• ละครซีรีส์ไทยโดนตั้งคำถาม จากคนดูหนักขึ้นๆ ว่ายังย่ำอยู่กับที่ 
  • มีหลายองค์ประกอบสำคัญมาก ที่ทำให้ละครไทยยังไม่แรงระดับโลกได้ 
  • ซีรีส์เกาหลี-ฝรั่ง มีอะไรที่เราต้องเรียนรู้เพิ่ม เพื่อต่อยอดพัฒนาละครไทย

ต้องทุบๆ ละครไทย ทำไมยังด้อยกว่าซีรีส์เกาหลี ละครไทยจะพัฒนาได้ยังไงอย่างยั่งยืนได้ จากตอนที่แล้ว ชำแหละ! ทางรอดละครไทย ยุคแข่งขันดุเดือด ทำไมสู้ซีรีส์เกาหลีไม่ได้ (คลิกอ่าน) บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ สเปเชียลคอนเทนต์ Special Content จะพาไปค้นๆ หาคำตอบ เพื่อจะร่วมด้วยช่วยกันพัฒนาละครไทยให้ดังระดับโลก

รัฐบาลไทยไม่เห็นความสำคัญ

ทำงานอยู่ในวงการบันเทิงไทย มาหลายสิบปี อุ๊บ วิริยะ พงษ์อาจหาญ นักปั้นมือทอง กล้าพูดตรงๆ ในฐานะคนดูดังนี้ นักแสดงไทยก็เก่งนะ มีฝีมือ แต่ละครไทยมีแต่แนวผัวๆ เมียๆ เมียน้อยเมียหลวงชิงรักหักสวาท ข่มขืนตบจูบกัน มันวนๆ เวียนแบบนี้อยู่มานานมากแล้ว  

ซีรีส์เกาหลีเขายึดนักแสดงที่เหมาะกับคาแรกเตอร์เป็นหลัก เราดูแล้วอิน แต่ละครไทยเราทำไม่ถึงด้วยแหละ รัฐบาลเกาหลีเขาสนับสนุนเงินเยอะ แต่รัฐบาลไทยไม่ได้เห็นความสำคัญตรงนี้ มีแต่เอาเงินไปซื้ออาวุธสงคราม

ถามว่าละครไทย จะพัฒนาได้อย่างไร (นิ่งคิดนาน) อืม...ไม่รู้เหมือนกัน (หัวเราะ) ก็คงจะอยู่กันไปอย่างนี้ เพราะคนไทยชอบดูละครไทย สังเกตมั้ยละครหลังข่าวมีแต่แรงๆ พี่ดูแล้วปวดหัวแทน คนไทยชอบดูอะไรแรงๆ ด่ากันแรง เราดูไปก็ด่ากันไป (หัวเราะ) จริงๆ ตอนนี้คนดูมีหลายกลุ่ม กลุ่มดูซีรีส์วาย ซีรีส์ฝรั่ง กลุ่มดูละครไทย ฯลฯ แล้วแต่จะชอบกันไป นานาจิตตัง 

...


โตต่อได้แต่ต้องร่วมมือทุกฝ่าย

จากดาราดังผันตัวมาเป็นผู้จัดละคร ทางช่องดังได้หลายปีแล้ว เอ๊ะ อิศริยา สายสนั่น ยังมีอีกบทบาทหนึ่ง คือการเป็นอาจารย์พิเศษ สอนตามมหาวิทยาลัยด้วย มามากกว่า 10 ปีแล้ว วิเคราะห์ละครไทยได้น่าสนใจดังนี้

หลายประเทศก็จับตาละครไทยกันอยู่ ละครไทยอนาคตจะเปิดกว้างมากขึ้น ละครไทยยังไม่ตาย จับจุดให้ถูก ตอบโจทย์ให้ดี ละครไทยจะพัฒนาได้ ต้องร่วมมือกันหลายฝ่าย ทั้งฝ่ายรัฐบาล คนทำ คนดู คนสนับสนุนหลายๆ ฝ่าย ไม่อยากจะไปโทษใคร ไม่อยากจะเจาะจงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

ละครเกาหลี 1 ตอนที่เขาทำ เท่ากับละครไทยที่ทำทั้งเรื่อง งบประมาณมันต่างกันมากๆ เราคนทำงานก็พยายามกันอยู่ ต้องทำงานให้หนัก เราเองเป็นผู้จัดละคร เราเห็นทุกอย่าง อยากทำงานให้ดี ให้คนดูสนุกได้ภาคภูมิใจไปด้วย 

แพลตฟอร์มสตรีมมิงที่มีมากขึ้น เอ๊ะว่าดีนะคะ เป็นหลายช่องทางให้เราได้นำงานไปเสนอ ทำให้คนต่างชาติเห็นงานเราได้เยอะขึ้น อย่างซีรีส์วายไทยก็เติบโตมากๆ คนก็ชื่นชมกัน ซึ่งวายก็มีหลากหลายมุม อย่างเราส่งออกละครไปสัก 10 เรื่องมี 1 เรื่องดังตู้ม มันแจ็กพอตไง 

