เป็นหนึ่งข่าวช็อกวงการบันเทิงที่ทำให้แฟนๆ ใจหาย สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างคู่รักดัง เต้ย ธโนทัย เอื้ออมรรัตน์ และ ซาร่า นลิน โฮเลอร์ ที่ต้องจบลงหลังคบหาดูใจมายาวนานกว่า 14 ปี จนเป็นประเด็นร้อนมาพักใหญ่ ล่าสุด เต้ย มาร่วมงานแถลงข่าวการประกวด “To Be Number One Idol รุ่นที่ 11 ประจำปี 2564” ณ MCC Hall ชั้น 4 เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ งามวงศ์วาน จึงได้เปิดใจถึงเรื่องดังกล่าวกับสื่อมวลชนเป็นครั้งแรก

เต้ย ธโนทัย ขอบคุณภาพจากไอจี @toeytano
เต้ย ธโนทัย ขอบคุณภาพจากไอจี @toeytano

สภาพจิตใจตอนนี้ดีขึ้นหรือยัง?
“นี่เรากดดันมากเลยนะ (ยิ้ม) มันก็คงโหวงๆ อ่ะครับ ทุกคนถ้าใครมีแฟนมานานๆ เป็นสิบปี พอเราไม่ได้อยู่ด้วยกัน มันก็ต้องเป็นธรรมดาที่ต้องมีรู้สึกใจหายบ้าง ผมว่าหลายคนต้องเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว”

อันนี้ถือเป็นครั้งแรกเลยไหมที่ได้พูดต่อหน้าหลายๆ คน?
“ก่อนอื่นเลยผมต้องขออภัยพี่ๆ สื่อทุกคนก่อนหน้านี้ หลายคนโทรมาหาผมเยอะมากๆ ผมไม่รู้จะขอโทษรายบุคคลยังไงจริงๆ เพราะตอนนั้นผมอยู่ในสภาพจิตใจที่ผมไม่พร้อมเลย ไม่รู้ว่าสำหรับบางคนเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ แต่สำหรับผมนี่คือเรื่องระดับชาติเลยครับ แล้วตอนนั้นก็ขออนุญาตหายตัวไปเลย

...

จนเมื่ออาทิตย์ที่แล้วผมเห็นน้องเขาได้ออกมาพูดแล้ว พอดีว่าผมเองเคยทำงานให้กับทางอมรินทร์มาก่อนก็เลยให้สัมภาษณ์ไป เลยคิดว่ามันน่าจะจบไปแล้วตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว แต่วันนี้พอดีมาให้กำลังใจน้องๆ แล้วบังเอิญมาเจอทุกคนที่อยู่ตรงนี้กัน ถือว่าเราก็ได้มาคุยกันเลยก็ได้”

ที่ผ่านมาได้คุยกับซาร่าบ้างไหม?
“ไม่ได้คุยครับ เป็นส่งแมสเสจมากกว่า จะคอยเช็กเขาว่าอย่าลืมปิดร้าน อย่าลืมอย่างโน้นอย่างนี้นะ รถพังอย่าลืมเอาไปซ่อมนะ จะยืมรถใช้ก่อนมั้ย แต่ว่าเป็นส่งแมสเสจ เพราะตอนนี้จะให้สนทนาพูดคุยกันผมก็ไม่พร้อมจริงๆ”

ทางซาร่ามีตอบกลับมาบ้างไหม?
“จริงๆ คือตัวซาร่าตอนนี้เขาไม่ค่อยได้คุยอะไร ส่วนใหญ่ก็จะเป็นผมที่ส่งแมสเสจไปทิ้งไว้มากกว่า แต่มันก็ขึ้นว่ามีคนกดอ่านอยู่”

แสดงว่าตัวเรายังเป็นห่วงทุกอย่างในตัวซาร่าอยู่?
“ทุกอย่างที่มันเป็นเรื่องของน้องเขา ผมคิดว่าถ้ามันเป็นเรื่องดีต่อตัวเขาและเป็นเรื่องที่เขามีความสุข ผมก็พร้อมจะส่งเสริมให้มันเป็นเรื่องแบบนั้นไป”

