เป็นอีกหนึ่งคู่รักที่แฟนๆ ลุ้นให้ลงเอยกันซะที สำหรับนักแสดงสาว ปราง กัญญ์ณรัณ วงศ์ขจรไกล และแร็ปเปอร์หนุ่ม โต้ง ทูพี 

แม้ก่อนหน้านี้ทั้งคู่จะเคยเลิกรากันไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่สุดท้ายก็กลับมารีเทิร์นกันอีกครั้ง แถมดีกรีความหวานก็พุ่งกระฉูดกว่าเดิมอีกซะด้วย

ล่าสุด ปราง กัญญ์ณรัณ มาเป็นแขกรับเชิญรายการทางยูทูบของนักแสดงสาว มารี เบรินเนอร์ ในรายการ มารีฝากไว้ให้คิด เจ้าตัวก็ได้เล่าย้อนถึงเรื่องราวความรักกับนักร้องหนุ่ม โต้ง ทูพี ให้ได้ฟังว่ากว่าจะมาถึงวันนี้ผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะ โดยเฉพาะด่านครอบครัวที่ฝ่ายชายต้องฝ่ากฎเหล็กคุณแม่

ซึ่งสาวปรางเล่าให้ฟังว่า ในชีวิตโต้งเป็นแฟนคนแรกและคนเดียว (ยิ้ม) ถามว่ามีคนอื่นเข้ามาจีบมั้ย ก็มีมาเรื่อยๆ แต่แม่ปรางเป็นคนดุมาก ถ้าทำอะไรที่แม่ไม่สบายใจก็ไม่อยากมี ซึ่งตอนเป็นแฟนกับโต้งก็อายุประมาณ 20 ปี

จากนั้นนักแสดงสาวเล่าถึงสาเหตุที่ตัดสินใจมีแฟนคนแรกตอนอายุ 20 เพราะตั้งแต่เด็กเชื่อฟังแม่มาตลอด ก็แอบคิดว่าแม่น่าจะเชื่อใจเรา ก็เลยลองอยากจะมีความรักดู

...

แล้วมันก็เป็นจังหวะที่โต้งเข้ามาพอดี เขาไปเจอเราที่ไหนสักที่นึง แล้วบอกเพื่อนเขาว่าอยากจีบเรา เพื่อนเขายังบอกเลยว่า จีบไม่ติดหรอก แม่มารับมาส่งตลอด อย่าจีบเลย (หัวเราะ)

โต้งก็จีบมาเรื่อยๆ พยายามเข้าทางเพื่อน ขอ MSN (หัวเราะ) เราก็รู้สึกว่าเขาพยายามดีนะ แต่ตอนนั้นก็ยังไม่ได้ชอบ เหมือนคุยไปเรื่อยๆ

ตอนที่ตกลงเป็นแฟน ก็คือเราคุยกันมาสักพักแล้ว เขาโทรมาตอนดึก และถามว่าคุยกันมาขนาดนี้ เราเป็นแฟนกันได้หรือยัง เราก็ตอบไปว่า อืม (หัวเราะ)

เราก็คบกันมา 4 ปี ก่อนที่จะเบรก ซึ่งในช่วง 4 ปีนั้น โต้งมีโอกาสเจอคุณแม่ เพราะเวลาจะไปเดตกันคุณแม่ก็จะไปส่ง แต่ไม่ได้มารับกลับนะ แต่แม่มีเคอร์ฟิวว่าต้อง 4 ทุ่มนะ เราก็แฮปปี้นะ ไม่ได้รู้สึกแย่อะไร

แต่พอเริ่มมีแฟน แม่จะมีกฎว่า ห้ามพามาที่บ้าน ถ้าไม่มั่นใจ ไม่ใช่คนที่จะแต่งงานด้วยไม่ให้พามา ระหว่าง 4 ปี ที่คบกับโต้งแม่ไม่เคยไปกินข้าวด้วยเลย แต่สิ่งที่แม่กับโต้งได้เจอกันคือเวลาแม่มารับ

ซึ่งโต้งก็แปลกใจมาก จนมาพูดกับเราว่าปกติเขาเป็นคนเข้ากับผู้ใหญ่ได้ดีนะ แต่กับแม่เราเขาไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ แต่เราก็เข้าใจ แม่เรามีกฎระเบียบเยอะ พร้อมจริงๆ ค่อยพาไปเจอดีกว่า 4 ปีนั้นโต้งก็ไม่ได้เข้าบ้านเลย (หัวเราะ)

จากนั้น ปราง กัญญ์ณรัณ ได้เปิดใจถึงสาเหตุที่ตัดสินใจเบรกความสัมพันธ์กับนักร้องหนุ่ม หลังคบได้ 4 ปี ซึ่งปรางยอมรับว่าทั้งสองคนไลฟ์สไตล์ต่างกันมาก

เรามีวงกลมคนละวงแต่ก็มีจุดมาคอลแล็บกันได้ เราไปเจอโลกอีกใบก็เอ็นจอยที่จะเรียนรู้ เขามาเจอเราก็งงๆ แปลกๆ เขาก็เอ็นจอย แต่ก็มีส่วนที่ไม่สามารถคอลแล็บกันได้ สิ่งที่ต่างกันสุดโต่งเลย เรื่องของเวลา

