เส้นทางในวงการบันเทิงเริ่มจากการปรากฏตัวในรายการ The Face Thailand Season 2 และคว้าตำแหน่งผู้ชนะเลิศทำให้ทุกคนรู้จักชื่อนี้ ติช่า–กันติชา ชุมมะ หรือที่เรียกติดปากว่า ติช่า เดอะเฟซ หลายปีที่ ติช่า โลดแล่นในวงการเป็นนักแสดงและนางแบบสุดเซ็กซี่ที่มีความมั่นใจเกินร้อย แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าเส้นทางชีวิตของเธอไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ กว่าจะมีวันนี้ต้องผ่านอุปสรรคมากมาย

วันนี้ ติช่า พร้อมเปิดเผยปมชีวิตที่คาใจมานานระหว่างพ่อเลี้ยง พร้อมล้วงลึกเรื่องเซ็กซ์ที่เธอมีมุมมองที่ต่างออกไปในเชิง Sex Education ทั้งหมดนี้ ติช่า เปิดอกกลางรายการ Woody FM เรารู้จักชื่อติช่า ตั้งแต่ The Face เป็นสาวสวยมีเสน่ห์ มีความเฟียส แต่วันนี้ถือว่ามาไกลมาก คิดมั้ยว่า 7–8 ปีที่ผ่านมาจะเป็นอย่างทุกวันนี้?

“มีภาพชัดพอสมควรค่ะ วันที่ช่าได้คุยครั้งแรกกับพี่วู้ดดี้ในวันนั้น ช่ามั่นใจว่าจะต้องมีครั้งหน้าอย่างแน่นอน ซึ่งเป็นอย่างวันนี้ค่ะ”

...

เป็นคนที่ทำอะไรจะต้องมองให้ไกล?

“ใช่ค่ะ ตั้งแต่เด็กๆเลยค่ะ เรามีความฝันที่ยิ่งใหญ่ ไม่รู้มาจากไหน อยากจะเป็น Something Somebody ตั้งแต่เด็กแล้ว เราดูรายการในทีวีก็คิดว่าสักวันฉันจะเป็นแบบนี้ ตอนดูอะไรที่เราชอบแล้วก็รู้สึกว่าอยากไปถึงตรงนั้นบ้าง”

สิ่งที่ติช่าขาดไม่ได้ในชีวิตคือ?

“ความรัก”

ผู้ชายประเทศไหนที่เราคิดว่าอร่อยที่สุด?

“(หัวเราะ) บราซิล”

เวลานอนไม่หลับจะคิดถึง?

“เซ็กซ์”

แล้วมันจะช่วยให้นอนหลับยังไง?

“ยิ่งนอนไม่หลับเลยทีนี้ เพราะติช่ามีความชอบเรื่องนี้เป็นพิเศษอยู่แล้ว แล้วหนูก็ช่วยตัวเอง”

บ่อยมั้ย?

“ทุกวัน”

เรื่องนี้ได้คุยกับแฟนมั้ย?

“เป็นเรื่องที่ต้องคุยค่ะ ตอนแรกๆเราไม่อยากบอกนะเพราะมันส่วนตัวมากๆ แต่พอโตขึ้นรู้สึกว่าเข้าใจตัวเอง เราคุยได้”

แล้วติช่ากำลังทำรายการเกี่ยวกับเซ็กซ์ Sex Education ด้วย และเปิดเผยมากเกี่ยวกับเรื่องเซ็กซ์ เราต้องการให้คนดูหรือแฟนๆได้อะไร?

“อยากลดสิ่งที่คนตราหน้ากันที่สำคัญที่สุด ถ้าคนอยากรู้เรื่องเซ็กซ์เขาไปเสิร์ชดูก็ได้ไม่จำเป็นต้องมาดูรายการนี้ แต่สิ่งที่เราอยากพูดย้ำเรื่อยๆในเรื่อง Stigma (ตราหน้า ตราบาป) ที่เราจะสามารถลดมันได้แค่ไหน อย่างการมอง LGBTQ การรู้ผิดชอบชั่วดี การข่มขืน การคุกคามทางเพศอันนี้ควรหรือไม่ควร รู้สึกว่าเราต้องพูดเรื่องนี้กันให้มากขึ้น”

ติช่าคิดว่าคนส่วนใหญ่มองเรื่องเซ็กซ์ยังไง?

