• เซ้นต์ ศุภพงษ์ กับบทบาทใหม่ขึ้นแท่นผู้จัดละคร
  • ภูมิใจตัวเองกับความฝันที่ทำสำเร็จไปอีกหนึ่งขั้น
  • ตั้งเป้าหมายอยากพัฒนาส่งเสริมในเรื่องของ LGBTQ+ ให้มีความเท่าเทียมกัน

เป็นหนุ่มวัย 23 ปี ที่เก่งไปเกือบทุกด้าน สำหรับ เซ้นต์ ศุภพงษ์ อุดมแก้วกาญจนา และเมื่อ 3 ปีที่ หลายคนรู้จักเขาในบทบาทของนักแสดงจากซีรีส์เรื่อง บังเอิญรัก กระทั่งมาในวันนี้ เซ้นต์ กล้าที่จะท้าทายตัวเองในบทบาทใหม่กับการเป็นผู้จัดละคร พร้อมทั้งเปิดบริษัท Idol Factory Co.,Ltd. บริษัทผลิตละครและโปรดักชั่นเต็มรูปแบบ และดูแลน้องๆ นักแสดงในสังกัดอีกด้วย

แม้ว่าตอนนี้เขาจะทำหลายอย่างจนเกือบล้นมือ แต่ เซ้นต์ ก็ยังคงความเป็น เซ้นต์ ศุภพงษ์ ของแฟนๆ เสมอ ยังบ้าพลังเหมือนเดิม สำหรับบทบาทใหม่ในฐานะผู้จัด เซ้นต์ ได้หยิบนิยายขายดีมาแปลงเป็นเรื่องราวสนุกสนานชวนจิ้นในซีรีส์เรื่อง "แอบหลงรัก The Series" ที่แฟนๆ ใกล้จะได้ชมกันแล้วในเร็วๆ นี้ ทาง ช่อง 3 HD ซึ่งสมบูรณ์ไปได้ 90% แล้ว ล่าสุด เซ้นต์ ได้เปิดในกับ บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ ว่า

บทบาทใหม่ของ เซ้นต์ ศุภพงษ์ กับมุมที่โตขึ้นในอีกก้าวของชีวิต

...

"ที่เราสร้างบริษัทนี้ขึ้นมา เริ่มต้นจากผมอยากที่จะทำธุรกิจ ผมเรียนเศรษฐศาสตร์มา อยากจะทำธุรกิจ จริงๆ เริ่มโปรเจกต์ทำบริษัทมาพักหนึ่งแล้วนะครับ แต่ว่าเป็นดูแลศิลปิน ตอนแรกก็ดูแลตัวเองนี่แหละครับ แล้วก็ดูแล น้องเซ้ง (วิชัย แซ่ฟ่าน) แล้วอยากพัฒนาบริษัทในเชิงธุรกิจขึ้น ในช่วงที่เรียนประมาณปี 3 ปี 4 พอดี ก็เลยอยากจะทำและอยากจะให้โอกาสคนด้วย

คือเราโชคดีครับที่เรามีโอกาส และเชื่อว่าหลายคนก็อยากรับโอกาสนี้ด้วยเหมือนกัน พอเริ่มที่จะสร้างโอกาสได้แล้ว ผมก็ไปทำงานเบื้องหลังด้วยครับ เลยรู้สึกว่า เราพร้อมแล้วที่เราจะทำ เลยตัดสินใจว่าเราจะทำซีรีส์กันครับผม ก็เริ่มพัฒนาจากผู้จัดการดูแลศิลปิน แล้วมาเป็น House Production ต่อ แล้วก็มีรายการเพลง มีเพลง มาจนทำละคร

เริ่มต้นจาก แอบหลงรัก เดอะซีรีส์ Secret Crush On You ก็มีการแคสต์นักแสดงเข้ามา แล้วก็ต่อยอดไปเรื่อยๆ จนตอนนี้ก็เปิดบริษัทใหม่ขึ้นมาอีกบริษัทครับ ทำเกี่ยวกับการค้าเลย"

"ถ้าพูดถึงความสำเร็จที่เราตั้งเป้าไว้เราให้ 10% ดีกว่า แต่ถ้าซีรีส์อันนี้สมบูรณ์ประมาณ 90% แล้ว เพราะว่าเราเหลือแค่ตัดต่อช่วงท้ายครับ แล้วก็จะออนแอร์วันที่ 11 ก.พ. นี้ครับ แต่กว่าจะได้เท่านี้ก็มีรับน้องผู้จัดใหม่นะครับ

