รายการ "ถามสุดซอย" ออกอากาศวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 22.20-23.15 น. ทางช่องเนชั่น ช่อง 22 ดำเนินรายการโดย ธัญญ่า ธัญญาเรศ เองตระกูล เปิดใจสัมภาษณ์ โรสแมรี่ คาฮันดิง อดีตนักร้องดังยุค 90 และเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว เกิดอะไรขึ้นถึงมาเปิดรับบริจาคอาหารให้ลูก และโพสต์ล่าสุดบ่นเบื่อชีวิต ดิ้นรนกันจนเหนื่อย

ยุคนั้นดังมาก ดังระดับไหน?
โรสแมรี่ : "เราไม่คิดว่าจะดังมาก แต่มันขึ้นอันดับหนึ่งฮอตเวฟ ก็เลยคิดว่ามันน่าจะดังมั้ง เพราะตอนนั้นฮอตเวฟเป็นคลื่นที่วัยรุ่นฟังเยอะที่สุด คอนเสิร์ตก็เยอะ โรสทำงานจนไม่รู้ว่าทำงานเยอะขนาดไหน มีไปทัวร์ทั่วเลย"

รายได้เป็นยังไงกับการเป็นนักร้องสมัยนั้น?
โรสแมรี่ : "ไม่ได้นับเลย ยังเด็กมาก รายได้เยอะประมาณนึง"

ทำให้ตั้งตัวได้ มีเงินเก็บมั้ย?
โรสแมรี่ : "มันก็ไม่ถึงขนาดนั้นค่ะ ก็คือได้รถมาคันนึง ทุกวันนี้ก็ยังใช้อยู่ เป็นรถคู่ใจ ยังใช้อยู่จนถึงทุกวันนี้ ตอนแรกว่าจะเปลี่ยน แต่นั่นแหละมีจุดหักเหนิดนึง"

...

จุดหักเหเกิดอะไรขึ้น?
โรสแมรี่ : "ก็ตอนที่มีน้องนี่แหละค่ะ ตอนนั้นกำลังมีวง จากรายได้ที่ไม่เยอะมาก ก็เป็นวงที่มีรายได้เยอะ เดือนนึงก็เยอะ กำลังจะดีไปได้สวย แล้วน้องมาพอดี เป็นจุดที่เราต้องเลือก คุณพ่อเขาไม่พร้อม เราก็ต้องเลือกว่าจะเอาน้องไว้หรือไม่เอาน้องไว้ ทุกคนที่วงรู้หมด"

ณ วันที่รู้ว่าท้อง และตัดสินใจว่าจะเอาไว้หรือไม่เอาไว้ อะไรมากกว่ากัน?
โรสแมรี่ : "เอาไว้มากกว่า แต่ในความเป็นจริง ถ้าเราเอาเขาไว้ เราจะเอาอะไรกินกันสองคน เราจะฝากท้องยังไง ช่วงทำงานไม่ได้เราจะเอาเงินที่ไหนซื้อนม มันอยู่ในหัวเต็มไปหมด โรสเดินตั้งแต่พระราม 3 ไปจนถึงถนนจันทน์ 4 พระยา ค่อยๆ เดินแล้วคิด เพราะพอยต์แรกพอรู้ว่ามีน้อง คิดร้ายไว้ก่อนว่าถ้าเขาไม่รับล่ะ เพราะเป็นนักดนตรีเหมือนกันด้วย คิดแย่ๆ ไว้ก่อนว่าเราจะทำยังไงดี"

ณ วันที่เราบอกเขา?
โรสแมรี่ : "เขาอึ้งและช็อกไป เขาก็บอกว่ายังไม่ได้มั่นคงเลย และเขาก็ไม่พร้อม เราได้ยินแบบนี้ก็อ้าว แล้วยังไง คืออะไร เขาบอกว่าเขาไม่ได้รักโรสนะ โรสอยากอยู่กับคนที่ไม่ได้รักเหรอ อยากแต่งงานกับคนไม่รักเหรอ คำตอบนี้ก็ทำให้เราตัดเลย เพราะมันไม่มีคำถามแล้ว ถ้าเป็นผู้หญิงบางคนอาจจะทำไมเธอไม่รักฉัน แต่โรสไม่รักก็คือจบ ไม่มีคำพูดอะไรต่อ"