เรียกว่ายังเดินหน้าง้ออยู่ไหม?
“ถ้าเรื่องง้อผมว่าเป็นเรื่องของอนาคต แต่ว่าตอนนี้ก็ขอทำในสิ่งที่อยากทำก่อนจริงๆ แล้วกันครับ เพราะว่ามันมีทั้งงานโรงงาน งานส่วนตัว เอาจริงๆ เราก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ เราก็ขอแค่แบบทำทุกอย่างให้มันดีที่สุดไปก่อน”

กลัวไหมว่าถ้าทิ้งเวลายืดยาวไปกว่านี้มันจะยิ่งสานต่อได้ยาก?
“ผมว่าเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องของอนาคต ถ้ามันต่อไม่ติดมันก็ต่อไม่ติด แต่ถ้าเกิดเรามันเป็นคู่ที่ใช่กัน เราก็คงโคจรกลับมาเจอกัน”

เริ่มทำใจได้แล้วใช่ไหม?
“จริงๆ มันเหมือนมีสายฝนตกลงมาเรื่อยๆ ทุกครั้งที่เวลามาเจอตรงนี้หรือเวลาเจอทีมงาน คือทุกคนดีกับผมมากเลย ทุกคนให้กำลังใจ แต่ว่าข้างในใจเราตอนนี้คือมันไม่มีใครรู้จริงๆ แล้วผมจะเดินด้วยความรู้สึกบึ้งตึงก็ไม่ได้ ตอนนี้มันเลยเหมือนไบโพลาร์ คือยิ้มสู้ไว้ก่อน แต่ถ้าเศร้าผมขอไปเศร้าข้างนอกแล้วกัน”

มีวี่แววซาร่าจะใจอ่อนบ้างไหม?
“เอาจริงๆ ปกติก็ไม่ค่อยได้คุยอยู่แล้ว เพราะว่าซาร่ามีงานเยอะมาก แล้วด้วยจังหวะเวลาของเขา และเวลาของผมอาจจะไม่ค่อยได้โคจรมาเจอกัน เวลาเจอก็อยู่กับเพื่อนบ้าง หรือว่าเวลาเขามาหาผมก็ต้องทำงานที่โรงงานบ้าง เลยอาจจะไม่ค่อยได้คุยกันไม่ค่อยได้ปรึกษากันเท่าไหร่”

ถามถึงที่เคยพูดว่าเป็นคนที่อาจจะไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ อาจจะดูแลซาร่าไม่ค่อยดี คิดอยากปรับปรุงตัวให้เป็นคนที่ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนไหม?
“ผมคิดว่ามันเป็นพอยต์ปลายทางของทุกคนที่ว่าพวกเราไม่มีใครเพอร์เฟ็กต์ ไม่มีใครดีที่สุด แต่ว่าพวกเราสามารถเป็นคนที่ดีกว่าวันนี้ได้ ถ้าอะไรที่มันทำให้ตัวเราดีขึ้นเราก็พร้อมทำอยู่แล้ว”

สาเหตุการยุติความสัมพันธ์จริงๆ แล้วมันเกิดจากตัวเราเองจริงๆ ใช่ไหม?
“พวกเราได้ตกลงและคุยกันแล้วครับ ว่าพวกเราขอหยุดความสัมพันธ์ไว้ก่อน ตอนนี้เราเป็นเพื่อนกันก่อนก็ได้นะ อย่างน้อยมันก็ไม่ได้ดีแค่ตัวเขา มันก็ดีทั้งตัวเราด้วย ดีทั้งต่อคนรอบข้างทุกคนที่อยู่รอบตัวพวกเรา”

...

คุยเรื่องนี้กันมานานแค่ไหนแล้ว?
“เมื่ออาทิตย์ที่แล้วได้จับเข่าคุยกับเขา คือได้คุยเรื่องนี้แหละครับ ผมมันเด็กด้วยแหละตอนนั้น ตอนนี้ก็ยังเด็กอยู่ (หัวเราะ) ที่จริงตอนนั้นมันเรื่องส่วนตัวก็ไม่ควรโพสต์อะไรลงไป แต่ตอนนั้นมันทำใจไม่ได้ มันเลยมีแลบออกไปบ้างครับ”

