขาอาจจะนิสัยอย่างคนดูคนนั้น แล้วจริงๆ คนแบบนี้ยังอยู่ในสังคมได้เลยนะ
แล้วอย่าง LGBTQ+ เขาไม่ได้แปลก ไม่ได้ทำอะไรผิด เขาคือคนๆ หนึ่งที่อยากใช้ชีวิตในสังคมเป็นปกติสุข อยากขอบคุณแฟนๆ มากๆ ครับ ขอบคุณครับ"
ไบเบิ้ล "อยากขอบคุณแฟนๆ ที่รอคอยมานาน ผมว่าการทำซีรีส์เป็นอะไรที่ผมทุ่มเทมาก ผมเรียนไปด้วยแล้วก็ทำงานไปด้วย มันเป็นอะไรที่ท้าทายที่สุดในชีวิตผมแล้ว อยากให้มันออกมาดี ทุกคนทำงานหนักมาก อยากฝากแฟนๆ ด้วยนะครับ"
บิว "เป็นซีรีส์ที่บิวทุ่มเทและตั้งใจมากๆ แล้วก็เป็นซีรีส์วายเรื่องแรกที่บิวตัดสินใจที่จะเล่น มันไม่ใช่แค่เรื่องของนิยายมาเฟีย แต่มันเป็นเรื่องของมนุษย์ ความสัมพันธ์ ความรัก รวมถึงความรักของบิวที่มีต่อซีรีส์ด้วย มันทำให้เห็นว่า เราตั้งใจกับมันจริงๆ อยากสื่อสารให้ทุกคนได้เห็นมันจริงๆ
อยากขอบคุณทุกคนที่รอคอยมาตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงวันนี้ ไม่ว่าคนที่จะรออยู่หรือไม่รอแล้วก็ตาม เราอยากขอบคุณมากๆ แล้วทุกคนจะได้เห็นพร้อมๆ กันนะครับ วันที่ 2 เม.ย. นี้ครับ"
เจฟ "อยากจะบอกว่าที่ทุกคนเห็นในทีเซอร์มันแค่ 1% แต่ในซีรีส์มันมีอะไรมากกว่านั้นแน่นอน เชื่อว่ามันสนุกในทุกมิติจริงๆ ทุกคนใส่สุดฤทธิ์กันทุกคน ทั้งนักแสดง ทีมงาน เรียกว่าหลังจากถ่ายทำเสร็จ สลบกันทุกคนเลย เรียกว่าเป็นซีรีส์วายที่เข้มข้นมากทั้งความรัก และเรื่องอื่นๆ ในทุกๆ มิติ ใครที่ไม่ดูวายมาก่อน ลองเปิดใจดู ไม่ผิดหวังแน่นอนครับ"
บาร์โค้ด "ทุกคนก็ตั้งใจกันมากเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นนักแสดง ทีมงาน ผู้กำกับเอย ซีรีส์เรื่องนี้เปรียบเสมือนของขวัญของพวกเรา อยากให้ทุกคนได้แกะของขวัญกล่องนี้มากๆ อยากให้ทุกคนได้เอ็นจอยกับมันด้วยครับผม สามารถรับชมได้ทาง iQiyi และทางช่องวัน 31 นะครับ ออกอากาศทุกวันเสาร์ เริ่ม 2 เม.ย. นี้ครับ".
เรื่อง : โอ้ว...ซาร่า
กราฟิก : Jutaphun Sooksamphun