“สนใจแน่นอน แต่มีหลายคนที่รู้สึกไม่สบายใจ มันเป็นเรื่องส่วนตัวจริงๆ เขาเลยคิดว่ามาแชร์อะไรที่เป็นส่วนตัวขนาดนี้ ช่ารู้สึกว่าการช่วยตัวเองเป็นสิ่งที่เราได้จับตัวเอง ฉันสบายใจสบายตัวให้ความสุขกับตัวเอง พอเราจับตัวเองแทนที่เราจะรู้สึกอาย เพราะมันเริ่มจากตอนที่เราเด็กๆ เวลาเราช่วยตัวเองแล้วผู้ใหญ่ก็บอกว่าหยุดทำนะ ทำอย่างนี้ไม่ได้เราเลยรู้สึกว่าเป็นความน่าอาย รู้สึกผิด เลยต้องแอบทำ ไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงผิด พอโตขึ้นมาเรื่อยๆถึงรู้ว่า อ๋อ มันเป็นยังงี้นี่เอง พอเรารู้แล้วความอายทั้งหมดมันไม่ได้หายไปแต่เรารู้สึกเข้าใจ มีความรู้สึกว่าทำไมฉันถึงชอบมันทั้งๆที่มันผิด ชอบเหลือเกิน ฉันอยู่กับตัวเองแล้วรู้สึกผ่อนคลาย หายเครียด แต่ทำไมฉันต้องมารู้สึกผิดทีหลังด้วย มันต้องใช้เวลาในการปรับตัวเองด้วย หนูว่าเซ็กซ์เป็นการปลดปล่อยตัวเอง เรามีความสุขกัน เรามีช่วงเวลาที่ลึกซึ้งกัน”

บางคนไม่กล้าบอกแฟนว่าช่วยตัวเอง เพราะกลัวจะมีปัญหา บางคนรู้สึกว่าแฟนไม่รัก?

“เข้าใจเลยว่าทำไมบางคนรู้สึกไม่โอเค เพราะแทนที่คุณจะเอาเวลานั้นมาใช้กับฉัน ทำไมไม่มาแชร์ประสบการณ์นี้กับฉัน ทำไมต้องไปทำคนเดียว ทำไมเซ็กซ์ของเราไม่ดีพอเหรอ แล้วโทษตัวเอง ต้องหยุดคิดแบบนี้ เพราะตัวช่าเองมีบางอย่างที่ช่าชอบมากแล้วติด ช่าต้องคุยให้เคลียร์ให้เขาเข้าใจ ซึ่งตอนแรกพอคุยกับแฟนเขาก็จะบอกว่าแล้วเซ็กซ์มันไม่พอเหรอ หรือยังไง เราก็ต้องบอกว่านี่คือสิ่งที่ฉันทำส่วนตัวมันไม่ได้ผิดอะไรที่เธอเลย เราต้องอธิบายให้ชัดเจน ไม่ใช่ฉันไม่ชอบเธอ แต่มันแค่เป็นโมเมนต์ที่ฉันแค่ชอบตัวเองแบบนี้”

...

แฟนเป็นคนชาติไหน บราซิล?

“สวิตเซอร์แลนด์ค่ะ (หัวเราะ) อย่างแรกเลยนะคะ ติช่าเคยเดตแฟนเป็นคนบราซิลมาก่อน แล้วตอนนั้นเป็นช่วงที่เราปาร์ตี้เจอผู้ชายบราซิลเยอะมาก หลายๆอย่างที่เขาทำศิลปะการใช้ชีวิตของเขาร้อนแรง ช่าไม่เคยเห็นประเทศไหนที่มองตาแล้วเหมือนจะกลืนกินกันตลอดเวลา มีแพชชันเยอะมาก”

ตลอดการเติบโตของติช่า เจออะไรมาบ้าง?