เพราะเป็นช่วงโควิดมา ก็อาจจะมีเกินงบการถ่ายทำบ้าง อย่างไปสถานที่บางแห่งเช่าสถานที่ได้เลย แต่ช่วงโควิดจะเช่าสถานที่ไม่ได้ครับ เพราะต้องมีการขออนุญาตก่อน ซึ่งบางทีพรุ่งนี้เราต้องถ่ายแล้วอะ เอกสารมันยังมาไม่ถึง เราก็ยังถ่ายไม่ได้ หรือว่าเรื่องมาตรการต่างๆ เอง อย่างไปต่างจังหวัด ผมอยากได้ซีนสวยๆ แต่สุดท้ายเขาโทรมาบอกว่าน้ำท่วม ถ่ายไม่ได้ก็มีครับ 

การเป็นผู้จัดซึ่งมันก็เป็นหน้าที่ใหม่ที่เราต้องรับผิดชอบเยอะขึ้นด้วยครับ แต่เราข้อดีคือเรามีเวลาเยอะขึ้นด้วยครับ (หัวเราะ) ปกติผมช่วงที่แสดงอย่างเดียว หรือว่าตอนทำธุรกิจด้วย ก็จะไม่ค่อยมีเวลา แต่มาตอนนี้มันเรียนรู้เยอะขึ้นครับ พอเริ่มเปิดบริษัทจริงจัง มีทีมเข้ามาช่วยจัดการงานมากขึ้น เรากลับมีเวลามากขึ้นครับ มีเวลาไปกินข้าวกับเพื่อนด้วยครับ มีเวลาไปดูหนัง"

บทบาทใหม่ของ เซ้นต์ ศุภพงษ์ กับมุมที่โตขึ้นในอีกก้าวของชีวิต

นิยามการเป็นผู้จัดคือการสร้างสรรค์สังคม

"ภูมิใจระดับหนึ่งครับ แต่ว่าเรายังไม่ถึงฝั่งฝันของเรา เราก็ยังรู้สึกต้องสู้กันต่อไป สู้กันไปเรื่อยๆ ครับ ทำไปเรื่อยๆ อย่างในเรื่องการพัฒนา ผมนิยามการเป็นผู้จัดของผมคือการสร้างสรรค์สังคมก่อน เป้าหมายของเราในปีสองปีที่ตั้งไว้ ก็คือเราอยากพัฒนาส่งเสริมในเรื่องของ LGBTQ+ ในเรื่องของความเท่าเทียมด้วย

จากที่เห็นในเรื่อง แอบหลงรักเดอะซีรีส์ Secret Crush On You ก็จะมีคู่เกิร์ลเลิฟด้วย มีคู่บอยเลิฟด้วย แล้วก็ในส่วนตัวผมในช่วงกลางปีก็จะเปิดกองใหม่ ซึ่งทำตัวบทเรียบร้อยแล้วก็จะเปิดตัวเกิร์ลเลิฟเรื่องใหม่ของไทย น่าจะเป็น Girl Love เรื่องแรกๆ ของไทยเลย"

มุ่งมั่นสุดพลังอยากให้ทุกคนมีความเท่าเทียม

"ที่ผมสนใจในเรื่องความเท่าเทียม และการสมรสเท่าเทียม คือส่วนตัวผม ผมเห็นว่ามันเป็นสิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นตั้งนานแล้วครับ หรือเป็นสิ่งที่เราควรจะสนับสนุนเขา ถ้าเป็นนามธรรมมันเกิดขึ้นแล้วแหละ แต่ว่าในความเป็นรูปธรรมที่แท้จริงที่มันเกิดขึ้นบนโลก มันยังมีการที่แบบว่าเกิดการแบ่งชนชั้น แบ่งวรรณะกัน 

...