ตอนคลอดลูกมีไปทำงานโรงแรม?
โรสแมรี่ : "จุดหักเหนี้คือเพื่อนที่รู้จักเป็นเจ้าของโรงแรมที่จังหวัดนึง แล้วโรสไปเจอเขาพอดี ก็เลยบอกว่าเขาว่าฉันท้อง จริงๆ ตอนนั้นไม่กล้าบอกใคร เพิ่งรู้ว่าท้อง เขาก็ถามว่าจะยังไง จะเก็บน้องไว้มั้ย ถ้าเก็บไว้จะช่วย แต่ก็ต้องตัดที่นี่ทิ้งทุกอย่างเลยนะ

ตอนนั้นพ่อโรสไปร้องเพลงที่โรงแรมเขาด้วย เขาบอกจะทำห้องพักให้ที่ข้างหลังเป็นห้องพักพนักงาน จะติดแอร์ติดอะไรให้สบาย ให้ไปอยู่ที่โน่น ทิ้งที่นี่ซะ แล้วไปอยู่ที่โน่น ก็กินในโรงแรม เรื่องคลอดน้องเดี๋ยวจะดูแลให้ เราก็ตัดสินใจว่าเลือกน้อง ชีวิตเปลี่ยนเลย แล้วก็เริ่มทำอะไรไม่ได้ เพราะท้องโตแล้ว ก็กินนอนๆ"

เห็นว่าตอนทำงานโรงแรม โดนนินทา เพื่อนร่วมงานไม่โอเค?
โรสแมรี่ : "ทีแรกเพื่อนที่ช่วย เป็นเพื่อนที่รู้จักมานาน 10 ปี เขากลับจากเมืองนอก ดีกับเรามาก แล้วอยู่ดีๆ วันนึงเขาก็เปลี่ยนไป ทุกคนในโรงแรมไม่คุยกับเราเลย เหมือนกดดัน ตอนนั้นน้องน่าจะ 1 ขวบ แล้วก็พูดกดดันว่าพ่อแก่แล้วเมื่อไหร่จะให้พ่อเลิกร้องเพลง พ่อเขาก็คิดมาก ตอนนั้นพ่อน่าสงสารมาก ขนาดตี 4 เขาจะอยู่กับเพื่อนอีกห้องนึง บอกว่าให้มาดูพ่อหน่อย พ่อเขาฉี่ราดรดกางเกงแล้วนะ แล้วใส่รองเท้าจะไปทำงาน

เหมือนเขาคิดมาก เขากลัวจะไม่ได้ทำงาน คิดมากกลัวเราจะลำบาก เพราะทำงานสองคนเงินก็ไม่ได้เยอะอยู่แล้ว เพราะเขาไม่ได้ให้เงินเดือนเยอะเลย แล้วพออาชีพโรงแรม คนนั้นก็พูดอย่างนั้นอย่างนี้

พอเราตอบโต้ไป สุดท้ายกลายเป็นเราเป็นคนสร้างเรื่องทั้งหมด ทั้งที่เราไม่ได้เป็นคนเริ่มเลย เพื่อนเราก็หูเบา เชื่อเขา ทุกอย่างก็กลายเป็นว่าไม่มีใครคุยกับเรา จากที่ไหว้เรา ทุกคนมองเราเอาง่ายๆ เหมือนสุนัขตัวนึงเลย"

ต้องไปกินข้าวหลังโรงแรมคนเดียว?
โรสแมรี่ : "ใช่ ตอนแรกที่เขาตกลงไว้ โรสกินข้าวได้นะ วันละ 200 หรือกินเกินก็ให้บอกเรา เซ็นเอาไว้ เพราะเป็นของเราให้โรสนะ ค่าจ้างพี่เลี้ยงดูแลโรสเราจะจ่ายให้นะ เขาก็มาดูแลทุ่มนึงตอนโรสไม่อยู่ โรสร้องเพลงเสร็จ 3 ทุ่มก็กลับ

...