รัฐต้องสนับสนุนจริงจัง ไม่ใช่แค่พูด

ไปคุยๆ กันต่อกับสาวเซ็กซี่แรงๆ เมเปิ้ล พัชชุดาญ์ พันธุ์พิพัฒน์ เล่นละครหลายเรื่อง มานานมากกว่า 12 ปี ถามตรงๆ ว่าเมื่อไหร่ละครไทยจะพัฒนาสู้ๆ กับซีรีส์เกาหลี ซีรีส์ฝรั่งได้ เมเปิ้ลรีบอกไวๆ เลยว่า

โอ้โห!!! หลายอย่างมากทั้งเรื่องบท โปรดักชัน คอสตูม แต่งหน้าทำผม ฯลฯ จริงๆ ขึ้นอยู่กับนักแสดงด้วยนะ การคัดเลือกนักแสดงก็สำคัญมาก นักแสดงอารมณ์ต้องได้ เต็มที่กับการแสดง ไม่ต้องห่วงหล่อห่วงสวยแต่เล่นต้องให้ถึง 

การคัดเลือกนักแสดงสำคัญ ไม่ใช่มีเส้นสายก็เอามาเล่น ไม่ใช่คนนี้กำลังดังก็ให้เล่น ทั้งๆ ที่ไม่เหมาะกับบท การจะได้รับเล่นบทอะไร มันต้องเหมาะต้องสมเหตุสมผลด้วย อย่างต่างประเทศต้องมีการแคสติ้ง ถึงจะดังแค่ไหน ก็ต้องแคสติ้งกันก่อน ต้องเวิร์กช็อปก่อนถ่ายทำจริง โดยเฉพาะซีนใหญ่ๆ สำคัญๆ ต้องมีประชุม จัดเวิร์กช็อปกันก่อนด้วย 

อย่างละครไทยบางเรื่อง นึกอยากจะถ่ายก็ถ่ายๆ กันเลย ไม่มีการทำเวิร์กช็อปก่อนถ่ายทำจริง บางกองก็รีบเขียนบทส่งให้แสดงเลย นักแสดงก็ไม่มีเวลาเตรียมตัว ไม่ได้ทำการบ้านมามากพอ

ซีรีส์เกาหลีไปไกลมากๆ ดังไปทั่วโลก เพราะรัฐบาลเขาสนับสนุนหมด ทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลัง ซีรีส์เกาหลีเขาฝังวัฒนธรรมลงไปด้วย รัฐบาลเกาหลีดึงการท่องเที่ยวผ่านละคร ซีรีส์ หนัง   

บอกตรงๆ เปิ้ลไม่ค่อยได้ดูละครไทย เปิ้ลดูซีรีส์เกาหลี ฝรั่ง ดูตลอดดูเกือบทุกวัน เราไม่ได้ดูเพื่อความบันเทิงอย่างเดียว เราดูด้วยว่า เฮ้ย แสงสีเสียง โปรดักชันดีว่ะ การแสดงดีว่ะ ดูแล้วมันครบ! 

ซีรีส์เกาหลีที่เปิ้ลชอบ อย่างเรื่อง The Penthouse เป็นเรื่องของความรักผัวๆ เมียๆ ก็จริง! แต่มันก็สอดแทรกเรื่องสถาบันครอบครัว การเป็นคู่ชีวิตได้อย่างลงตัว แอ็กชันก็มีด้วย ทุกอย่างครบองค์ประชุมมาก นักแสดงก็เล่นเก่งมากๆ โปรดักชันเต็มมากๆ

...

ดาราไทยพออายุเยอะก็ตกกระป๋อง แต่ดาราฮอลลีวูดแก่แล้วก็ยังมีงานให้เล่นเรื่อยๆ เพราะเขาเหมาะกับบทกับคาแรกเตอร์นั้นๆ จริงๆ ดาราไทยคนไทยเก่งๆ ก็เยอะ แต่ทำไมออกมายังไม่ดี ทำไม? ทำออกมาแล้ว มันไม่ถึงแก่น! ละครไทยจะไปทั่วโลกได้ ต้องคิดให้เยอะ เพราะมันไปทั่วโลก

ส่วนรัฐบาลไทย กระทรวงวัฒนธรรม ต้องสนับสนุนในเรื่องเงินด้วยค่ะ จัดสรรปันส่วนที่สนับสนุนจริงๆ ไม่ใช่แค่พูดๆ ว่าจะสนับสนุนอย่างเดียว

เลิกเดินตามคนอื่น 

เอี้ยง สวนีย์ อุทุมมา แอ็กติ้งโค้ช-ดารารุ่นใหญ่ เชี่ยวชาญทั้งละครเวที ละครทีวี หนังใหญ่ บอกดังๆ เลยว่า พี่ไม่พูดคำว่า ละครไทยด้อยกว่าซีรีส์เกาหลีนะ เราหาทางพัฒนาของเราเอง หาวิถีทางของเราเอง ต้องกล้าหาญที่จะทำอะไรใหม่ๆ อย่าเดินย่ำที่เดิม แล้วเลิกเดินตามคนอื่น ไม่ต้องเดินตามใคร เราต้องประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมาใหม่ ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ในโลกนี้ 

การพัฒนาละครไทย บันเทิงไทยต้องเป็นแผนระยะยาว ต้องประกอบกันหลายอย่าง เมื่อฝั่งเอกชนทำแล้ว รัฐก็ต้องทำด้วยไง แต่ที่ผ่านมารัฐมีมาแต่นโยบาย แต่ไม่ได้ลงมือทำจริงจังต่อเนื่องเลย

...