เขาเป็นคนใช้ชีวิตเวลากลางคืน 4 ทุ่มเพิ่งออกจากบ้าน ไปทำเพลง ไปทำงาน แต่ 4 ทุ่มเราต้องกลับแล้ว 8 โมงเช้าตื่นไปทำงาน แต่เขาตื่นประมาณ 3 – 4 โมง แล้วเราก็อยากจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันให้มากที่สุด แต่มันก็ลำบาก

แค่หาเวลามาเจอกันก็ยากแล้ว มันเป็นความเหนื่อยที่เข้ามาเองว่าทำไมต้องพยายามขนาดนี้ เมื่อไหร่ที่ต้องใช้ความพยายามมากเกินไปจะรู้สึกท้อ ต่อให้มีความรักมากแค่ไหนก็ตาม ตอนนั้นเป็นช่วงที่เราเองก็รู้สึกไม่ไหว เพราะทำงานเยอะ มีหลายอย่างให้โฟกัส

จริงๆ ปรางเป็นคนมีความฝันเยอะเกี่ยวกับครอบครัว อยากซื้อบ้าน อยากพาครอบครัวไปเที่ยวเมืองนอก ตอนนั้นยังทำอะไรไม่ได้สักอย่าง เลยรู้สึกว่าถ้ายังต้องแบ่งเวลามาดูแลแฟนด้วย ต้องมานั่งปรับตัวกันอีก เลยรู้สึกว่าเบรกดีกว่า ปรางว่าเรื่องของความสัมพันธ์มันเป็นเรื่องละเอียด

วันที่เลิกกัน เราโทรคุยกัน ก็เริ่มอธิบายความรู้สึก เขาก็ตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น ก็รู้สึกผิดเหมือนกัน นี่อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ 2 ปีที่เลิกกันไป ไม่ได้เป็นเพื่อนกัน คือหายไปเลย

แต่ก็มีเจอกันผ่านๆ มีครั้งนึงที่เรารู้สึกผิดมาก และน่าจะเป็นครั้งที่ทำให้รู้สึกว่าเรากลับมาเป็นเพื่อนกันได้แล้ว คือเรากำลังจะข้ามถนน เดินเล่นมือถือ พอเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นผู้ชายคนนึงเดินออกมาจากร้าน เราก็ตกใจ แต่เขาไม่เห็นเรา เราก็รีบหลบข้างพุ่มไม้

...

แต่พอหันมา โต้งยืนมองอยู่ (หัวเราะ) ก็คิดว่าถ้าเป็นเราโดนทำแบบนั้นใส่คงรู้สึกแย่ เลยส่งข้อความไปขอโทษเขา เลยทำให้เริ่มคิดได้ว่าคนที่เลิกกันก็กลับมาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ ก็เลยเริ่มคุยกัน แรกๆ ก็ยังมีระยะห่าง

แต่ก็ได้มาเคลียร์ใจกันประมาณ 5–6 ชั่วโมง ก็คุยเป็นเพื่อนกันมาเป็นปีกว่าจะกลับมาคบเป็นแฟนอีกครั้ง ถามว่ากลับมาแล้วกลัวมั้ย คือเราก็กลัวจะซ้ำรอยเดิม ทำให้อะไรนิดๆ หน่อยๆ ก็จะคิดเยอะ

ก็ต้องขอบคุณเขาด้วยที่เขาช่วยเรา พอเราเริ่มรู้สึก เขาก็พยายามพูดอธิบายให้เรามั่นใจ อะไรที่เปลี่ยนไม่ได้ก็ไม่ได้เปลี่ยน ทุกวันนี้ปรางก็ยังเป็นคนตื่นเช้า เขาก็ทำงานเหมือนเดิม ตื่นสาย ก็เลยต้องใช้วิธีที่ว่า

ถ้าวันไหนจะไปกินข้าวด้วยกัน แล้วเราต้องตื่นมาทำงานตอนเช้า ก็จะกินกาแฟตอน 6 โมงเย็น เราปรับตัวเข้าหาเขา ก็ดีขึ้น

การที่เราสองคนกลับมาคุยกัน สัมผัสได้ว่าแม่เป็นห่วงมาก ถ้าเรากลับไปคบกับคนเดิม ก็บอกท่านไปว่าขอลองดูแล้วกัน ถ้าจะเสียใจก็เดี๋ยวเป็นเราเองที่จะรับผิดชอบความรู้สึก โชคดีที่แม่เข้าใจ

แต่ 1 ปีที่กลับมาคุยกับโต้ง ไม่ได้บอกใครเลย ไปไหนก็จะแอบๆ แต่ทริปที่ไปเที่ยวทะเล เหมือนมีคนจำได้ว่าหมวกที่เราใส่เป็นหมวกของโต้ง เราก็โอเค งั้นเปิดก็ได้ (หัวเราะ)

แต่ที่บ้านรู้แล้วนะ แต่ยังไม่ได้บอกคนอื่น ซึ่ง 2 ปีที่โสดก็ไม่เคยคิดว่าจะได้กลับมาคบกับโต้ง ก็ปล่อยตามธรรมชาติเลย

ตอนนี้ครอบครัวก็โอเคมากๆ เจอโต้งก็คุยปกติ มีไปทานข้าวด้วยกันบ้างแล้ว มีไปที่บ้านบ้าง แต่ก็ไปแบบเรียบร้อยๆ

ยอมรับนะว่าเราก็บอกตลอดแหละ แต่งกับคนนี้แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ เรายังปล่อยวางเรื่องที่บ้านไม่ได้ ยังอยากดูแลอยู่ อีก 2 ปีแล้วกัน (ยิ้ม)”

...