กลายเป็นประเด็นที่ทำเอาหลายคนตกใจ จากกรณีที่นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง หญิงลี ศรีจุมพล ได้ออกมาโพสต์คลิปสั่งเสียผ่านเฟซบุ๊ก Yinglee Srijumpol ซึ่งเจ้าตัวได้พูดเกี่ยวกับเรื่องพินัยกรรมของตนเองว่าจะขอยกมรดกที่มีมูลค่ากว่า 50 ล้าน แบ่งให้กับพ่อแม่ และยกให้สาธารณกุศล หากเธอเสียชีวิตไป พร้อมกับระบุชื่อของพิธีกรดัง บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี ให้เป็นคนช่วยจัดการดูแลมูลนิธิดังกล่าวด้วย
ล่าสุด บุ๋ม ปนัดดา ได้เผยผ่านทางรายการ "ไนน์เอ็นเตอร์เทน" เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ตอนแรกก็ตกใจเหมือนกัน เพราะว่าจู่ๆ ก็มีโทรศัพท์และข้อความจากหลายๆ คนที่ถามว่าเราได้เห็นไลฟ์สดของหญิงลีหรือยัง ว่าหญิงลีสั่งเสียและก็พูดถึงเราด้วย เราก็เลยตกใจรีบเข้าไปดู ก็เห็นหน้าน้องดูเหมือนเครียดและก็ไม่สบายใจ เลยโทรศัพท์สายตรงเข้าไปหา ถามว่าเกิดอะไรขึ้น เครียดอะไรหรือเปล่า
...
น้องก็บอกว่าใช่ เครียดจากปัญหาส่วนตัว เรื่องในครอบครัวที่มันแก้ปัญหาไม่ได้ และมานั่งใช้ธรรมะปลงกับชีวิตตัวเองว่าวันหนึ่งคนเราก็ต้องตาย วิ่งงานทุกวัน ก็มานั่งคิดว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นแล้วทรัพย์สมบัติจะทำยังไงต่อ เพราะไม่มีทายาท ดังนั้นเขาเลยอยากจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยตามกฎหมายที่ถูกต้อง เลยทำตามคลิปดังกล่าว ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะเราก็ทำไว้แล้ว จัดการให้เรียบร้อยดีกว่าให้ญาติมาทะเลาะกันในตอนที่เราตาย ดังนั้นเราเลยทำพินัยกรรมสั่งเสียทุกอย่างให้เรียบร้อย
หญิงลีเขาก็รู้สึกว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เขาอยากจะใช้สิ่งที่ตัวเองสร้างมาเพื่อสาธารณกุศล โดยการยกตึกหญิงลั้นลาให้เป็นมูลนิธิเลี้ยงเด็กกำพร้า หรืออื่นๆ คิดว่าที่รีสอร์ตจะจัดการยังไง เงินที่จะแบ่งให้พ่อแม่ด้วย เขาก็พยายามจะจัดสรรตรงนั้น เราก็พยายามบอกว่าด้วยจิตอันเป็นกุศลของน้องที่คิดแบบนี้ จะทำให้น้องอยู่อีกนาน อย่าไปสนใจอะไร อย่าไปเครียด ปัญหาครอบครัวเราเชื่อว่าหลายๆ ครอบครัวต่อให้เป็นคนดังหรือไม่เป็นคนดังก็มี ญาติไม่เป็นดั่งใจ หรือญาติสร้างปัญหาให้กับเรา ยิ่งเป็นครอบครัวคนไทย ใครที่มีเงินเยอะก็จะเป็นที่พึ่งพาของคนอื่นๆ ในครอบครัวที่ทำงานบ้าง ไม่ทำงานบ้าง หรือว่าอาจจะเป็นพ่อแม่เอาเงินจากเราไปช่วยคนที่ไม่ทำอะไร โดยที่เราเองก็รู้สึกไม่สบายใจ มันก็เป็นไปได้ที่มันจะเกิดขึ้น
เราก็เลยแนะนำน้องว่าถ้าให้พ่อแม่ประมาณนี้ ถ้าเขาจะเอาไปให้ใคร เราก็ทำเป็นหลับหูหลับตาเอา แต่เราก็ให้เท่านี้ ไม่ให้มากกว่านี้ ส่วนตรงนี้สุดท้ายจะจัดการยังไงก็แล้วแต่ เราก็ค่อยๆ คุยไป เขาก็บอกขอบคุณเราที่เข้ามาคุยกับเขา แล้วก็ขอโทษที่ตอนไลฟ์สดพูดว่าจะให้เราเป็นคนจัดการตึกเกี่ยวกับมูลนิธิ เพราะพี่บุ๋มดูน่าเชื่อถือ ไว้ใจได้ โดยที่ไม่ได้โทรหาพี่บุ๋มมาก่อน เราก็บอกไปว่าจริงๆ เราไม่มีปัญหา เราเข้าใจ แต่เชื่อเถอะว่าจิตอันเป็นกุศลของน้อง ทำให้น้องได้อยู่อีกนาน