ซึ่งในเรื่องความรักหรืออะไรก็แล้วแต่ สุดท้ายมันไม่มีอะไรที่มาแบ่งกันหรอก เพราะคนเราก็เป็นมนุษย์ที่เกิดขึ้นมาเหมือนกับดินก้อนหนึ่งที่เขาปั้นขึ้นมา แต่ถ้าเราไม่ได้เติมแต่งให้ดินมันมีรูปร่าง สุดท้ายเราก็เป็นดินเหมือนเดิม ผมเลยรู้สึกว่าทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นความเท่าเทียมครับ ผมก็อยากสนับสนุนในเรื่องนี้ให้มันเกิดขึ้น ให้มันมีความชัดเจนหรือว่าอยากจะให้ทุกคิดไปในทำนองเดียวกัน ทุกคนยอมรับสิ่งนี้ไปด้วยกัน

คือมันก็มีนะที่บางคนเขายังไม่เห็นด้วย แต่ก็อยากให้ลองเปิดใจดู หรือมีดูซีรีส์ก็ได้ จากบอยเลิฟที่เราผลิต หรือจากเกิร์ลเลิฟที่เราผลิต แล้วมาลองวิเคราะห์ดูว่ามันเป็นไปยังไง ไปในทิศทางไหน แล้วมันเกิดขึ้นได้จริงๆ ในชีวิตจริงนะ"

บทบาทใหม่ของ เซ้นต์ ศุภพงษ์ กับมุมที่โตขึ้นในอีกก้าวของชีวิต

"เอาจริงๆ ส่วนตัวผม ผมอยากให้ทุกคนลองเปิดใจดู ทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ถ้าใครไม่เห็นด้วยก็อยากให้ลองเปิดใจดู อย่างที่ผมบอกอะ บางทีบางอย่าง ถ้าแค่พูดเฉยๆ อธิบายเฉยๆ บางคนไม่เข้าใจ อย่างที่บอกอะครับ ลองดูจากซีรีส์ก็ได้ว่าจริงๆ แล้วมันเกิดขึ้นได้จริงๆ นะ มันไม่ได้เป็นแค่ในนิยายครับ เพราะนิยายส่วนใหญ่ก็แต่งจากชีวิตจริง ถูกต้องมั้ย ซึ่งคำว่านิยายก็เกิดในชีวิตจริง แต่หลายคนอาจไม่เห็นภาพ ก็อยากให้เห็นภาพกันแค่นั้นแหละครับ"

...

ตั้งใจผลิตซีรีส์เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ

"คือแต่ละปีผมจะมี Goal Setting ของตัวเอง อย่างในเรื่องของศิลปินหรือนักแสดง เรามีเป้าหมายของเราที่อยากจะไปให้โตกว่านี้ แต่ถ้าพูดถึงโปรดักชั่น อย่างน้อยๆ ผมก็อยากจะพัฒนาตรงนี้ก่อนเป็นเป้าหมายแรกในปีสองปีนี้ แล้วอยากให้ทุกคนเหมือนกับว่าได้ต่อยอดจากของผม 

ผมรู้สึกว่าถ้าไม่มีคนเริ่มต้นมันจะไม่มีคนต่อยอด อย่างน้อยเราไม่รู้หรอกเราจะทำตรงนี้ได้มากน้อยแค่ไหน แต่อย่างน้อยเราจะส่งต่อให้กับคนรุ่นหลัง คนที่จะนำสิ่งนี้ไปต่อยอดต่อไปได้ให้มันโตขึ้น วันนี้ผมอาจทำได้แค่ 40% คนรุ่นหลังอาจจะทำต่อจากผมได้ ให้มันเกิดความเท่าเทียมกันเป็น 100% ได้ในอนาคต

ผมอยากกระตุ้นเศรษฐกิจ ทางวัฒนธรรม เอาตรงๆ ผมรู้สึกว่า ซีรีส์ของต่างประเทศเอาวัฒนธรรมเข้าไปในประเทศอื่นๆ แล้วรายได้เขาสูงขึ้น ค่า GP สูงขึ้น เศรษฐกิจ วัฒนธรรมเขาสูงขึ้น ประเทศที่กำลังพัฒนากลายเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งมันก็เป็นเป้าหมายของเราที่เรียนเศรษฐศาสตร์มา ผมก็อยากทำให้ตรงนี้มันสำเร็จจากซีรีส์ การสอดแทรกวัฒนธรรม การสอดแทรกเศรษฐกิจไปขายต่างประเทศ พัฒนาไปเรื่อยๆ จนเกิดการยอมรับมากขึ้นครับ"