แล้วเขาก็บอกว่าเขาดูแลเรื่องค่าพี่เลี้ยงให้ไม่ได้แล้วนะ เราก็ถามว่าจะทำยังไง ต้องอุ้มลูกไปเหรอ เขาก็บอกว่าแล้วแต่จะคิดแล้วกัน เรื่องข้าวที่โรงแรมก็ไม่ให้กินแล้วนะ แล้วเราจะกินยังไง ในเมื่อเงินเดือนเราก็น้อย

ตอนนั้นงงมาก ก็เลยต้องไปกินที่พนักงานเขากินกัน อาหารลูกค้าที่เก็บใส่ตู้ที่พอจะยังเหลืออยู่ จะมีอาหารพนักงาน อาหารดีๆ อย่างปลา บางทีเราเห็นเขากินกันก่อน เพราะเราร้องเพลงเสร็จคนสุดท้าย เราก็เอาเศษที่เหลือมากิน บางทีมีแต่น้ำซุปก็ต้องกิน

นั่งกินอยู่อย่างนั้นโดยไม่มีใครคุยด้วยเลย เป็นความกดดันอยู่อย่างนั้นหลายเดือนมาก เขาพยายามบีบให้เราออก แต่เราไม่มีทางออก เพราะเราไม่มีบ้าน ไม่มีญาติพี่น้องอยู่ที่นี่เลย

แล้วเราต้องหอบทั้งพ่อทั้งลูกทั้งหมากลับมา ลูกก็เล็ก แล้วจะทำงานประจำยังไง อายุขนาดนี้แล้วไม่เคยทำงานประจำ เป็นนักร้องมาตลอด ซึ่งเพื่อนก็รู้ว่าเราลำบาก กลับบ้านก็มีช่วงนึงที่เราโฮออกมาเลย กวาดบ้านอยู่แล้วออกมาหมดเลย มันอัดอั้น

เราไม่เข้าใจว่าคนเหล่านั้นเอาอะไรมาวัดว่าวันนึงจะไหว้เพราะเราเป็นเพื่อนเจ้าของ แต่พอวันนึงเราโดนบีบ ทำกับเราเหมือนไม่ใช่คน เรารู้สึกว่าคุณรู้จักเราแค่ไหน มองค่าความเป็นคนเราขนาดไหนถึงทำแบบนี้"

จุดเปลี่ยนที่ตัดสินใจออกจากตรงนั้น?
โรสแมรี่ : "มันไม่มีจุดเปลี่ยน โรสทำอะไรไม่ได้เลย ต้องอยู่อย่างนั้นไปสักพักนึง แต่มันแย่มากตรงเดินเข้าไปในบ้านแล้วเห็นลูกตัวเล็กๆ เขาเพิ่งเดิน เราผูกพันกันมาก ตั้งแต่ในท้อง พอเราร้องไห้เขาก็เดินเตาะแตะๆ มา เราก็ร้องไห้เยอะมาก แล้วหมาก็มานอนตัก น้องก็เดินไปเหมือนคุ้ยตะกร้า ลากผ้าเช็ดตัวมาผืนนึงแล้วเอามาซับน้ำตาให้เรา คราวนี้เราร้องหนักเลย

คือเด็กเขาไม่รู้หรอกว่าเราเป็นอะไร แต่เขารู้ว่าเวลาเขาร้องไห้ เราซับน้ำตาให้เขา พอเราร้องเขาก็มาซับให้เรา โดยที่เขาพูดไม่ได้ มากอดเรา เราก็ยิ่งแบบ ทำไมคนพวกนี้ใจร้ายจังเลย ทำกับเราไม่เป็นไรนะ แต่การที่เราได้เห็นพ่อเราเอ๋อ จิตตกไปเลย วูบไปเลย ลูกต้องมาอยู่สภาพแบบนี้ คุณจะทำยังไงก็ได้ แต่กับคนแก่กับเด็ก น่าจะมีน้ำใจหน่อยนะ"

...