ประเทศไทยยังไม่เป็นประชาธิปไตยเต็มใบไง รัฐบาลจึงไม่ส่งเสริมศิลปะบันเทิงไทย คนผลิตบันเทิงต้องเลิกเกรงกลัว คิดพิจารณาหาทางของเราเอง ฝ่าฟันไปให้ได้ พี่พูดถึงเรื่องแนวคิดมากๆ เลยนะ นึกออกมั้ย พี่อยากให้กำลังใจคนทำงาน แล้วอย่าไปรอรัฐบาล ทำของเราไปเลย เดี๋ยวเขาจะมาเอง   

อย่างละครเรื่อง เจ้าพระยาสู่อิรวดี ทางช่อง Thai PBS ซึ่งทีวีช่องนี้ ได้เงินทำจากภาษีเหล้าบุหรี่ แต่ทำละครออกมาได้ดีเลย มีเนื้อหาที่ดีมาก ใครจะเชื่อว่าละครแนวนี้จะทำได้ หรือละครแนวการศึกษาเป็นประเด็นที่ดี

พี่จะย้อนให้ฟัง ในยุคหนึ่งที่ละครเวทียังไม่บูม มีการเรียกร้องพื้นที่สำหรับละครเวที แต่เอาจริงๆ อ้าว เรามีพื้นที่อยู่แล้วนะ แต่ละครเวทีดีๆ เนื้อหาดีๆ ยังไม่มีมากพอต่างหาก ดังนั้นเราต้องหันไปพัฒนาคน พัฒนางานของเราเองด้วย มันคือการแข่งขันทั้งกับตัวเราเอง และแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ไปด้วย  

ละครไทยอย่ารีเมกบ่อยๆ

ตีบทแตกกระจุย ป๊อก ปิยะธิดา มิตรธีรโรจน์ นางเอกดังที่มีผลงานเยอะแยะ เด็ดๆ ทั้งนั้น บอกตรงๆ เลยว่า พล็อตละครไทยเรา ไม่ค่อยกล้าฉีกแนว เราอาจจะกลัวเพราะมีข้อจำกัดในการทำ หรือบางทีในบางแง่ เราคิดแทนคนดูเยอะเกินไป ว่าทำแบบนี้ออกมาแล้ว คนจะไม่ดู 

...

ในฐานะเรานักแสดง ก็อยากจะให้คนดูได้เห็น ว่าเราเล่นได้หลากหลาย ไม่ได้ยึดว่าเราคาแรกเตอร์แบบนี้ ต้องเล่นแบบนี้นะ นักแสดงถ้ามีบทมีโอกาส ให้เราเล่นอะไรที่แตกต่างได้ เราก็อยากทำตรงนั้น แค่คนทำงานโปรดดักชัน คิดออกจากกรอบเดิมๆ ได้ คือเราคิดทำอะไรที่มากกว่านั้น ในเวลาที่จำกัด ในงบที่เรามีอยู่ ก็สามารถทำได้ แค่อยากให้คนทำ กล้าเดินออกจากกรอบเท่านั้นเอง 

ละครไทยดีๆ เยอะมากๆ แต่เราโดนจำกัดด้วยปัจจัยหลายอย่าง แต่ถ้าเราลองทำดูภายใต้ข้อจำกัดนั้น ให้เกิดประโยชน์สูงสุด มันก็อาจจะเป็นโจทย์ที่สนุกก็ได้ ที่เราสร้างงานดีๆ ออกมาได้ 

ละครอย่าไปรีเมกอะไรบ่อยๆ เพราะคนดูเดาได้แล้ว จะดูละครไม่สนุก เรามีความสามารถเราทำอะไรได้มากกว่าที่เราคิด ถ้าเราทำละครให้สนุก เดายาก คนดูก็ชอบอยากติดตามแค่นั้นเอง

ซีรีส์เกาหลีหรือซีรีส์ต่างประเทศ เราก็เลือกที่จะดู อันไหนไม่สนุกเราก็ดูไม่จบ แพลตฟอร์มสตรีมมิงที่ออกมาเยอะ ก็เป็นทางเลือกที่หลากหลาย บางอย่างก็ดูฟรี หรือเสียเงิน เสียเงินทุนไปโปรดักชันไปลงตรงนั้นเยอะๆ ฟรีทีวี ก็อาจจะได้เงินโฆษณาใดๆ ก็ตาม ความคิดเฉิดฉายที่ดี ใช้เงินที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุด 

ความคิดในการขับเคลื่อนทุกๆ อย่าง มันมีข้อจำกัดมากมาย เรื่องการสนับสนุน หรือไม่สนับสนุนจากทางรัฐบาล เราก็พูดยาก เพราะเราไม่ได้มีหน้าที่ตรงนั้น บางอย่างมันก็อยู่เหนือการควบคุมของเรา 

ซีรีส์บันเทิงเกาหลีฝังรากลึก

ปิ๊ก ฌาณฉลาด ทวีทรัพย์ อดีตผู้จัดการดาราร้อยล้านของ เจมส์ จิรายุ ปัจจุบันยังเป็นผู้จัดการให้ดาราหลายคนอยู่ เช่น กองทัพ พีค ฯลฯ บอกเลยว่า