หลังจากที่โพสต์ไปเพิ่งมีโอกาสได้คุยกัน?
“ใช่ ก็เลยมีโอกาสได้คุยกัน แต่อันนี้มานั่งจับเข่าคุยกัน เรื่องความสัมพันธ์อย่าคุยกันผ่านแมสเสจนะครับ ทะเลาะกันทุกคนนะครับ (หัวเราะ) เรื่องแบบนี้ผมขออนุญาตคุยต่อหน้าเลยดีกว่า และลากยาวมาจนถึงอาทิตย์นี้แหละครับ ผมไม่แน่ใจว่าทางซาร่าเขาน่าจะมีสัมภาษณ์ใหญ่ไปแล้ว ผมกับเขาก็ได้คุยกันแล้วว่าเอาจริงๆ มันก็คงต้องจบแล้ว”

วันนี้เลิกกันหรือแค่ถอยคนละก้าว เพราะตอนนั้นเราบอกแค่ลด แต่ซาร่าขอแค่เป็นเพื่อน?
“เอาตามที่เขาว่าแล้วกัน ผมว่านะ ตอนนี้ผมก็รู้สึกว่าผมเป็นเพื่อนเขาแล้วเหมือนกันครับ เอาจริงๆ มันก็ลดความสัมพันธ์ลงมาครับ”

14 ปีที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง?
“มันก็สวยงามครับพี่ ความรักสวยงามมากเลย ต่างคนต่างดูแลกันดีครับ และมันก็มีอะไรหลายอย่างเกิดขึ้นเยอะแยะมากมายเลย ของขวัญแฮนด์เมดที่ทำด้วยมือ ข้อความแมสเสจที่จดไว้มันเยอะมากเลยครับ แต่แค่อาจจะต้องปิดหนังสือเล่มนี้ เพื่อเขียนหนังสือเล่มอื่นต่อหรือเปล่า”

...

ปิดเลยเหรอ?
“มันก็ไม่ใช่ถึงขั้นจะเขียนต่อ ผมเชื่อว่ามันก็น่าจะดีกว่ากับพวกเราทั้งสองฝ่ายครับ เขาก็ได้มีเวลาเยอะขึ้นด้วย จะได้ไม่ต้องมานั่งจ้ำจี้จ้ำไชอะไรครับ”

แต่อีกนิดเดียวก็จะไปถึงตอนจบแล้ว?
“ใช่มั้ย ผมรู้สึกเหมือนคุณเลย”

ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น มีสัณญาณเตือนบอกอะไรก่อนไหม?
“ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก แล้วมีหลายรายละเอียด มันเป็นเรื่องส่วนตัวที่ผมขออนุญาตไม่พูดถึงจริงๆ ละกัน แต่ว่าเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเรามันก็มีช่วงปีสองปีหลังเนี่ยแหละครับ ที่มันอาจจะเป็นที่ตัวผมด้วยแหละ เติมความหวานน้อยเกินไป อาจจะรดน้ำต้นไม้ได้ไม่ดี มันก็ต้องเป็นที่ตัวเราแล้วแหละ”

เรายอมรับผิด?
“ก็ให้เป็นตัวเราดีกว่าครับ”

ตอนนี้หวังอยากจะกลับไปเป็นสถานะแฟนเหมือนเดิมไหม?
“ถ้าเอาตอนนี้ จริงๆ นะ ผมรู้สึกว่าตอนนี้ดีกับทั้งสองฝ่ายมาก ถ้าเกิดอนาคตผมคือของเขา และเขาคือของผมจริงๆ ผมก็พร้อมที่จะทุ่มทุกอย่างเพื่อไปหาเขา ถ้าพวกเรามันคลิกกันจริงๆ นะครับ แต่ ณ ตอนนี้อย่างที่บอก วินาทีนี้ ถ้าตัวผมวิ่งเข้าหาเขา มันจะไม่มีอะไรดีขึ้นเลยครับ เขาก็ยังทำใจไม่ได้ มันก็เหมือนยิ่งเร่งยิ่งรัดครับ เพราะฉะนั้นตอนนี้เวลามันน่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดของเรา”

ถ้าเขาให้โอกาสเราก็พร้อมจะเปลี่ยนตัวเอง?
“ถ้าเขาให้โอกาส (หัวเราะ)”

...