“ตอนเด็กๆลำบาก ครอบครัวแยกทางกันก็เจอกับความยากจน ติช่าเกิดที่นครศรีธรรมราช แล้วก็ไปอยู่ที่ภูเก็ตแป๊บนึงจำอะไรแทบไม่ได้เลย ซึ่งก็จำแต่สิ่งแย่ๆ ในหลายๆ ครั้งโดนทำร้ายโดยผู้ปกครอง แล้วครอบ ครัวก็แตกแยกกันจึงย้ายไปอยู่ที่สกลนคร”

ติช่าผ่านมันมาได้ยังไง? “ช่าไม่ได้มีตัวเลือกไหนนอกจากใช้ชีวิตต่อ คือช่าไม่รู้หรอกว่าเข้มแข็งเท่าไหร่ แต่มันเป็นทางรอดเดียว ไม่งั้น You Cannot”

แล้วก็ไปอยู่ที่สกลนคร?

“พอครอบครัวแยกกันก็ไปอยู่กับยาย ตอนนั้นคือจนสุดๆ ขนาดที่ไม่สามารถซื้อรองเท้านักเรียนใส่ได้ ต้องเดินเท้าเปล่า ได้ค่าขนม 3 บาทต่อวัน แต่ช่าเหลือเก็บ 2 บาททุกวันภูมิใจในตัวเองมาก เพราะติช่าฝึกควบคุมตัวเองตั้งแต่เด็ก เงินที่เก็บไม่ได้จะไปซื้อของขวัญหรือของเล่น แต่เก็บไว้โทร.หาแม่ จำได้ว่าแม่ไปอยู่ต่างประเทศแล้วเราก็โทร.ไปหาเขา ตอนนั้น 1 นาทีมันราคา 50-60 บาท แล้วช่าอยากคุยกับแม่ 3 นาทีต้องเก็บเท่าไรล่ะ จึงต้องหักห้ามใจ ถ้ากินเยอะก็จะได้คุยกับแม่น้อยลง ช่าจึงเก็บเงินออมไว้เป็นกระปุกเลยค่ะ”

เห็นว่ามีคนขโมยเงินด้วย?

“ใช่ เราพาเพื่อนมาเล่นที่บ้าน เขาก็เลยขโมยกระปุกเงินไปที่เราเก็บวันละ 2 บาท ซึ่งได้เป็นหลายร้อยมากเลย ตอนนั้นเสียใจร้องไห้เลยค่ะ ทุกความอดทนที่ฉันอดข้าวมา มันมีหลายครั้งที่มองดูเด็กคนอื่นกินขนมแล้วต้องหันหน้าหนี เพื่อที่เราจะเอาเงินไปทำสิ่งที่สำคัญกว่า ทุกอย่างที่อดทนใช้เวลานานมากมันหายไปเลย”

...

อยู่กับยายนานมั้ย แล้วตอนนั้นคิดอะไร?

“3 ปีค่ะ จำได้แค่ว่าสักวันจะมีวันที่ดีขึ้น จะอยู่ในจินตนาการวาดภาพในอนาคต”

ตอนที่ไปอยู่สวีเดนชีวิตดีขึ้นมั้ย?

