• ริว วชิรวิชญ์ เผยจุดเปลี่ยนจากนักกีฬาปิงปองเยาวชนทีมชาติสู่การเป็นนักแสดง
  • ได้รับโอกาสที่ดีขึ้นแท่นพระเอกละครหน้าใหม่ของช่อง 3 
  • ขอบคุณตัวเองที่ได้เรียนรู้จากความผิดพลาดเรื่องการใช้เงิน

กลายเป็นพระเอกเลือดใหม่ของช่อง 3 ที่น่าจับตาอีกคน สำหรับ ริว วชิรวิชญ์ อรัญธนวงศ์ อดีตนักกีฬาปิงปองเยาวชนทีมชาติไทยที่ผันตัวเองมาทำงานในวงการบันเทิงเพราะอยากจะหาเงินเพื่อส่งตัวเองเรียน

และในวันนี้เจ้าตัวก็ได้โอกาสมาและได้ทำตามที่ตัวเองตั้งใจเอาไว้ ซึ่งในตอนนี้ ริว วชิรวิชญ์ ก็กำลังมีผลงานละครออนแอร์อย่างเรื่อง พฤษภา-ธันวา รักแท้แค่เกิดก่อน เป็นละครที่หนุ่มริวได้เล่นเป็นพระเอกเรื่องแรก

อยากทำงานหาเงินส่งตัวเองเรียน

วันนี้เรามีโอกาสได้สัมภาษณ์พระเอกน้องใหม่ ก็ไม่พลาดที่จะอัปเดตเรื่องราวชีวิตของหนุ่มหล่อหน้าใสคนนี้มาให้ทุกคนได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น 

แต่เพราะสถานการณ์โควิดที่แพร่ระบาดในช่วงนี้ เราจึงไม่ได้เจอกันแบบตัวเป็นๆ ทำได้แค่การวิดีโอคอลคุยกันเท่านั้น แต่งานนี้แม้จะเป็นการต่อสายคุยกัน แต่บอกเลยว่าออร่าพระเอกน้องใหม่หล่อกระแทกใจสุดๆ ไปเลย 

เราไม่รอช้าเพราะเวลาเป็นเงินเป็นทอง ยิงคำถามแรกเบาๆ จากหนุ่มหล่อที่อยู่ตรงหน้าทันทีว่า อะไรทำให้ริวตัดสินใจเปลี่ยนจากการเป็นนักกีฬาปิงปองมาทำงานในวงการ งานนี้ หนุ่มริวยิ้มและเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในตอนนั้นให้เราฟังว่า 

"ตอนนั้นริวมีความคิดอยากจะช่วยพ่อแม่แบ่งเบาภาระ ริวจะเข้าเรียนปี 1 มีความอยากจ่ายค่าเทอมเอง เลยบอกพี่ที่รู้จักว่าอยากเดินแบบ เขาเลยพาริวไปเจอพี่ตือ

คือตอนอายุ 13-14 ปี เคยมีคนชวนไปเข้าวงการ เลยส่งไปเรียนเวิร์กช็อปต่างๆ ก็รู้สึกชอบนะ แต่หลายๆ อย่างยังรู้สึกว่าไม่ใช่ ริวยังไม่เหมาะก็เลยออกมาตีปิงปองเหมือนเดิม

...

ตอนนั้นริวหนักประมาณ 85 กิโลฯ ป้าตือบอกให้ลดน้ำหนักลงไป 5 กิโลฯ ตอนนั้นรู้สึกมีแพสชั่นในการทำงานมาก 2 อาทิตย์ริวลดได้ แล้วก็ไปเจอป้าตือ ป้าตือก็ให้ลดอีก

พอครบ 1 เดือนริวลดน้ำหนักไปได้ 10 กว่ากิโลฯ และก็ได้เดินแบบกับป้าตือเป็นครั้งแรก และได้มาแคสต์งานกับช่อง 3 และเซ็นสัญญากับทางช่อง

จากนั้นริวก็ได้เซ็นสัญญากับทางช่อง 3 ก่อนจะไปเล่นเลือดข้นคนจางกับทางนาดาว ต้องบอกว่า ช่อง 3 ให้โอกาสริวเป็นคนแรกในช่องที่ไปเล่นให้โปรเจกต์ที่อื่น