ตอนนี้รอเขาให้โอกาสอยู่?
“ผมว่าตอนนี้เอาเป็นว่าก็คงรอให้เขาทำงานไปก่อน เรื่องโอกาสมันเป็นเรื่องของอนาคตอยู่แล้วครับ เขาต้องรับผิดชอบเยอะครับ เขาเป็นหัวหน้าครอบครัว เป็นลูกสาวคนเดียวในบ้าน เพราะฉะนั้นเขายังมีอะไรที่เขายังต้องทุ่มเทให้อีกเยอะมาก ถ้ามีตัวเราเข้าไปทำให้เขาเสียจิตเสียใจมันก็คงไม่ดีครับ”

มีหลายอย่างไหมที่เราไม่มีโอกาสที่จะได้ทำก่อนที่จะเกิดขึ้น?
“เอาจริงๆ ผมไม่เสียดายนะ ถ้าถามมาแบบนี้ หมายความว่า ไม่เสียดายที่ไม่ได้ทำอะไรไป เพราะผมเชื่อว่าเราทำครบทุกอย่างแล้ว เอาจริงๆ ผมก็มายืนจุดนี้ไม่ได้เหมือนกัน ถ้าผมไม่มีเขานะ มันมีคำแนะนำหลายอย่างที่มาจนถึงทุกวันนี้ได้ เขาสอนเรามาเยอะมาก มันก็เหมือนแลกเปลี่ยนกัน”

วันนี้มีอะไรอยากจะบอกเขาไหม?
“ตอนนี้ยังอาบน้ำให้แมวอยู่นะ (หัวเราะ) ยังดูแลแมวของเธออย่างดี แล้วก็ดูแลสุขภาพด้วยแล้วกัน ทำงานหนัก เป็นห่วง สนุกกับเพื่อนได้เต็มที่ และหาความสุขให้ตัวเองเยอะๆ แล้วกัน”

ยังคิดถึงซาร่าไหม?
“ทำใจไม่ได้จริงๆ มีหลายคนบอกว่าไม่ต้องคิดมาก เพื่อนผู้ชายหลายคนทักมาเยอะมากเลย แต่ผมไม่ใช่สายนั้นจริงๆ เราเคลียร์งานเสร็จก็ไปหากิจกรรมอะไรก็ว่าไป เต้นออกกำลังกาย เล่นกีฬา มันเลยต้องหาอะไรพวกนี้ทำทดแทนมากกว่า ตอนนี้ถ้าให้ผมอยู่เฉยๆ ผมกลายเป็นคนแบบ…มันเคว้ง มันซ้าย ขวา จริงๆ แค่ทำงานแล้วไปออกกำลังกายเลยดีกว่า”

ด้วยความที่มีแพลนงานแต่งด้วย ที่บ้านเราว่ายังไง?
“เรื่องนี้ น่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวของบ้านเขา ส่วนบ้านผมก็ถามมาเยอะมาก ผมทะเลาะกับพี่สาว กลายเป็นเรื่องใหญ่มาก แต่เขาก็ให้เกียรติพื้นที่เรา”

เรือนหอที่สร้างไว้ล่ะ?
“คงดำเนินต่อไป เพราะยังไงอนาคตทุกคนก็ต้องมีบ้านเป็นของตัวเอง ทุกวันนี้เราอยู่คอนโด ทุกคนโตไปต้องมีครอบครัว จะมีคู่หรือไม่มีคู่ ผมว่าการโตไปภายในบ้าน สภาพแวดล้อมที่ดี ผมว่าเป็นเรื่องที่ดี”

มุมมองความรักเปลี่ยนไปไหม?
“ผมยังศรัทธานะ แต่ตอนนี้ต้องกลับมารักตัวเองก่อน เรารู้อยู่แล้วว่า เราเคยดูคนสักคนนึง เราเคยอยู่ด้วยกันกับคนๆ หนึ่งมานาน แต่พอระดับความสัมพันธ์มันลดลงไป เอาจริงๆ ผมก็ทำตัวไม่ถูก เป็นผู้ชายก็ต้องง้อเนอะ แต่ตอนนี้มันมีหลายเรื่อง ผมเลยยังไม่พร้อมมากๆ เลยที่ต้องเริ่มต้นความรักครั้งใหม่ ไม่พร้อมเริ่มต้นกับใคร”

เราก็เฮิร์ตหนัก?
“ความถี่ 9 ริกเตอร์ ตอนนี้มูฟออนไม่ได้ ขอมูฟเป็นเต้นไปก่อนแล้วกัน”