แล้วปัญหาที่เกิดขึ้น เกิดจากอะไร?
โรสแมรี่ : "เขาบอกว่าเราเป็นตัวทำให้โรงแรมแตกแยกกัน ความรู้สึกมันแย่มาก"

เป็นจุดเริ่มต้นทำให้เป็นโรคซึมเศร้าหรือเปล่า?
โรสแมรี่ : "โรสว่ามันน่าจะนานแล้ว ตั้งแต่เด็กด้วย ตอนเด็กชีวิตเราก็ไม่ได้ดีเหมือนกัน โรสว่ามันมาออกตอนที่พ่อเสีย หลังจากเหตุการณ์นั้นเขาก็เริ่มเอ๋อ น็อกไปรอบนึง ขาดออกซิเจนไป 4 นาที แล้วก็เอ๋อ กลับมากรุงเทพฯ ก็หาบ้านไม่เจอ ไปนั่งอยู่ในบ้านใครก็ไม่รู้

แล้วมีคนโทรหาบอกว่านี่พ่อพี่มาเดินอยู่ถนนจันทน์ เคาะทุกบ้านเลยว่าโรสอยู่มั้ย โรสก็ไปรับ เขานั่งเหมือนเด็กๆ ถือถุงไก่ถุงนึงเอามาให้หมา เราก็แบบป๊ากลับเถอะ เขาก็ไม่กลับ นั่งเหมือนเด็ก อีกวันนึงก็จำทุกอย่างได้ เหมือนเป็นชอตๆ ไป ถามว่าเราโกรธมั้ย เราโกรธนะ เพราะทำกับพ่อเรา"

เคยคิดฆ่าตัวตายด้วย?
โรสแมรี่ : "เคยคิดนะ ถ้าเดินมาแล้วเห็นเราห้อยต่องแต่ง 3 ชีวิตจะสะใจมั้ย แต่เราเห็นหน้าลูกเขาบริสุทธิ์เกินไป เราทนลูกเจ็บไม่ได้ แค่คิดเราก็ไม่ๆ เคยคิดว่าถ้าต้องเหมือนในข่าว เอายาให้ลูกกิน ชักดิ้นชักงอ เราต้องกินทีหลัง เห็นอย่างนั้นเราทำใจไม่ได้ เราเห็นภาพนี้ไม่ได้ แล้วคนที่รักเราต้องมาเห็นภาพนี้จะรู้สึกผิด รู้สึกแย่ขนาดไหน ต้องเป็นโศกนาฏกรรมอะ"

...

เราเป็นโรคซึมเศร้า ไปหาหมอมั้ย?
โรสแมรี่ : "หาหมอ เราเป็นนั่นแหละ แต่เราคิดว่าเราโอเค เรามองโลกแง่ดีได้ แต่ว่ามันออกมาทางกาย คือเริ่มหายใจไม่ออก หัวใจเต้นผิดปกติ ก็คิดว่าเฮ้ย ฉันกำลังจะหัวใจวาย แล้วมีข่าวคนนั้นตายหัวใจวายเฉียบพลัน ก็คิดว่าฉันกำลังจะตาย ฉันหายใจไม่ออก ข้างในมวนท้องไปหมด

ก็เลยเขียนจดหมายไว้ฉบับนึง ฝากไว้ให้ใครที่ดูแลลูกให้ช่วยเขาเรียนให้จบจนโต แล้วก็ฝากให้เขาอย่าไปตกในมือใคร เพราะเขาไม่มีใครเซ็นรับเป็นพ่อ ก็กลัวว่าเขาจะไปตกที่บ้านเด็ก ก็เขียนว่ารักลูกนะ ถ้าไม่ได้เจอหน้ากัน"

ที่เขียนไว้จะฝากลูกไว้กับใคร?
โรสแมรี่ : "พี่ในวงการคนนึงที่สนิทกัน ก็ฝากเบอร์ทิ้งไว้ แล้วเขียนถึงลูก"

สุดท้ายไปหาหมอและกินยา?
โรสแมรี่ : "ก็รีบไปหาหมอ หมอก็รีบเช็กคลื่นหัวใจ เช็กเลือด เช็กความดัน หมอบอกว่าไม่เป็นอะไรนะ ไม่มีความดัน ไม่มีน้ำตาลในเลือด หัวใจก็เต้นปกติ เราก็บอกว่าไม่ๆ หมอหนูจะตายจริงๆ มันหายใจไม่ออกจริงๆ มันบีบรัด เขาก็ตรวจให้อีกรอบ แต่ก็ไม่เป็นอะไร เขาก็บอกว่าแพนิค ซึมเศร้า พรุ่งนี้พบจิตแพทย์เลยแล้วกัน เราก็โอเค ก็ไปพบแพทย์และกินยา"