"ซีรีส์ที่ผมเป็นผู้จัด ผมก็ได้ร่วมแสดงด้วยนะครับ 10 นาทีถ้วน (หัวเราะ) ที่เหลือยกให้น้องๆ นำแสดงหมดเลยครับ จริงๆ จะไม่เล่นด้วยครับตอนแรก แต่เนื่องด้วยสถานการณ์โควิด ด้วยคิว ด้วยนักแสดงหลายๆ ท่าน บทนี้ผมก็เลยมาเล่นกันหน่อย ทำให้แบบว่าบทนี้มันเติมเต็มความอร่อยของเรื่องในบทของตัวละครตัวนี้ 10 นาทีถ้วนครับ มาเป็นกามเทพอย่างเดียว"

บทบาทใหม่ของ เซ้นต์ ศุภพงษ์ กับมุมที่โตขึ้นในอีกก้าวของชีวิต

...

การได้เป็นผู้จัดละคร เหมือนมาเติมเต็มความฝัน

"ผมใช้ระบบเป็นทีม ยังไงผมก็ยังรับละครปกติครับ ปีนี้จะได้เห็นกันอย่างน้อยๆ 2 เรื่องเลย ก็ยังรับแสดงเหมือนเดิมเลยครับ อาชีพหลักก็คือนักแสดงครับ (หัวเราะ) ส่วนการเป็นผู้จัดอันนี้ก็น่าจะเป็นการเติมเต็มความฝันของเรา เหมือนเป็นอีกจ๊อบหนึ่งประมาณนี้มากกว่าครับ"

"ถามว่าภูมิใจในตัวเองมากน้อยแค่ไหน ผมภูมิใจในตัวเองระดับหนึ่งครับ อย่างน้อยเราก็ได้เริ่มต้นในตรงนี้ไปในจุดหนึ่งแล้ว ภูมิใจที่ตัวเราได้เริ่มต้นครับ เราก็มานั่งคิดต่อว่าเราจะทำยังไงให้มันสำเร็จยิ่งขึ้น หรือว่ามันเดินไปได้ไกลกว่านี้ ประมาณนั้นครับ"

ไม่ซีเรียสกับดราม่า แต่พยายามแก้ไขให้ดีที่สุด

"เวลาเจอดราม่าใช่มั้ยครับ คือผมจะโฟกัสก่อนว่าอะไรคือสาเหตุของการดราม่าครับ ปัญหานั้นมันคืออะไร แล้วเราหาทางแก้ครับ คือผมเรียนรู้เรื่องดราม่ามาเยอะแยะเลย แต่สุดท้ายแล้วเรื่องที่มันแก้ได้ เราพยายามแก้มันให้ดีที่สุด

แต่ถ้ามันไม่สามารถแก้ได้จริงๆ หรือเป็นสิ่งที่เราคอนโทรลไม่ได้ อย่างผมเคยถูกใส่ร้ายว่าเราเป็นโน่นนี่นั่น แต่เราไม่ได้เป็นจริงๆ เราก็แค่ปล่อยไปครับ ไม่ต้องมานั่งเครียด ไม่ต้องซีเรียสกับมัน เอาเวลาไปใช้ชีวิตดีกว่า เพราะเวลาเรามันน้อยครับ"

"อย่างตอนที่โดนข่าวอักษรย่อ อันนั้นผมก็ไม่ซีเรียสเลยครับ คือมีพี่สื่อสัมภาษณ์ผมนี่แหละ ผมก็บอกไปเลยว่า อันนั้นผมไม่ซีเรียสเลยครับ ก็อย่างที่เห็นเลยครับ ผมรับทุกคนเลย จากที่เขาเล่าให้ฟังว่าเราเลือกรับบทใช่มั้ยครับ แต่ผมก็รับหมดเลยนะ เดี๋ยวจะได้เห็นผมงานของผมทั้งหมดในปีนี้ มีทั้งพระเอก พระรอง หรือเล่นรับเชิญบ้าง

คือเรารับทุกบทครับ ซึ่งในข่าวอาจจะเขียนว่าเรารับแค่พระเอก แต่ที่เห็นผมรับงานมา ก็ไม่ได้รับแค่พระเอกนะครับ อย่างใบไม้ที่ปลิดปลิว ผมก็ไม่ได้เล่นเป็นพระเอก หรือว่าแม่ครัวคนใหม่ที่เพิ่งปล่อยออกไปพอๆ กับข่าวที่ออกมา ผมก็ยังเล่นรับเชิญอยู่เลยนะครับ ผมก็เลยไม่ได้ซีเรียสครับ เพราะว่ามันไม่ใช่ความจริงอยู่แล้ว"