จากที่มีคนขุดคลิปในรายการเก่าๆ ออกมา เรารู้สึกยังไง?
“มันเป็นเรื่องปกติ ถ้าเรื่องไหนไปสะดุดตาเขา มันสามารถไปถูกใจใครได้ทุกคน ที่นี้ถ้าให้พูดย้อนกลับไป ถ้าจะให้นั่งเถียงในรายการก็คงเป็นไปไม่ได้ เราเป็นผู้ชาย เราเป็นช้างเท้าหน้า ใครว่ามา เรายอมรับทุกอย่าง แต่อย่าไปว่าเขาเลย ผมเชื่อว่าคนรักน้องเขาก็เยอะ แต่ในรายการอาจจะมีอะไรที่วางไว้และเปลี่ยนชีวิตตัวเองมาก ทุกวันนี้ก็สตรองสู้ไป แต่เห็นแล้วล่ะ น่ากลัวดี ขอบคุณทุกคำติชม ผมจะเอาไปพัฒนาครับ”

หลายคนบอกที่เลิกกัน เพราะไม่ยอมเปลี่ยนศาสนา?
“เรื่องของคู่ผมไม่ได้มีมือที่สาม ไม่ได้มีศาสนา ไม่ได้มีเรื่องของพ่อแม่ ไม่ได้มีเรื่องอะไรเลยที่เข้ามาปะปนให้เรารู้สึกแย่ แต่ว่าผมเคารพการตัดสินใจของทั้งสองฝ่าย ถ้าตอนนี้เราอาจจะเป็นผู้ชายที่ยังเรียกว่าต้องพัฒนาตัวเองมากขึ้นกว่านี้ ผู้หญิงทุกคนมีคุณค่าครับ แล้วผมเชื่อว่าผู้ชายทุกคนควรจะต้องทำให้ตัวเองมีคุณค่าเพื่อที่จะได้ดูแลเขา ตอนนี้ผมอาจจะคุณค่ายังไม่พอ”

แสดงว่าเรื่องศาสนาไม่มีผลต่อความสัมพันธ์?
“ไม่มีๆ ไม่มีเลย สิ่งที่สวยงามที่สุดในกลุ่มพวกเรา คือผมกับซาร่าเคยเดินทางด้วยกันจนพวกเราเคยได้ไปทำงานก๊วนๆ กับกลุ่มมุสลิม กลุ่มศาสนาของทางญี่ปุ่น แต่ความสวยงามของพวกเราคือเราเป็นเอเชี่ยน เป็นอีสเทิร์น เวสเทิร์น รวมกัน 30-40 คน มันไม่มีทางเลยครับที่เรื่องศาสนาจะมาทำให้ความสัมพันธ์เรามีปัญหา”

มีข่าวออกมาด้วยว่าทางครอบครัวของซาร่าอยากให้เราเปลี่ยนศาสนา?
“(ยิ้ม) ไม่มีครับ แต่ถ้าเขาอยากให้ผมทำอะไรก็บอกได้แล้วกัน ถ้าตอนนั้นเรากลับมาคบกันนะ”

ย้อนถามกลับไปตอนที่ตกลงจะแต่งงาน ได้คุยเรื่องเปลี่ยนศาสนาบ้างไหม?
“ยังไม่มีครับ ไม่ใช่ประเด็นหลักเลยครับ ผมคิดว่าตอนนั้นประเด็นใหญ่ที่สำคัญสำหรับผมนะก็คืออนาคตของคู่เรา แต่สำหรับผู้หญิงคือความสัมพันธ์ปัจจุบัน ตอนนี้มันเหมือนเราโฟกัสกันคนละแบบ ผมอาจจะทำให้เขารู้สึกไม่ดีด้วยแหละ”

คนมองว่าตอนนี้เขาดังกว่า เลยทิ้งเรา?
“ไม่เลยครับ อย่ามองแบบนั้นเลย ซาร่าเขาเป็นคนดีมากเลยนะ กว่าเขาจะดูแลครอบครัวเขาได้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ อย่าไปมองเขาแบบนั้นเลย”

หน้าเราดูตอบลง?
“ไม่ถึงขั้นตรอมใจหรอก แต่ทุกวันนี้ตารางชีวิตเพี้ยนไปหมด และนอนได้ 3 ชม.ก็ตื่นแล้ว วันที่โพสต์ออกไปรู้สึกแย่มากกว่าจะได้นอนก็ 6 โมงเช้า วันถัดมาทำงานเสร็จง่วงนอนเที่ยงคืนหลับตาก็นอนไม่หลับ กว่าจะได้นอนก็ตีห้า มันเป็นอย่างนี้จริงๆ ครับ”.