“ช่ารู้สึกว่า โอมายก้อด นี่คือโมเมนต์ของฉัน ชีวิตใหม่ ฉันมีโอกาสเท่าโลกเลย แล้วช่าเป็นคนที่ทะเยอทะยานมาก อยากจะเรียนเก่งที่สุด อยากจะทำอันนี้เก่งที่สุด เพื่อวันหนึ่งจะได้เป็นคนที่ประสบความสำเร็จ เราก็เป็นเด็กหัวดำอยู่คนเดียวในสวีเดน จะเป็นที่ยอมรับได้ยังไง ถ้าเป็นส่วนน้อยแล้วต้องเก่งนะ เราก็เลยรู้สึกว่าฉันต้องเรียนเก่ง อยากจะพิสูจน์ตัวเองมาก เพราะตอนที่ทะเลาะกับพ่อเลี้ยง ซึ่งเขาเป็นคนดีนะ แต่มันมีโมเมนต์ที่เราทะเลาะกัน พอทะเลาะกันก็จะไล่ออกจากบ้าน เราเสียใจมากเพราะไม่มีที่จะไปก็ต้องง้ออยู่ดี ซึ่งมีโมเมนต์เดียวคือต้องเก่ง ตั้งใจเรียนมากไม่พอต้องรวยด้วย มันเลยมีแรงผลักดัน และสิ่งที่เกิดขึ้นคือวันที่ได้ The Face โอมายก้อด! ได้เงินรางวัล 1 ล้านบาทมันเยอะมากนะ เพราะช่าถังแตกมาก่อนหน้านั้น ฉันได้อันดับหนึ่งนะ”

“แล้ววันที่พ่อมาเยี่ยมที่เมืองไทยมาที่ภูเก็ต ช่าให้เขาไปอยู่วิลล่าที่มองเห็นทะเล เขาจะเป็นคนที่ชอบล่องเรือมาก ทำให้เขาก็เอ็นจอยมาก ช่ารู้สึกภูมิใจ แต่ก่อนเราจะเป็นฝ่ายโดนด่าเยอะไง แล้วเขาก็บอกว่าวิวสวยเนอะ แต่ช่ารู้เขาภูมิใจ ตอนก่อนที่เขาจะกลับไปสนามบินเราก็ให้ค่ารถเขา แต่เราไม่ได้คิดอะไรนะ แล้วเขาก็น้ำตาไหลจะร้องไห้ บอกว่าไม่ต้องให้ฉัน แล้วพอเขาจะร้อง ช่าก็เลยจำได้ว่าทำไมเขาถึงร้อง แล้วช่าเองก็อยากร้องไห้เหมือนกัน เพราะช่าไม่เคยได้ยินเขาพูดว่าขอบคุณ”

“ด้วยความที่เราเคยทะเลาะกัน ด้วยความที่เราวัยรุ่นใจร้อนชอบเถียง เวลาที่เราด่ากันเขาก็จะบอกว่าเธอไม่รู้สึกขอบคุณฉันเลยในชีวิตที่ฉันให้เธอ เรารู้สึกโดนกดดันว่าต้องขอบคุณเขาตลอดเวลา พอเราได้ยินเขาขอบคุณบ้าง ซึ่งมันไม่ใช่เงินที่เยอะเลยพันกว่าบาทเอง เขาบอกว่าขอบคุณติช่า ซึ่งช่าไม่เคยได้ยินจากปากป๊ะป๋า แต่ก่อนช่าจะเป็นคนที่ขอเขา เป็นโมเมนต์ที่เขาเองก็ช็อก เรากอดกัน หลังจากนั้นพอเขากลับไป ช่าไปนั่งร้องไห้เป็นชั่วโมงเลย มันเป็นโมเมนต์ที่ช่ารอ ทุกอย่างที่ทำมาพยายามจะประสบความสำเร็จ เพื่อช่วงเวลานี้แหละ ที่เรารู้สึกเท่าเทียมกัน เราผู้ใหญ่ 2 คนมองตากัน อยากเป็นที่ยอมรับที่ทำงานหนัก ไต่เต้ามาเรื่อยๆ ไปทำโน่นนี่ก็เพื่อสิ่งนี้ ให้เขาบอกว่าขอบคุณติช่า แล้วเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นคำที่เราต้องการ ฉันแค่อยากได้บางอย่าง อยากจะประสบความสำเร็จ แต่พอวันนั้นมา อ๋อ! นี่น่ะเหรอรางวัลของฉัน หลังจากนั้นเราดีกัน รู้สึกว่ามันปลดล็อกอะไรสักอย่าง”

...

สามารถติดตาม Woody FM ได้ที่ช่องทาง Podcast : WOODY FM, Facebook: Woody, Youtube: Woody ทุกวันจันทร์ที่ 2 และ 4 ของเดือน เวลา 18.00 น.