ต้องขอบคุณจริงๆ เพราะเขาอยากให้ริวไปเรียนรู้ หรือไปพัฒนาในการทำงานจากที่อื่น เพราะตอนนั้นริวยังเด็กและใหม่ ก็ให้ริวไปเรียนรู้เพื่อจะได้โตขึ้น

พอจบโปรเจกต์ตามสัญญาที่วางไว้ 1 ปีริวก็กลับมาช่อง 3 เหมือนเดิม หลายๆ คนที่ไม่รู้จะคิดว่าริวออกจากที่นั่นแล้วมาอยู่ช่อง 3 แต่จริงๆ ริวอยู่ช่อง 3 มาตลอดครับ"

เรายังสงสัยเลยถาม ริว วชิรวิชญ์ ต่อทันทีว่า ยังเป็นเด็กอยู่ แต่ทำไมถึงมีความคิดที่อยากจะช่วยแบ่งเบาภาระของพ่อแม่ด้วยการหาเงินจ่ายค่าเทอมเอง มันไม่ใช่น้อยๆ สำหรับเด็กที่อายุเท่านี้ และเราก็ได้รับคำตอบจากปากของพระเอกน้องใหม่ว่า 

"ปัจจุบันนี้หลายๆ คนเริ่มมีความคิดแบบนี้เยอะ ไม่ใช่แค่ริว ตอนเด็ก เวลาได้เงินจากการตีปิงปองมาก็จะให้พ่อกับแม่หมดเลย จะรับเป็นเงินเดือนแทน รู้สึกว่าถ้าหาเงินมาช่วยพ่อแม่ได้ก็น่าจะดี

มันมีความรู้สึกแค่อยากทำ อยากช่วย ตอนเดินแบบครั้งแรกริวได้เงินมาประมาณ 3 พัน ตอนนั้นรู้แค่ว่าโอกาสมาถึงแล้ว ถึงงานในวงการจะเหนื่อยจะมานั่งบ่นว่าไม่อยากทำงานก็ไม่ได้ มันจะเสียโอกาส โอกาสมันมาแล้วก็ต้องทำงานให้เต็มที่

เอาจริงๆ ริวได้ความมีระเบียบวินัยและความอดทนจากการเป็นนักกีฬาก่อนด้วย ก็เลยทำให้ริวสู้ มีภูมิคุ้มกันขึ้นมานิดนึงมาช่วยเมื่อได้มาอยู่จุดนี้

และการเป็นนักแสดงกับการเป็นนักกีฬาถ้ามีความกดดันระหว่างที่เล่นมันจะทำให้งานออกมาไม่ดีเหมือนกันเลย คือถ้ายิ่งไปเครียด มันจะไม่ไหลลื่นเลย

อย่างตอนแข่งปิงปองถ้ากดดัน ถ้าเครียด ก็จะตีไม่ออก การแสดงก็จะทำให้ไม่กล้าไปต่อกับมันเพราะอยู่ในความเครียด แต่มันก็คือการแข่งกับตัวเอง"

ไม่เคยฝันว่าจะได้เป็นพระเอกช่อง 3

จากนั้น เราถาม ริว วชิรวิชญ์ ตรงๆ ว่า เคยคิดมั้ยว่าวันหนึ่งตัวเองจะได้เป็นพระเอกละครหลังข่าวของช่อง 3 เพราะเด็กใหม่ต้องเริ่มจากการเป็นคู่รองก่อน หรือเป็นพระเอกละครเย็นก่อน งานนี้ริวหัวเราะก่อนจะตอบกับเราแบบเสียงดังว่า 

...

"ริวไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งตัวเองจะได้มาเป็นพระเอกละคร สมัยเป็นนักกีฬาก็เป็นคนนึงที่ดูละครช่อง อีกอย่างริวเป็นคนที่ไม่ค่อยกล้าแสดงออก พูดหน้าชั้นเรียนก็ไม่เคยพูด ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังคุยกับเพื่อนๆ พี่ๆ ที่เป็นนักกีฬาปิงปองว่าตัวเองจะมาอยู่ตรงจุดนี้ได้ (ยิ้ม) ทุกอย่างมันน่าตกใจไปหมด

ตอนที่รู้ว่าจะได้เล่นบทพระเอกเต็มตัวครั้งแรก ริวตื่นเต้นมาก ไม่ชินกับคำว่าเป็นนักแสดงนำ (ยิ้ม) มันกดดันดีนะ (หัวเราะ) เพราะว่าเป็นละครเรื่องแรกก็อยากทำผลงานของเราให้ดี ให้คนดูชอบด้วยครับผม

คือริวไม่ได้เครียดมาก แต่จะบอกกับตัวเองว่า มาลองดู ไม่ได้ไปเครียดกับมันมาก แต่ยอมรับว่ากดดันเพราะอยากให้คนเชื่อในตัวละครตั้มที่ริวได้รับจริงๆ

ตอนที่เล่นก็รู้สึกกดดัน รู้สึกว่าการเล่นละครยากบ้าง เพราะตอนที่เริ่มเล่นมันมีความรู้สึกอีกแบบ แต่พอเริ่มเล่นมันจะมีความรู้สึกอีกแบบเกิดขึ้น

คือ บางวันบางฉากทำได้ บางฉากทำได้แต่ยังไม่ดี การแสดงมันคือศิลปะ มันมีทั้งดีและโอเคบ้าง มันก็เติบโตกันไป ความกดดันที่เกิดขึ้นในตอนทำงานเพราะเราอยากทำให้มันดี

...

เพิ่งมารู้ตอนหลังว่าการเล่นละครมันคืองานศิลปะไม่ควรจะไปเครียดมาก เพราะถ้าเครียดมากจะทำให้ทำงานได้ไม่สุด"

แต่หลายคนมองว่า ตอนที่ไปเล่นเลือดข้นคนจาง ตอนนั้นริวไม่ได้บทเด่นมาก แต่พอกลับมาอยู่ช่อง 3 ได้ขึ้นเป็นพระเอกละครหลังข่าวเลย เรื่องนี้ทำให้หลายคนสงสัยและจับตามอง งานนี้หนุ่มริวเลยอธิบายให้ฟังว่า

"ตอนที่เล่นเลือดข้นคนจาง บทอาจจะไม่เด่นมาก หลายคนมองว่าพอมาอยู่ช่อง 3 ก็ได้เป็นพระเอกเลย
คือตอนนั้นทุกอย่างมันไวไปหมด ริวตกลงเข้าโปรเจกต์วันนี้ตอนนี้เที่ยงคืน ตื่นเช้ามาริวก็ไปบวงสรวงละครเลย

ทุกอย่างมันเร็วมาก บทมันลงตัวแล้วและเหมือนเราเป็นอีกพาร์ทนึงที่เขาใส่ลงไป แต่ริวรู้สึกดีใจนะที่ได้อยู่ในโปรเจกต์นี้ เพราะมันทำให้ริวได้ทำงานกับคนเก่งๆ และได้ทำให้ริวเจอกับแฟนคลับของตัวเอง ก็รู้สึกว่ามันทำให้ริวโตขึ้น ได้พัฒนาในการทำงานทุกอย่าง"

นักปิงปองเยาวชนทีมชาติ

จากนั้นเราถามย้อนไปสมัยที่ ริว วชิรวิชญ์ เป็นนักกีฬาปิงปองเยาวชนทีมชาติไทย ว่าในตอนที่เป็นนักกีฬานั้น อันดับสูงสุดของริวอยู่ที่เท่าไร เมื่อได้ฟังคำตอบเราถึงกับร้องว้าว เพราะฝีมือหนุ่มริวคงไม่ธรรมดา

...