"คือผมไม่ได้กดดันจากความเป็น เซ้นต์ ศุภพงษ์ ว่าจะต้องทำเรื่องนี้ให้ปัง แต่ผมกดดันกับตัวเองว่า ทำเรื่องนี้ดีที่สุดแล้วหรือยัง เราพยายามไม่กดดันตัวเองจากคนรอบข้าง แต่เราพยายามถามตัวเองว่าทำดีที่สุดแล้วหรือยัง จุดบกพร่องมันคืออะไร"

บทบาทใหม่ของ เซ้นต์ ศุภพงษ์ กับมุมที่โตขึ้นในอีกก้าวของชีวิต

ขอบคุณครอบครัวที่ซัพพอร์ตมาตลอด 

"โอ้ ผมสู้กับครอบครัวพอสมควรครับ (หัวเราะ) คือจริงๆ แล้วทางครอบครัวผมมีกิจการอยู่แล้ว แล้วเราเหมือนกับว่าอยากทำให้เขาเห็นว่าเราทำสำเร็จได้ด้วยตัวเราเองนะ คือจริงๆ แล้วครอบครัวซัพพอร์ตตลอดนะครับ อย่างในการทำกิจการของเราก็จะมีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้องเนอะ

ทางบ้านเขาก็จะห่วงว่าเงินพอมั้ย เราจัดการกับระบบบัญชีได้มั้ย คือผมต้องขอบคุณครอบครัวผมจริงๆ ที่ซัพพอร์ตตลอด คอยประคับประคองผมมา สู้มาจนระดับหนึ่งที่เราทำสำเร็จ ทำให้เขาเห็นว่าเราทำได้ แม้ว่าเราอาจจะยังไม่เติบโตในแบบที่ว่าดีเลิศอะไรขนาดนั้น

แต่ว่าเราได้เรียนรู้ รู้จักการวางแผน ดูแลตัวเอง ดูแลน้องๆ ในบริษัท เพราะตอนนี้ก็มีน้องๆ กว่า 10 ชีวิตแล้ว ต้องรับผิดชอบตัวเองและรับผิดชอบปากท้องของน้องๆ ทุกคน พนักงานในบริษัททุกคน"

บทบาทใหม่ของ เซ้นต์ ศุภพงษ์ กับมุมที่โตขึ้นในอีกก้าวของชีวิต

เพราะความบ้าพลังทำให้มีวันนี้ได้

"ตอนนี้ผมบ้าพลังกว่าเดิมครับ (หัวเราะ) เพราะการบ้าพลังนี่แหละเลยทำให้เรายังคงทำโน่นนี่ไปเรื่อยๆ เหมือนเดิม ก็ยังเต็ม 100 กับทุกงานครับ"

"ถามว่า ทำงานทุกวันมีเวลาพักผ่อนให้กับตัวเองบ้างมั้ย มีเรื่อยๆ ครับ ก็อย่างที่บอก พอเราเรียนรู้ในเรื่องการทำงานเป็นทีมแล้ว เลยทำให้เรามีเวลาไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ผมก็เพิ่งไปเที่ยวน่านมา ก็ได้เอางานไปทำด้วย ไปถ่ายคลิป ไปทำบุญที่วัด สนุกมากครับไปน่าน"

"ผมรู้สึกว่า ณ ตอนนั้นเราเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งที่ไม่รู้อะไรเลย แล้ววันนี้เติบโตทั้งการสอนใช้ชีวิต ทั้งการเรียนรู้คน สอนให้โอกาสคน ทั้งเป็นผู้รับ ผู้ให้ ผู้ส่ง เป็นผู้ตัดสิน หรือแม้แต่ว่าคอยจัดการต่างๆ วงการบันเทิงสอนให้ผมเติบโตเป็น เซ้นต์ ศุภพงษ์ ในวันนี้ได้มากขึ้น เหมือนโตขึ้นเป็น 10 ปีเลยครับ ภายในแค่ 2-3 ปี"