ละครไทยในแง่ของโปรดักชัน บท นักแสดง เราก็ทำได้ดีในงบที่เรามีอยู่ ครีเอทีฟ อีโคโนมี Creative Economy ส่วนสำคัญคือ การสร้างฐานแฟนคลับเอาไว้นานๆ บันเทิงเกาหลีไปฝังรากลึกได้แล้ว บทแบบี้ แอ็กติ้งแบบนี้ กลิ่นอายแบบนี้นะคือเกาหลี เขาก้าวข้ามกำแพงวัฒนธรรม ที่มีความหลากหลายไปได้แล้ว   

อาหารไทย มวยไทย ละครไทย หนังไทย บันเทิงไทยจะทำยังไงไม่ให้ขาดช่วง มีช่วงหนึ่งที่หนังเรื่องต้มยำกุ้ง, องค์บาก ได้สร้างปรากฏการณ์ระดับโลกได้ แต่หลังจากนั้น เราก็ขาดช่วงไปนาน ขาดความต่อเนื่องในแง่คุณภาพ  

ละคร ซีรีส์ หนัง เพลง ของเกาหลีมีฐานแฟนคลับไปสู่ทั่วโลก พุ่งไปสู่เอนเตอร์เทนเมนต์ระดับโลกได้แล้ว อย่างบอยแบนด์บีทีเอส BTS ที่มีฐานแฟนคลับเยอะมาก ฝรั่งก็สู้ไม่ได้แล้ว ฝรั่งยังอึ้ง! ที่บัตรคอนเสิร์ตทุกๆ รอบเกลี้ยงหมด หรือซีรีส์สควิดเกม Squid Game คนก็แต่งแฟนซีกันไปทั่วโลกแล้ว 

ละครไทยบันเทิงไทย ถ้าอยากจะประสบความสำเร็จ คุณต้องวางแผนระยะยาวไว้เลย ว่าภายใน 5-10 ปีนี้ คุณอยากจะเห็นอะไรของบันเทิงไทยในระดับโลก จะทำยังไงให้คนทั่วโลก หายใจเป็นไทยได้ 

เงินทุนไทยน้อยกว่าเกาหลีเยอะ

ไปชำแหละละครไทยกันต่อกับ ณ๊อบ ศฐาณพงศ์ ลิ้มวงษ์ทอง โปรดิวเซอร์-ผู้กำกับหนัง-ซีรีส์ ชี้เป้าว่าทำไมละครซีรีส์ไทยยังย่ำอยู่กับที่ น้อยเรื่องที่จะดังโตต่อในระดับทวีประดับโลก ดังนี้ หลักๆ ที่ทำให้ละครไทยยังไม่ไปไหน คือเรื่องทุน งบประมาณก่อนเลย ยกตัวอย่างซีรีส์ดังเรื่อง All of Us Are Dead ซอมบี้นักเรียนมัธยม ขนาดนักแสดงเอ็กซ์ตร้า เขาก็ทุ่มเทเวลาในการฝึกๆ กันเป็นอาทิตย์ แต่หันมาดูละครซีรีส์ไทย แค่จ่าย 500-600 บาท บางกองยังจ่ายกันยากเลยครับ เพราะงบประมาณมีจำกัด

อีกเรื่องที่สำคัญ ของกองละครซีรีส์ไทย คือเรื่องเวลาทำงาน ของไทยตั้งแต่ 6 โมงเช้าถึง 4 ทุ่ม เรียกว่า 1 คิว ปกติทำงานกัน 16 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้น ทำงานกันหนักขนาดนี้ ยังไงก็ต้องล้า ความครีเอทีฟต่างๆ ก็ต้องลดลงไปด้วย จะมาบอกว่าคนไทยอึดกว่าไม่ได้

แต่ที่เกาหลี ฮอลลีวูด เขาทำงานกัน 12 ชั่วโมงคือพอแล้ว หรือถ้าเกินเวลามา ก็ต้องจ่ายโอทีด้วย และวันต่อไปก็ต้องนับทบ ทดเวลาไปด้วย ให้ทีมงานพักผ่อนเพียงพอ เรื่องเวลาสำคัญมาก ถ้ากองไหนเกินมาโดนดาราฟ้องตายเลย เพราะมีกฎหมายคุ้มครองอยู่ด้วย แต่ไทยเรามันไม่ใช่แบบนี้ครับ

เงินเท่านั้นเลย ผู้กำกับไทย-คนไทยเก่งตั้งเยอะก็เห็นๆ อยู่ ก็อยากจะทำให้ดี แต่ทุกอย่างถูกจำกัดด้วยเงิน ถ้าไทยเรามีเงินมีเวลามากกว่านี้ ก็ทำดีได้ แต่ที่เห็นๆ กันอยู่คือ เร่งถ่ายๆๆๆ อัดๆๆๆ ให้จบไว ซีรีส์เกาหลีถ่ายทำตอนเดียวใช้เวลานาน 6-7 วัน ซีรีส์แดจังกึม ที่หลายคนชอบ เกิดจากการระดมคนเขียนบททำวิจัยพัฒนามาแล้วนะ เราเห็นว่าซีรีส์เกาหลีเติบโตระดับโลกแล้ว แต่เขายังเติบโตได้อีกๆ