"น้องพีเจ" อยู่ในรายการด้วย ตอนนี้เป็นดาราเด็ก?
น้องพีเจ : "ตอนนี้ 8 ขวบครับ อยู่ชั้นป.2/4 ตอนนี้ถ่ายโฆษณานมคาร์เนชั่น โอเมก้า 11 ชอบทำงานในวงการครับ ชอบแอ็กติ้งครับ เล่นเป็นคุณหมอครับ"

เรียนหนังสือเก่งมั้ยครับ?
น้องพีเจ : "เก่งครับ"
โรสแมรี่ : "เรียนได้เกรด 3.86"

พูดได้หลายภาษาด้วย?
น้องพีเจ : "ครับ
โรสแมรี่ : "หนังในเน็ตฟลิกซ์เขาอ่านชื่อหนังได้ทุกเรื่อง เราถามว่ารู้ได้ยังไง เขาบอกว่าเขารู้เอง ภาษาจีนก็ได้"
น้องพีเจ : "ในโรงเรียนมีวิชาภาษาจีนครับ คุณครูสอนให้"

ชอบวิชาอะไรที่สุด?
น้องพีเจ : "วิทยาศาสตร์และสังคมครับ"

โตขึ้นอยากเป็นคุณหมอ?
น้องพีเจ : "ใช่ครับ"
โรสแมรี่ : "ไม่ใช่อะ อยากเป็นเกมเมอร์ (หัวเราะ)"

เขาให้กำลังใจเรายังไง?
โรสแมรี่ : "เยอะแยะ คุณแม่เจ็บตรงนั้นตรงนี้เหรอ รอยข่วนเป็นยังไง กินยาหรือยัง"

รักคุณแม่มากแค่ไหน?
น้องพีเจ : "มากๆ เลยครับ"

หนูดื้อมั้ยกับคุณแม่?
น้องพีเจ : "50 เปอร์เซ็นต์ อีก 50 เปอร์เซ็นต์เป็นเด็กดี 20 เปอร์เซ็นต์ (หัวเราะ)"

ทุกวันนี้อยู่กัน 2 คน?
โรสแมรี่ : "สองคนค่ะ สองมานานแล้ว ไม่มีใครเข้ามาด้วย เราก็ไม่มีใครด้วย"

ทุกวันนี้เช่าบ้านอยู่?
โรสแมรี่ : "ใช่"

โพสต์ที่ขอบริจาคอาหาร?
โรสแมรี่ : "โพสต์นั้นนานแล้วตอน 6 เดือน ตอนนั้นช่วงโควิด ตกงานระนาว"
น้องพีเจ : "ตกงานเสียใจ"
โรสแมรี่ : "แต่มีคนให้ของเต็มเลยนะ เขาก็เอาไปให้คนอื่นต่อด้วย ให้คนพิการซ้ำซ้อน"
น้องพีเจ : "สงสารครับ"
โรสแมรี่ : "ถ้าวันนึงพีเจมีเงิน จะเอาเงินไปทำอะไรครับ"
น้องพีเจ : "ให้เงินช่วยคนด้วยครับ"

ถ้าใครอยากติดต่องานละคร โฆษณาติดต่อได้เลย?
น้องพีเจ : "ได้เลยครับ 095-4466-595 ครับ"

หลังจากแยกทางกับคุณพ่อน้อง ได้ติดต่อให้ความช่วยเหลือลูกบ้างมั้ย?
โรสแมรี่ : "ตั้งแต่ท้อง โรสถือว่า 50 เปอร์เซ็นต์ความผิดเรา ครึ่งนึงก็คือเขา เพราะเราไม่ได้ทำเรื่องนี้คนเดียว ถ้าจะพลาดคือพลาดทั้งคู่ ในเมื่อ 50 เปอร์เซ็นต์เขาไม่รับ โรสก็รับมาเองและดูแลเขา และเขาก็พูดว่าไม่มีทางเธออยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีฉัน

โรสก็เลยเก็บข้าวของทิ้งทุกอย่างและเริ่มต้นใหม่ไปต่างจังหวัดเลย และไม่เจอกันอีกเลย 3 ปีไม่ได้คุยไม่ได้อะไร และไม่มีร้องไห้ ตัดเพื่อไปต่อ ลูกอยู่ในท้อง ถ้าโรสต้องมานั่งคิดว่าเขาจะกลับมามั้ย มันจะใช้ชีวิตยากขึ้น ไม่ใช่เข้มแข็งนะ แต่ถ้าไม่ตัดก็จะเรื้อรังอยู่อย่างนั้น คำว่าไม่รักมันจบนะ"

มีการช่วยเหลือลูกบ้างมั้ย?
โรสแมรี่ : "เขาเพิ่งเจอลูกตอน 3 ขวบ โรสเพิ่งย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ ตอนน้อง 3 ขวบ เขาก็มาและถามว่าเรากลับมากรุงเทพฯ แล้วเหรอ ขอไปเจอลูกได้มั้ย ขอไปกราบขอโทษได้มั้ยกับเรื่องที่ผ่านมา เขาไม่กล้าโทรมาเพราะเห็นเราหายไปเลย ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง

เราก็บอกว่าไม่ต้องขอโทษไม่ต้องอะไรเลย เป็นสิทธิ์ของลูกกับเธอ เขาเป็นสายเลือดเธอ เราไม่มีสิทธิ์ห้ามเธอกับลูกเจอกัน ส่วนเรื่องเราก็เป็นคนอื่นไปแล้ว เรื่องขอโทษไม่ต้องเลย เธอก็เข้ามา และหาลูกได้เลย"

เขาเจอกันแล้วเป็นยังไง?
โรสแมรี่ : "พอบอกว่าคนนี้แดดดี้ เขาก็กอด ไม่ได้เคอะเขินอะไร พีเจเป็นคนไนซ์ อ่อนโยนมาก ก็กอด ดีใจ"

หลังเจอกันตอน 3 ขวบ ตอนนี้ได้เจอกันมั้ย?
โรสแมรี่ : "ไม่ได้เจอแล้ว เพราะทางโน้นเขามีน้อง ทางแฟนเขาก็ไม่แฮปปี้เท่าไรที่จะมาให้เจอ"

น้องพีเจเคยถามถึงคุณพ่อมั้ย?
โรสแมรี่ : "ก็ถาม เราก็บอกว่าพ่อไปทำงานไกล เขารักพ่อเขามากนะ พ่อเป็นฮีโร่ของเขาเลย โรสไม่อยากสร้างแผลให้ลูก ให้เขาโตไปแบบนั้นดีกว่า จนกว่าวันหนึ่งที่เขาโตและเข้าใจอะไร โรสว่าธรรมชาติจะบอกให้เขารู้เอง ในเมื่อความผูกพันมันไม่มี คนสูญเสียไม่ใช่พีเจ น่าจะเป็นเขามากกว่า"

ค่าใช้จ่ายเขาได้ช่วยเหลือมั้ย?
โรสแมรี่ : "ตอนแรกก็มี แต่หลังๆ ก็น้อยลง เขาบอกว่าเป็นนักดนตรีติดโควิดก็ช่วยไม่ได้ ตอนหลังไม่ได้พูดก็ไม่ได้ทวงอะไร อยากช่วยเท่าไหนก็เท่านั้นแล้วกัน เพราะเบอร์บัญชีก็อยู่ตรงนั้น"

ทุกวันนี้ทำงานอะไร?
โรสแมรี่ : "ไม่มีงานทำเลย แต่มีอีเวนต์บ้าง น้องเพิ่งไปถ่ายละครมา ก็มีงานนิดๆ หน่อยๆ เป็นซีนเล็กๆ ไม่ได้เงินเยอะ ส่วนงานโฆษณาที่ไปแคสต์เป็นเงินก้อนใหญ่ๆ ก็หลุดหลายงานเพราะเด็กเยอะมากในตอนนี้ ก็ช่วยๆ กัน

