ก่อนหน้านี้เป็นประเด็นร้อนมาแล้ว สำหรับกรณีที่นักแสดงหนุ่มเข้ม โอ อนุชิต สพันธุ์พงษ์ โพสต์ทวิตเตอร์แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับมาตรา 112 ว่า “ข้าพเจ้านายอนุชิต สพันธุ์พงษ์ ขอสนับสนุนให้ใช้ มาตรา 112 ต่อผู้กระทำผิดให้ถึงที่สุด ข้าพเจ้าไม่มีปัญหาอะไรกับมาตรานี้ครับ ปล. ขอให้ลงโทษผู้กระทำผิดแบบสุดๆๆๆ ไปเลยนะครับ”

โอ อนุชิต ขอบคุณภาพจากไอจี @anuchyd
โอ อนุชิต ขอบคุณภาพจากไอจี @anuchyd

...

ซึ่งหลังจากที่โอโพสต์ข้อความดังกล่าวและเกิดแฮชแท็ก #แบนโออนุชิต และ #saveโออนุชิต จนติดเทรนด์ทวิตเตอร์ ด้านเพื่อนรุ่นน้องอย่างนักร้องนักแสดงหนุ่ม ฟลุค พชร ธรรมมล หรือ ฟลุค เดอะสตาร์ ก็ได้ทวีตข้อความว่า “เหยด พี่ชายที่รักกูขึ้นเทรนไปแล้ว”

ฟลุค เดอะสตาร์ ขอบคุณภาพจากทวิตเตอร์ @fookkub
ฟลุค เดอะสตาร์ ขอบคุณภาพจากทวิตเตอร์ @fookkub

โดยมีชาวเน็ตหลายคนเข้ามาแสดงความคิดเห็น เพราะเดาว่าน่าจะหมายถึงโอ อนุชิต ซึ่งทั้งฟลุคและโอเคยร่วมงานละคร “พรุ่งนี้ก็รักเธอ” ทางช่อง 5 ในบทชายรักชาย โดยโอรับบทพีรวิชญ์ และฟลุครับบทเป็นก้องบดินทร์ จนกลายเป็นคู่จิ้นมาแล้ว อีกทั้งฟลุคยังทวีตภาพในละครกับโอและแท็กไปที่ทวิตเตอร์ของโอด้วย ทำเอาหลายคนเข้ามาแซวว่าปั่นเก่ง กอดปลอบหรือล็อกคอ ฯลฯ

แต่หลังจากนั้นฟลุค พชร ก็ได้ทวีตข้อความชี้แจงถึงความสัมพันธ์กับโอ อนุชิต ว่ายังเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิม แม้จะเห็นต่างทางการเมือง โดยบอกว่า “ฟุคปั่นพี่โอ พี่โอคงไม่โกรธฟุคหรอก เพราะตลอด 10 ปีที่ผ่านมาเราเห็นจุดยืนกันมาตลอดในโซเชียลมีเดีย (แรงทั้งคู่) แต่พอเจอกันฟุคว่าเรารักกันมากเลยปล่อยผ่านจุดยืนการเมือง ได้ฟังพี่โอเล่าเรื่องงานแสดงของพี่หลังจากพีก้อง ตาพี่เป็นประกาย ฟุคเห็นแบบนั้นมีความสุข แม้หลังพีก้องฟุคจะไม่มีงานก็ตาม

...

ถามว่าโกรธพี่โอมั้ยที่คิดต่างกัน ฟุคไม่เคยโกรธ เหตุผลเพราะพี่โอน่าจะเป็นคนเดียวที่เคยร่วมงานที่ยังดีกับฟุคเสมอ ในขณะที่หลายคน (ไม่เอ่ยชื่อ) หนีห่างเรา ใส่ร้ายเราลับหลัง ความรู้สึกดีๆ ตรงนี้ที่ได้รับจากพี่โอมันคงกลบเรื่องการเมืองไป

ไม่เคยคิดจะคุยการเมืองกับพี่โอต่อหน้า บอกตรงๆ ไม่กล้าเสี่ยงทำลายความสัมพันธ์ดีๆ ในส่วนอื่นที่สำหรับเรามันสวยงามมาก ฟุคอยากเก็บมันไว้ แต่จุดยืนเรื่องการเมืองฟุคก็คงเดิมไม่โอนอ่อนไม่เปลี่ยนแปลง คือ no เผด็จการ ยกเลิก 112 คนเท่ากัน สนับสนุนม็อบราษฎร และยังรักพี่โอเหมือนเดิม

คิดว่าหลายคนคงเข้าใจเรา เพราะความสัมพันธ์ที่มันขัดแย้งกันแบบนี้ มันเกิดในหลายครอบครัว ในกลุ่มเพื่อน ในที่ทำงาน เราเองก็บอกไม่ได้ว่าควรปฏิบัติยังไงมั้งเพื่อสนองต่ออุดมการณ์ และเพื่อรักษามิตรภาพ ใครอยู่ในสภาพการณ์แบบนี้ ทำตามหัวใจละกันครับ”.