ทำไมรัฐบาลส่งเสริมจึงสำคัญ อย่างเวียดนามเมื่อก่อนไม่ดูซีรีส์ไม่ดูบันเทิงเกาหลีนะ แต่ทำไมตอนนี้ซีรีส์เกาหลีเข้าไปได้ เพราะรัฐบาลเกาหลีร่วมมือกับบริษัทสินค้าเกาหลี ติดต่อกับรัฐบาลเวียดนาม ให้ปลดล็อกในด้านต่างๆ ทุ่มงบช่วยบันเทิงเกาหลีในหลายอย่าง เช่น ให้โรงหนังฉายหนังเกาหลีได้ 

แพลตฟอร์มสตรีมมิงต่างๆ ที่มีมากขึ้นคนเข้าถึงได้มาก ราคาก็ไม่แพงแบ่งแชร์รหัสกันดูได้ อยากดูอะไรหนัง ซีรีส์ละคร ที่ไหนก็ได้ เราจะเห็นแนวโน้มการสร้างออริจินัลคอนเทนต์ Original Content มากขึ้น ไม่ต้องมีเวลาไพรม์ไทม์ Prime Time ไม่ต้องไปดูที่โรงหนัง ซึ่งจะทำให้พฤติกรรมการดูของคนเปลี่ยนไปด้วย

เอกลักษณ์ละครไทย คืออะไร

แดนนี่ พิชาพัฒน์ รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ นายแบบ-พิธีกร-ผู้ประกาศข่าว ให้ข้อมูลเชิงลึกไว้ว่า หากกล่าวถึงทางรอดของละครไทย สุดท้ายก็ต้องว่ากันด้วยเรื่องของเงินนั่นคือ ทำออกมาแล้ว ขายได้หรือไม่? คนจะดูหรือไม่? หากเน้นที่ระบบสตรีมมิง ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องยอดคนดูและยอดคนดาวน์โหลดอยู่ดี นั่นเป็นเพราะเมื่อแพลตฟอร์มตัดสินใจซื้อละครไปออนแอร์ในบริการสตรีมมิงของเขา เขาก็ต้องหวังผลว่า ต้องมีคนดู หากไม่มียอดคนดู ในอนาคตเขาก็จะไม่กลับมาซื้อคอนเทนต์ของเราอีก

ที่กล่าวว่า เน้นสตรีมมิงมากกว่า เป็นเพราะต้องการสร้างละครที่แหวกแนวไปจากเดิม หรือมีข้อจำกัดที่น้อยกว่าการสร้างละครสำหรับโทรทัศน์หรือไม่? ผู้ตั้งคำถามอาจรู้สึกว่า หากสร้างละครสำหรับสตรีมมิง น่าจะมีอิสระในการเขียนบท และสามารถสร้างอะไรที่หลากหลายได้มากขึ้นหรือไม่?

ทั้งนี้การไปตีตลาดในบริการสตรีมมิง ก็จะเปิดโอกาสให้ผู้จัดได้ไปแข่งขันในระดับนานาชาติ นั่นคือไปแข่งกับละคร ซีรีส์ และภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ จากต่างประเทศด้วย การเติบโตของละครไทยในแพลตฟอร์มสตรีมมิงยังถือว่า มีพื้นที่เจริญเติบโตได้อีกมหาศาล

อย่าลืมว่า น่าจะมีคนไทยในต่างแดนอีกจำนวนมาก ที่อยากดูละครไทย ซึ่งหากได้ดูผ่านระบบสตรีมมิง ทุกอย่างก็จะสะดวกมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องวุ่นวายกับดาวเทียมอีกต่อไป สามารถเสียบสายอินเทอร์เน็ตและกดดูได้เลย

ผมเชื่อว่า น่าจะมีคนไทยอีกจำนวนมากที่อยู่ต่างประเทศ ที่คิดถึงเมืองไทย อยากดูคอนเทนต์ไทย และน่าจะยอมเสียเงินเพื่อดูละครไทย ซึ่งหากคนไทยเหล่านั้นมีเพื่อนเป็นต่างชาติด้วย ก็อาจทำให้ชาวต่างชาติเหล่านั้น ซึมซับละครไทยทางอ้อมได้ด้วย ยกตัวอย่างเช่น เพื่อนต่างชาติเห็นเพื่อนคนไทยดูละครไทย จึงเกิดความอยากรู้อยากเห็น ถ้าดูแล้วสนุก ก็จะเอาไปบอกต่อ ยิ่งทำให้คนต่างชาติรู้จักละครไทยมากยิ่งขึ้น อีกหนึ่งตลาดที่น่าสนใจ คือตลาดจีน เพราะเป็นตลาดที่มีจำนวนประชากรมหาศาล

การแข่งขันในโลกของละครและซีรีส์นั้น มีความดุเดือดมาก เนื่องจากธุรกิจนี้ เป็นการสร้างงานศิลปะการแสดง ที่มีเป้าประสงค์เพื่อแย่งคน มาดูคอนเทนต์ของตัวเอง ฉะนั้นหากคนไทยต้องการไปแข่งกับต่างชาติ ก็คงต้องถามก่อนว่า จะเอาอะไรไปแข่งกับเขาได้บ้าง?