เขาก็บอกว่ากลัวดราม่าว่าถ้าจะทำมูลนิธิ กลัวคนว่าจะเรี่ยไรเงิน เดี๋ยวคนด่ารึเปล่า เราก็บอกอย่าไปคิดตรงนั้น เอาแค่เริ่มแรกก่อนในสิ่งที่เรามี และในการแบ่งปัน ถ้าเป็นเงินส่วนตัวเราจะให้ใครมันก็เป็นสิทธิ์ของเรา และคนจะยินดีด้วยซ้ำไปว่าเราใช้ชื่อเสียงและเงินทองที่เราพอจะแบ่งปันคนอื่นได้ไปช่วยเหลือคนอื่น ก็เดี๋ยวเราจะพาน้องไปทำบุญด้วยกัน ในการช่วยเหลือเด็กอ่อนที่พ่อแม่ติดคุก อาจจะให้น้องไปเริ่มต้นตรงนั้นก่อน ให้เห็นภาพความจริง แล้วด้วยประสบการณ์น้องจะสร้างมูลนิธิได้เอง เราจะช่วยด้วย
ถามว่างงมั้ยอยู่ดีๆ มีชื่อเราอยู่ในคลิป ก็งงอยู่ เพราะไม่ได้คุยกับน้องนานมากแล้ว แต่ด้วยงานต่างๆ ของเรา สิ่งที่เคยเจอกันมา เราเสมอต้นเสมอปลายกับทุกคน เขาคงเห็นว่าพี่บุ๋มน่าเชื่อถือ คงไม่เอาไปทำอะไรไม่ดีหรือร้ายกับเขา ถามว่ามันจะยุ่งมากกว่าเดิมไหม เพราะเราเป็นคนนอก ก็นั่นน่ะสิ เลยต้องโทรคุยกับเขาไง แต่เชื่อว่าอีกนานแหละ หญิงลีดูแข็งแรง ไม่ได้ป่วยเป็นอะไร แต่เป็นเจตจำนงของน้องเขาว่าจะเอาตึกไปทำอะไร ซึ่งทุกอย่างมันต้องมีระบบ ไม่ใช่อยู่ๆ จะทำเป็นมูลนิธิได้เลย เราก็จะให้น้องเริ่มต้นจากสิ่งอื่นๆ ไปก่อน
...
ส่วนเรื่องในอนาคตจะมีการเปลี่ยนแปลงไหม บุ๋มเชื่อว่าครอบครัวเขาคงเข้าใจ คงไม่อยากมานั่งทะเลาะกันตอนหลัง ทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามกฎหมาย เพราะนี่เป็นเจตจำนงของเจ้าตัวที่เขาระบุของเขาเอง บุ๋มมีหน้าที่ในการช่วยเหลือน้อง แต่ยืนยันว่าเราจะช่วยเหลือน้องตั้งแต่ตอนนี้ที่น้องมีลมหายใจ อาจจะดึงน้องมาทำงานด้วยกันก่อน อาจจะเป็นแผนกเด็กๆ ที่น้องเขาชอบ ในส่วนของเด็กกำพร้า น้องจะได้สบายใจมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาอยากจะทำ ตึกเขาใหญ่มาก อาจจะทำเป็นที่พักฉุกเฉินร่วมกับภาครัฐได้ ซึ่งตรงนี้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
สำหรับสภาพจิตใจของเขา มันเป็นปัญหาครอบครัวที่คนอื่นเข้าไปยุ่งไม่ได้ ได้แต่ให้กำลังใจและบอกว่าไม่ใช่ครอบครัวหญิงครอบครัวเดียวที่เจอภาวะแบบนี้ เราเชื่อว่าอีกหลายๆ คนที่ทำงานหนัก เราเหมือนต้นไม้ต้นใหญ่ที่มีทั้งกาฝาก มีทั้งนก หนอน สัตว์ต่างๆ เข้ามาพักพิงเรา ถ้าเราเข้มแข็งมากพอ เราก็จะเป็นต้นไม้ใหญ่ที่ให้ที่พักพิงคนอื่นได้ เราอาจจะเหนื่อยเมื่อเราเจอพายุ แต่บอกได้เลยว่าเราจะภูมิใจที่เราเก่ง เรามีความสามารถ เราหาเงินได้ เขาถึงต้องมาพึ่งพาเรา เพราะฉะนั้นขอส่งกำลังใจให้กับคนที่ต้องแบ่งเงินให้กับคนในครอบครัว ทั้งแบบเต็มใจและไม่เต็มใจ อะไรที่หนักเกินไปก็อาจจะต้องแบ่งเบาบ้าง.
...