"ตอนนั้นริวติดทีมเยาวชนทีมชาติ ถ้าตอนนั้นริวเล่นต่อ ก็อยากจะติดทีมชาติ อยากจะไปซีเกมส์ โอลิมปิก ก็ฝันไว้แบบนั้นเหมือนกัน

แต่ช่วงนั้นเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ก็เลยทำให้ตอนนี้ริวได้อยู่ในวงการบันเทิง แต่ปิงปองก็ยังไม่ทิ้งเพราะมันเป็นสิ่งที่ริวรัก ถ้ามีโอกาสก็จะกลับไปแข่ง แต่ตอนที่ตัดสินใจจะยุติบทบาทการเป็นนักกีฬาแล้วมาทำงานในวงการบันเทิง ทุกคนเข้าใจและพร้อมสนับสนุน 

ตอนนั้นริวตัดสินใจไม่ยากเลยเพราะอยากช่วยพ่อแม่หาเงิน พอได้เข้ามาก็มีโอกาสเรื่อยๆ มีผู้ใหญ่สนับสนุน ก็เลยทำให้ริวได้ต่อยอดขึ้นมาเรื่อยๆ ครับ

สมัยเป็นกีฬาปิงปอง ริวติด 1 ใน 3 ตั้งแต่อายุ 10 ปี และไม่เคยหลุดโผ 1-5 เลย ถ้าอันดับหนึ่งของประเทศตอนนั้นริวอายุ 12 ปี แต่ก่อนจะมาทำงานในวงการก็ติดทีมเยาวชนทีมชาติตอนอายุ 18 ปี ตอนนั้นเข้าโปรเจกต์ของนาดาวแล้ว ก็ยังขอพี่ๆ เขามาซ้อมอยู่เพราะเป็นปีสุดท้าย"

แล้วการเป็นนักกีฬากับนักแสดงอะไรเหนื่อยกว่ากัน งานนี้ ริว วชิรวิชญ์ ตอบแบบไม่ต้องคิดนานเลยว่า "ไม่มีอะไรไม่เหนื่อยนะ ทุกอาชีพเหนื่อยหมด ตอนเป็นนักกีฬาปิงปองเหนื่อยอีกแบบ มาทำงานในวงการก็เหนื่อยอีกแบบ"

ขออยู่กับปัจจุบัน 

เพราะการทำงานในวงการบันเทิง มีการแข่งขันสูง ได้มีโอกาสเข้ามาทำงานในวงการแล้ว ก็ต้องมีจังหวะที่ดี และดวงช่วยหนุนด้วย จะได้ดังเปรี้ยงมีงานต่อเนื่อง งานนี้เราเลยถามหนุ่มริวแบบตรงๆ ว่า ถ้าเกิดไม่ดังเปรี้ยงปร้าง งานไม่ค่อยมีจะทำอย่างไร งานนี้พระเอกหนุ่มตอบคำถามนี้ของเราว่า 

"ริวรู้ว่าการทำงานในวงการบันเทิงมันไม่ใช่เรื่องง่าย ริวเผื่อใจไว้บ้างแล้ว อะไรจะเกิดขึ้นได้หมด ริวไม่ได้หวังว่าพอได้มาทำงาน เป็นพระเอก ละครออนแอร์แล้วทุกอย่างจะต้องเปรี้ยง ต้องกระแสตอบรับดี

ริวรู้แค่ว่านี่คือจุดเริ่มต้นของริวเท่านั้น ตั้งใจทำงานเพราะอยากให้คนรักในตัวละครตั้ม แต่อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด อะไรที่เป็นจุดบกพร่องของริวก็ต้องแก้ไข เพราะริวต้องพัฒนาไปเรื่อยๆ อยู่ ริวอยู่กับปัจจุบัน ถ้าดีก็คือกำไรชีวิตถ้าอันไหนไม่ดีก็ต้องแก้ไขปรับปรุง ทำตัวให้เป็นน้ำไม่เต็มแก้ว"

ใช้เงินซื้อประสบการณ์

จากนั้น ริว วชิรวิชญ์ ก็ได้เล่าให้เราฟังต่อว่า ชีวิตของเขาก็เหมือนเด็กทั่วๆ ไป ที่มีแอบเกเรออกนอกกรอบบ้าง แต่ก็มีครอบครัวคอยดึงให้กลับเข้ามาอยู่ในกรอบที่ถูกต้อง 

"ตั้งแต่เป็นเด็ก มันก็มีที่ระหว่างทางของชีวิตมันจะมีตอนที่ริวแอบออกนอกเส้นทางบ้าง แต่โชคดีที่ครอบครัวจะคอยดึงริวให้กลับเข้ามาในเส้นทางที่ปกติตลอด