การแข่งขันในวงการนี้ คือการนำเสนอความแตกต่าง ที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน สิ่งที่จะตรึงใจคนดูได้คือ “ความไม่เหมือนใคร” และสิ่งที่จะทำให้เกิดความแตกต่างได้ในละคร คือ บทละครที่ดี ต่อให้คุณมีนักแสดงแถวหน้าของประเทศ แต่หากบทของคุณไม่ดี น่าเบื่อ ซ้ำซาก เดาง่าย คนดูก็ไม่ดูอยู่ดี

ละครที่ปังย่อมต้องมีกระแสด้วย โดยเฉพาะสมัยนี้ แทบทุกอย่างขึ้นอยู่กับกระแสไวรัล Viral ในอินเทอร์เน็ต ละครที่ดังมักจะมีคลิปสั้นๆ ที่น่าจดจำที่คนเอาไปแชร์กัน เมื่อเกิดการแชร์มากขึ้นเรื่อยๆ ก็ย่อมทำให้คนเริ่มสงสัยว่า “เรื่องนี้เรื่องอะไร?” และ “หาดูได้ที่ไหน?” ยกตัวอย่าง เช่น สควิดเกม Squid Game

บทในสวิดเกม Squid Game ถือว่าค่อนข้างมีความสลับซับซ้อน เดาไม่ค่อยออกว่า เนื้อเรื่องจะดำเนินไปทางไหน มีการพัฒนาของตัวละครในแต่ละตอน ที่น่าติดตามมากๆ

อย่างไรก็ตามสควิดเกม Squid Game เป็นซีรีส์ที่ค่อนข้างโหด ฆ่ากันเลือดสาดถามว่า คนไทยสามารถสร้างอะไรแนวนี้ได้หรือไม่? หรือถูกจำกัดอยู่ที่นางตัวร้ายทาปากแดง ที่คอยกรี๊ดแสบแก้วหูตบตีแย่งชิงพระเอก?

อีกหนึ่งสิ่งที่ละครไทยต้องทำคือ สร้างความเป็นเอกลักษณ์ของละครไทย เหมือนกับที่ละครเกาหลี มีความเป็นเกาหลี ละครญี่ปุ่นมีความเป็นญี่ปุ่น ละครฝรั่งก็มีความเป็นฝรั่ง

การสร้างเอกลักษณ์ของละครไทย ก็ไม่ได้หมายความว่า เราต้องไปโฟกัสไปที่วัฒนธรรมไทย เช่น การไหว้ ความเรียบร้อย หรือแบบพิมพ์ “ความเป็นไทย” ที่คนไทยถูกปลูกฝังกันมา มิฉะนั้น จะกลายเป็นการยัดเยียดความเป็นไทยให้คนดู ซึ่งหากสังเกตซีรีส์ปัจจุบันของอเมริกา, เกาหลี, หรือญี่ปุ่นนั้น เขาไม่ค่อยมีการยัดเยียดสิ่งเหล่านี้เข้าไป ผมว่าเขาโฟกัสไปที่ “บทละคร” เสียมากกว่า

ฉะนั้น สิ่งสำคัญมากๆ ที่ละครไทยต้องมี เพื่อไปแข่งกับซีรีส์ต่างชาติได้คือ คนเขียนบทและผู้กำกับที่มีฝีมือ คนเบื้องหลังเหล่านี้ สำคัญมากกว่าที่คุณคิด ถ้าไม่มีทีมเบื้องหลังดีๆ ละครก็ไปไม่รอด เฉกเช่นเดียวกัน หากนักแสดงฝีมือไม่ถึง ก็ไม่สามารถไปแข่งกับเขาได้ ฉะนั้น ทุกอย่างต้องไปด้วยกัน

พล็อตเรื่องที่ทุกเชื้อชาติจะเข้าใจได้

ดารานายแบบดัง กุน กิตติคุณ ตันสุหัส ให้คำตอบเคลียร์ๆ ไว้ว่า เรื่องโมเดลธุรกิจละครไทย ที่ไม่เน้นเรตติ้ง เน้นขายสตรีมมิงมากกว่าส่วนตัวมองว่า มันยังต้องทำควบคู่กันไปทั้งสองด้าน ถ้าถามผมในฐานะนักแสดงคนหนึ่ง ผมมองว่าเรตติ้งก็ยังเป็นเรื่องสำคัญอยู่ ยกตัวอย่าง ละครที่ผมเล่น “ยมทูตกับภูตสาว” ที่ออกทางช่อง 3 ทุกวันนี้ทีมงานก็ยังให้ความสำคัญกับเรื่องเรตติ้ง ยิ่งวันไหนที่ออกอากาศแล้วเรตติ้งสูง พวกเราจะดีใจมาก มันเป็นเหมือนกำลังใจสำหรับคนทำงาน ยิ่งมีคนดูเยอะเท่าไร นักแสดงและทีมงานก็หายเหนื่อยมากขึ้นเท่านั้น

นอกจากเป็นเรื่องของกำลังใจแล้ว ผมว่าช่อง 3 เองก็อยากให้ละครเรตติ้งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะตัวเลขเรตติ้ง มันยังเป็นผลลัพธ์อีกอย่างหนึ่ง ในวงการโทรทัศน์ที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้

ส่วนประเด็นเรื่องเน้นขายสตรีมมิง แน่นอนว่าปัจจุบันนี้โลกออนไลน์ เข้ามามีบทบาทในสังคม ในโลกใบนี้ ในชีวิตประจำวันของทุกคน ซึ่งผมว่าเราข้ามผ่านจุดเปลี่ยนแปลงจากโทรทัศน์ มาสู่โลกออนไลน์แบบเต็มรูปแบบแล้ว เพราะสมัยนี้โทรทัศน์ทุกช่อง ต่างต้องผลิต หรือมีคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มออนไลน์เป็นของตัวเอง