"ผมไม่รู้ว่าผมก้าวกระโดดไกลมั้ย แต่ผมรู้สึกว่าผมเริ่มต้นช้านะ อย่างที่บอกเรามีอุดมการณ์ เราอยากสร้างสรรค์เพื่อสังคม พัฒนาเศรษฐกิจเยอะมาก คือตอนนี้ที่ทำได้มันเป็นแค่จุดเล็กๆ เองอะ แต่ว่าสิ่งที่เราทำไว้บางคนอย่าง สตีฟ จ๊อบส์ บิล เกตส์ ทุกคนเริ่มตั้งแต่อายุ 17-18 เลยนะ แต่ผมเริ่มจากตอนนี้ ก็ถือว่าช้าอยู่นะ"

หัวใจโสด ยังไม่เจอจังหวะความรักที่พอดี 

"ก็ไม่ปิดกั้นตัวเองเหมือนเดิมครับ ไม่ปิดกั้นตัวเองกับใคร ยังพร้อมที่จะเรียนรู้ทุกคนเหมือนเดิม แต่ว่าแค่ไม่มีใครเข้ามามากกว่าครับ (หัวเราะ) ผมว่าถ้ามันเป็นจังหวะที่ดีพอดี ก็อาจจะเป็นช่วงที่มีใครสักคนหนึ่งก็ได้ แต่ว่า ณ ตอนนี้เวลาของเราที่จะดูแลทุกคนยังไม่พอเลย เพราะต้องดูแลทีมงาน หรือคนในทีมเยอะแยะเลย แต่จุดๆ หนึ่งอาจจะมีก็ได้ ให้เป็นเรื่องของอนาคตครับ ถ้าถามว่ามีคนคุยมั้ย ตอนนี้ก็ไม่มีนะครับ ตอนนี้คุยกับตู้เย็นมากกว่าคุยกับคนอีก"

บทบาทใหม่ของ เซ้นต์ ศุภพงษ์ กับมุมที่โตขึ้นในอีกก้าวของชีวิต

ตั้งเป้าอยากให้เด็กรุ่นใหม่ลุกขึ้นมาทำ Start Up

"ดีใจครับดีใจ เป้าหมายอีกข้อหนึ่งคืออยากให้ชื่อนี้เป็นตัวอย่างให้น้องๆ ได้ลุกขึ้นมาทำสตาร์ทอัพ ใน 2-3 ปีนี้ ผมเชื่อว่าถ้าทุกๆ คนลุกขึ้นมาทำสตาร์ทอัพ ผมเชื่อว่าเศรษฐกิจของไทย คำว่า ประเทศที่กำลังพัฒนา กลายเป็น ประเทศที่พัฒนา แน่นอน"

ขอบคุณครอบครัว หมิงเอ๋อ ที่ดูแลกันมาเสมอ

"เซ้นต์อยากขอบคุณทุกๆ คนครับผม ผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดี ผมพูดคำนี้ตลอดเวลาว่ามันเป็นเรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้น เรามีความฝัน อยากสำเร็จ เราทำอะไรด้วยความรัก แล้วสิ่งที่ได้กลับมา มันได้มากกว่าความฝันที่อยากได้ เพราะมันสำคัญกว่า ก็คือความรักของทุกคน

จะมีสักกี่คนครับที่รู้สึกว่า แม้เราไม่เคยเห็นหน้ากันเลย เราคิดถึงกัน เป็นห่วงกัน แล้วอยากดูแลกันเสมอ ซึ่งผมอาจจะไม่รู้ชื่อเขา แต่เขาอยู่ในครอบครัวผมที่ชื่อ หมิงเอ๋อ แค่เขาอยู่ในครอบครัวหมิงเอ๋อ ผมก็รู้สึกว่าผมได้ดูแลเขาแล้วครับ ก็ขอบคุณทุกๆ คนที่อยู่ข้างๆ กันมาเสมอเลย ตั้งแต่ต้นจนถึงทุกวันนี้ครับ เราอยากเป็นรอยยิ้มให้กับทุกคน และทุกคนก็เป็นรอยยิ้มของ เซ้นต์ เสมอครับ".

ผู้เขียน : โอ้ว...ซาร่า

กราฟิก : Theerapong Chaiyatep

บทบาทใหม่ของ เซ้นต์ ศุภพงษ์ กับมุมที่โตขึ้นในอีกก้าวของชีวิต