ส่วนตอนที่ทำงานในวงการก็โชคดีที่ครอบครัวคอยซัพพอร์ต และริวรู้ว่าการแสดงมันคืองานมันคือหน้าที่ที่ริวจะต้องรับผิดชอบ ถ้าทำเหลวไหลไม่สนใจ ไม่ตั้งใจในทำการทำงาน เราจะรู้อยู่แล้วว่าผลของการทำงานออกมาจะเป็นอย่างไร พอได้หน้าที่นั้นมาแล้วจะต้องทำให้มันดี โชคดีที่ริวไม่ได้ออกนอกลู่นอกทาง

มีช่วงหนึ่งริวหาเงินได้เยอะ เดี๋ยวก็ได้งานก็ เดี๋ยวเงินก็เข้า ก็จะใช้เงินเต็มที่ ซื้อของที่อยากได้ กินเต็มที่ แต่พอผ่านช่วงที่ได้นั่งคิด ก็เลยทำให้ได้รู้ว่าการจัดระเบียบชีวิตการวางแผนมันสำคัญมาก

ช่วงนั้นถือว่าเป็นเงินที่เอามาซื้อประสบการณ์ มันต้องมีครั้งหนึ่งในชีวิตของคนเราที่จะต้องเคยเป็นแบบนี้เพื่อให้ได้คิดและเปลี่ยนตัวเอง

เคยพูดกับพ่อว่าตอนนั้นไม่น่าใช้เงินเยอะเลย ซึ่งพ่อบอกว่าไม่เป็นไร มันเป็นการซื้อประสบการณ์ (ยิ้ม) ตอนนี้มีภูมิ รู้สึกดีใจที่ได้เจอก่อน ไม่อย่างนั้นนะ ริวคงจะแย่ (หัวเราะ)"

สเปกสาวมัดใจริว

ถ้าไม่ถามถึงเรื่องของหัวใจ ก็คงจะไม่ถูกใจใครหลายๆ คน เราจึงอัปเดตสถานะว่าตอนนี้โสดหรือไม่โสด ซึ่ง ริว วชิรวิชญ์ ก็ตอบกับเราว่า 

"คนเราทุกคนต้องมีคนคุยบ้าง ซึ่งริวก็มี เป็นกำลังใจและคอยซัพพอร์ตกัน ส่วนเรื่องสเปกริวไม่มีสเปกตายตัว ถ้าจะชอบก็จะชอบเองไม่ต้องมาปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงอะไร อายุเท่าไรก็ได้ รูปลักษณ์ยังไงได้หมด และที่สำคัญผู้หญิงคนนั้นต้องรักครอบครัว"

เมื่อถูกถามเรื่องความรัก หล่อๆ แบบนี้ เคยอกหักรึเปล่า งานนี้พระเอกน้องใหม่เล่าเรื่องราวความรักที่อกหักในสมัยวัยเด็กอนุบาลให้เราฟังว่า

"ริวเคยอกหัก ตอนนั้นยังเด็กแล้วขโมยเงินแม่ 100 เพื่อไปซื้อกล่องดินสอให้เพื่อนตอนอนุบาล 2 แล้วเพื่อนรับกล่องดินสอนั้นแต่เขาไม่ได้ชอบริว ตอนนั้นก็คิดว่าไม่น่าขโมยเงิน 100 บาทของแม่มาซื้อของให้เขาเลย แต่มันก็คือความสุขที่ริวได้ให้เขานะ"

ผลงานพระเอกละครเรื่องแรก

อย่างที่บอก ตอนนี้ ริว วชิรวิชญ์ กำลังมีผลงานละครเรื่องแรกออนแอร์อยู่คือเรื่อง พฤษภา-ธันวา รักแท้แค่เกิดก่อน งานนี้เราเลยถามความรู้สึกและความยากง่ายของการเล่นละครในบทพระเอก ซึ่งหนุ่มริวเล่าไปยิ้มไปให้เราฟังว่า 