ไม่ว่าจะเป็นช่องทาง สำหรับการติดตามละครย้อนหลัง ของคนที่ไม่ได้ดูสดทางโทรทัศน์ หรือคนที่ชอบดูละคร ในยามที่ตัวเองมีเวลาว่างจริงๆ ไม่ต้องยึดติดว่าต้องอยู่หน้าจอทีวี ในบางครั้งเราจะเห็นว่า ช่องทางการสตรีมมิงของสื่อ ที่มีผลงานเป็นลิขสิทธิ์ของตัวเอง ยังมีเก็บค่าบริการเลย

ยกตัวอย่างง่ายๆ อย่างผมเอง เวลาจะโพสต์ลงโปรโมตละคร ก็ยังต้องลงทั้งสองช่องทาง ทั้งฝากติดตามทางโทรทัศน์ และติดตามทางแพลตฟอร์มออนไลน์ด้วย ณ เวลานี้ ผมว่าสองช่องทางนี้ ยังต้องเติบโตไปแบบเอื้อกันอยู่

จะทำยังไงให้ละครไทยสู้ซีรีส์เกาหลี ซีรีส์ฝรั่งได้ คำถามนี้ เอาจริงๆ ผมคิดว่าทุกวันนี้ฝีมือการผลิตละคร หรือซีรีส์ของคนไทย ก็เทียบเท่าต่างชาตินะ แต่ถ้าถามว่า ทำไมละครบ้านเราไม่เวิลด์ไวลด์ Worldwide เหมือนซีรีส์เกาหลี ซีรีส์ฝรั่ง ผมมองว่า มันน่าจะเป็นเรื่องของวัฒนธรรม รูปแบบการใช้ชีวิต ความเชื่อของแต่ละประเทศ แต่ละภูมิภาคมากกว่า

ยกตัวอย่างหนัง ละคร ที่เป็นแนวความเชื่อสิ่งลี้ลับสไตล์คนไทย ก็ถูกจริตเพื่อนบ้านเราอยู่นะ ทั้งลาว พม่า เวียดนาม กัมพูชา เขาก็ดูเรานะ แต่ถ้าจะให้เป็นที่ยอมรับแบบทั่วโลก ผมว่าเราต้องคิดพล็อตเรื่อง ที่ทุกเชื้อชาติเข้าใจ และเข้าถึง เหมือนกับพวกหนังซอมบี้ หรือหนังเล่าอารมณ์อย่าง สควิดเกม Squid Game อะไรประมาณนี้

นิยายที่ดี สารตั้งต้นของบทที่ดี

อุ้ย จันทร์ยวีร์ สมปรีดา หรือนามปากกา รอมแพง ผู้เขียนนิยายเรื่อง บุพเพสันนิวาส หลังจากทางค่ายบรอดคาซ บรอดคาซท์ไทยเทเลวิชั่น   Boardcast Thai Television นำไปทำเป็นละครที่เล่นโดย เบลล่า ราณี แคมเปน, โป๊ป ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ ก็โด่งดังทั้งในและต่างประเทศ รวมๆ นิยายที่รอมแพงเขียน หลายค่ายหลายช่อง ต่างซื้อลิขสิทธิ์เตรียมไปทำละครซีรีส์ มีมากถึง 14 เรื่อง

อุ้ย จันทร์ยวีร์ ให้สัมภาษณ์ดังนี้ เราคนเขียนนิยาย เขียนๆ เล่าเรื่องเพื่อให้คนอ่านได้เห็นภาพ ตามจินตนาการของเรา ส่วนศิลปะการเขียนบทละคร การทำเป็นละคร มันแตกต่างกันคนละแนว นำเสนอต่างกับการเขียนนิยาย เราจึงไม่ได้ตั้งเป้าว่าพอใจหรือไม่พอใจ ที่เขานำไปทำเป็นละครซีรีส์ออกมา คนเขียนบทละครสำคัญ ที่จะทำให้งานเดินต่อไปได้ คนเขียนบทจะปรับเปลี่ยนนิยายเราตามแต่จะตีความไป เขาอาจจะเติมเต็มบางตัวละคร

ต่างชาติโดยเฉพาะจีน เกาหลี เขาให้ค่าให้ความสำคัญกับนิยาย บทประพันธ์ดั้งเดิม ซึ่งถือเป็นสารตั้งต้นของการทำละครซีรีส์ เขาเปย์หนักจ่ายเยอะ อย่างจีนจ่ายค่าลิขสิทธิ์นิยาย บุพเพสันนิวาส ของเรามากกว่าไทย 20 เท่า เกาหลีที่ซื้อลิขสิทธิ์บุพเพสันนิวาส ที่จะนำไปทำเป็นการ์ตูนก่อน ก็จ่ายเงินเยอะเหมือนกัน และถ้าเขานำไปทำธุรกิจอื่นๆ ที่ได้กำไรมา ก็จะแบ่ง % จากยอดกำไรให้เราด้วย เขาแฟร์กับเราในทุกๆ แพลตฟอร์มที่นำไปทำ 