"เรื่องนี้เป็นละครเรื่องแรกของริว พี่โดนัท มนัสนันท์ ก็จะส่งนักแสดงทุกคนไปเวิร์กช็อปก่อนที่จะเปิดกล้อง เราก็จะมานั่งดูว่าคาแรกเตอร์ตั้มจะเป็นประมาณไหน บางทีถ้ามันหลุดคาแรกเตอร์ระหว่างถ่ายทำก็ต้องมานั่งคุยกันเพื่อตบให้กลับเข้าไปอยู่ในคาแรกเตอร์เดิม

พี่โดเนี้ยบสมคำเล่าลือ เขาละเอียดกับงานมากๆ ทั่วไปจะใจดี แต่ถ้าทำงานปุ๊บเขาจะจริงจัง ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ ผมเข้าใจเพราะเขาอยากให้งานออกมาดี

ก็ต้องขอบคุณมากๆ ที่ผมได้เล่นละครที่พี่โดเป็นผู้จัดในเรื่องแรกเพราะว่าทำให้ริวเข้าใจในเรื่องของการแสดง เข้าใจหลายๆ อย่างมากขึ้น

ส่วนการร่วมงานกับพี่ชาคริต ต้องบอกก่อนว่าริวเป็นแฟนคลับพี่เขาตั้งแต่ซิตคอมเป็นต่อ ตอนที่รู้ว่าจะได้ร่วมงานกับพี่คริต ริวตื่นเต้นมาก เจอพี่คริตก็บอกริวติดตามพี่ตั้งแต่เป็นต่อแล้ว และพี่คริตน่ารัก คอยสอน ให้คำแนะนำเรื่องแอ็กติ้งด้วย"

เพราะละครเรื่องนี้เป็นละครรักต่างวัยของนางเอกกับพระเอก หลายคนจะมองว่าจะเหมือนแม่กับลูกมั้ย งานนี้พระเอกหนุ่มน้องใหม่อธิบายให้ฟังว่า 

"ในมุมมองของริวไม่ว่าจะอายุเท่าไร ถ้าเรื่องความรักแล้วคนสองคนเข้ากันได้ ความรักมันไม่จำกัดเรื่องอายุ และที่สำคัญไม่ว่าจะเด็กหรือโตทุกคนมีความอ่อนแออยู่แล้ว แต่ถ้ามีคนที่เข้าใจและพร้อมซัพพอร์ตในเรื่องของจิตใจแค่นี้ก็เพียงพอ

ส่วนตอนที่ถ่ายฉากกุ๊กกิ๊ก ริวเขินนะ มันจะมีซีนหนึ่งที่ต้องจูบพี่แยม ริวเขินและตื่นเต้น ข้างในสั่นไปหมด แต่พอแอ็กชั่นก็เริ่มเล่นตามบท เล่นตามอารมณ์ของตัวละครและจำบทให้ได้ไป (ยิ้ม) ริวจะต้องค่อยๆ พัฒนาฝีมือของตัวเองไป

และก่อนจะจบการสัมภาษณ์ในวันนี้ ริว วชิรวิชญ์ ก็ไม่พลาดที่จะอ้อนแฟนละครพร้อมกับบอกเหตุว่าทำไมทุกคนต้องดูละครเรื่องนี้ว่า

"พฤษภา-ธันวา รักแท้แค่เกิดก่อน เป็นละครแนวโรแมนติกคอเมดี้ที่ทุกคู่จะมีความรักที่ต่างวัยกัน เรื่องนี้นอกจากจะได้รับความสนุกแล้วยังได้มุมมองเกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยเล่าในพาร์ทของโรงพยาบาลเยอะ คนดู ดูแล้วน่าจะเข้าใจมากขึ้น และมีกำลังใจหลังจากที่ดูละครเรื่องนี้

ริวไม่ได้มีผลงานออกมา 2-3 ปีแล้ว มาวันนี้เรื่องรักแท้แค่เกิดก่อนจะเป็นผลงานเรื่องแรก ก็ฝากติดตามด้วยครับ อยากทำให้ทุกคนได้เห็นจริงๆ ฝากผลงานริวกับทุกคนด้วย ริวทำเต็มที่และตั้งใจมากครับ"

ผู้เขียน : จันทร์เจ้าขา

กราฟิก : Varanya Phae-araya