ทุกอย่างต้องใช้เงินทุนหมด เราเป็นคนเขียนบทประพันธ์เขียนนิยาย กว่าจะเขียนได้แต่ละเรื่อง ต้องพัฒนาตัวเองหาความรู้ หรือเดินทางไปรีเสิร์ชค้นคว้าหาข้อมูลตามสถานที่ต่างๆ เพื่อจะได้เห็นภาพนำมาใช้ในการเขียน ถ้ามีเงินมากพอก็จะสะดวก

ที่จีนนิยายดังๆ ต่อเรื่อง ที่เขาซื้อลิขสิทธิ์ไปทำละคร ราคาก็ 10 ล้านบาทขึ้นไป เขาจึงหันมาหานิยายไทย ที่ราคาต่ำกว่า แต่ก็ยังซื้อนิยายไทย ให้ราคาสูงมากๆ เมื่อเทียบกับคนไทยกันเอง ที่ซื้อนิยายไทยไปทำเป็นละคร เหตุผลที่จีนสนใจนิยายไทย เพราะคนจีนชื่นชอบเรื่องราวต่างๆ ของคนไทย

การให้ค่าให้ความสำคัญ กับสารตั้งต้นกับบทประพันธ์ จ่ายเงินเยอะ ส่วนหนึ่งคิดว่าจีนมีประชากรเยอะมาก นำไปขายได้ในหลายช่องทาง กำลังการซื้อก็ต่างกัน เราเป็นนักเขียน ไม่รู้จะไปพูดเรื่องค่าลิขสิทธิ์ยังไง ให้ได้เงินมากขึ้น อยากให้มีตัวแทน สมาคม หรือออกเป็นกฎหมายก็ได้ มันควรจะมีการระบุ ว่าค่าลิขสิทธิ์นิยายโดยพื้นฐานต้องจ่ายเท่าไร อีกส่วนก็เป็นความพึงพอใจของคนซื้อคนขายเองที่จะตกลงกันเอง อยากจะให้เพิ่มเงินขึ้นในทุกๆ ส่วนของการทำละคร ตั้งแต่คนเขียนนิยาย คนเขียนบท ผู้กำกับ ทีมทำงานทั้งหมดด้วย

กระทรวงวัฒนธรรมของไทยเรา มีงบให้หลักร้อยล้าน มันไม่พอมันน้อย แต่เกาหลีให้เป็นหลักพันล้าน รัฐบาลเกาหลีให้ความสำคัญมากๆ ให้การสนับสนุนซีรีส์ละครเกือบทุกเรื่อง เพราะเขาถือว่าเป็นซอฟต์พาวเวอร์ Soft Power เป็นสินค้าส่งออกทางวัฒนธรรม ละครซีรีส์ที่ทำออกมาแล้ว ทางรัฐบาลทั้งจีน-เกาหลี ก็มีหลายช่องทางในการส่งเสริมต่อไปด้วย 

สำหรับอนาคต ถ้ารัฐบาลไทยมีการช่วยเหลือสนับสนุน มีมาตรการชัดเจนเป็นรูปธรรม นักเขียนนิยายหรือนักเขียนบทละครซีรีส์ต่างๆ ก็น่าจะมีอนาคตที่สดใสอยู่ เพราะเด็กรุ่นใหม่มีความคิดอ่านที่เปิดกว้าง เราอาจจะได้เรื่องราวบทที่แปลกใหม่เพิ่มขึ้นด้วย ที่จะสร้างความสุขให้กับคนดูได้ ส่วนผู้ผลิตเราก็มองเห็นถึงความพยายามที่จะพัฒนา ปรับเปลี่ยนกันอยู่ 

ระบบ-เงินทุน-ต่อเนื่อง 

คนดูไทยพร้อมสนับสนุนอยู่แล้ว สังเกตได้จากละครซีรีส์ไทยที่ดีมีคุณภาพ คนก็ดูกันเยอะมากๆ ในส่วนของผู้จัดละครผู้ผลิตต่างๆ เราก็เริ่มเห็นขึ้นว่ามีละครแหวกแนว แตกต่างสร้างสรรค์ออกมาอยู่ ถึงแม้จะไม่ค่อยเยอะ แต่ก็น่ายินดีด้วยที่คนดูไทยให้การตอบรับละครดีมีคุณภาพ 

ในส่วนของรัฐบาล ที่สำคัญมากๆ ในการผลักดันส่งเสริมละครซีรีส์ไทยให้ดังระดับโลก เราต้องมีหน่วยงาน ที่ทำงานสนับสนุนส่งเสริมอย่างจริงจังต่อเนื่อง ย้ำๆ ต้องทำจริงจังต่อเนื่อง

สำคัญกว่านั้น เราต้องมีระบบที่คัดกรอง เพื่อหาคนทำงานที่เก่งจริงรู้จริง เข้าใจในเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ Soft Power เข้าใจการสนับสนุนละครไทยบันเทิงไทยอย่างแจ่มแจ้งทุกองค์ประกอบ และต้องทำเป็นแผนระยะสั้นระยะยาว ที่เห็นผลได้ด้วย ในส่วนเงินทุนก็สำคัญไม่แพ้กัน ก็ต้องเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหญ่ได้ด้วย เงินที่จะทุ่มต้องทุ่มให้ถูกจุด! เพื่อขยี้ขยายต่อยอดละครซีรีส์บันเทิงไทย ให้ดังสนั่นระดับโลกให้ได้.  

นักเขียน : รุ่งโรจน์เรืองรอง

กราฟิก : Varanya Phae-araya