โรสก็ไปแคสเป็นเอ็กซ์ตร้า บทคุณป้า รับหมด หลักร้อย ป้าข้างบ้านบอกว่าโรส พอดีป้าไม่มีรถ มีคนสั่งออเดอร์มา เดี๋ยวให้ค่าน้ำมัน เอามั้ย หลักร้อย

เราก็โอเค ทำทุกอย่าง แต่ทำทุกอย่างในกฎที่ต้องได้ดูแลลูกด้วย เพราะเด็ก 1-10 ขวบ เขาต้องการแม่ที่สุด ต้องการความใกล้ชิดเพื่อสร้างความมั่นใจในอนาคต อีกหน่อยเขาก็ไปอยู่กับเพื่อนแล้ว ให้โรสมีเงินเป็นร้อยล้าน ก้มหน้าทำงานก็ไม่ได้ภูมิใจ เพราะซื้อช่วงเวลาเขาอายุ 1-8 ขวบไม่ได้ โรสคิดว่าโรสคิดดีแล้วที่จะอยู่กับลูก

คนก็หาว่าทำไมขี้เกียจ ทำไมไม่ทำงานประจำ จ้างคนมาอยู่กับลูก แต่เวลาที่เสียไปกับการเติบโตเขาที่เราไม่ได้เห็น เราจะเสียดายไปตลอดชีวิต ฉะนั้นเราอยู่เป็นกำลังใจให้เขาเถอะ เพราะตอนเล็กๆ โรสขาดมาก โรสรู้ว่ามันขาดความมั่นใจ มันสูญเสีย โรสรู้ว่าอยู่คนเดียวเป็นยังไง ก็กอดเขา รักเขา มันสำคัญ ทุกวันนี้เขาก็ไม่ได้รู้สึกขาด รู้สึกว่าได้เยอะเกินไปด้วยซ้ำ"

ช่วงเวลาลูกเรียนล่ะ?
โรสแมรี่ : "ทำงานบ้าน ตอนแรกขายสบู่ ขายน้ำพริก แต่งานออนไลน์ไม่ใช่ทุกคนที่จะประสบความสำเร็จ ค่าโฆษณาก็มี ไม่ใช่ทุกคนทำแล้วจะรวย บางคนโดนสต๊อกของ มันไม่ได้ง่าย ล่าสุดที่โรสบ่นไปว่าค่าเรียนพิเศษลูก ค่าโน่นค่านี้มาอีกแล้ว เดี๋ยวค่าน้ำมา เดี๋ยวหนี้มาอีกแล้ว มันเหมือนเดือนชนเดือนทุกเดือน เหมือนปืนจ่อหัว มันเหนื่อย

โรสบ่นไปแต่ไม่ได้ขออะไรนะ แต่อาทิตย์นั้นเจแทบไม่ได้ไปเรียนเลย เป็นภูมิแพ้ บ่นเฉยๆ ทุกคนอาจเห็นว่าเธอดูมีความสุขดี ไปโน่นไปนี่ ชีวิตดูมีเงิน แฮปปี้ ชีวิต แล้วใครจะมานั่งร้องไห้โพสต์เฟซบุ๊กให้คนอื่นเห็นว่าฉันเศร้า แต่ก็มีบางทีทีปรี๊ด เรามีลูกคนเดียว แล้วเราจะไประบายที่ไหนได้ สิ่งเดียวที่มีคือเฟซบุ๊ก ก็มีหลายคนที่โพสต์ว่าตัวเองเป็นอะไร แล้วก็ได้รับกำลังใจ เป็นที่เดียวที่เราลงได้"

ถ้าลูกโตแล้วลูกถามถึงพ่อ เคยคิดมั้ยจะมีช่วงอายุนึงที่ต้องเล่าความจริงให้ลูกฟัง ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง?
โรสแมรี่ : "ตอนนี้เขาก็ถาม เราก็บอกว่าบางทีคนเราเรื่องความสัมพันธ์มันซับซ้อน บางทีคนก็เลิกกัน แม่เลิกกับแดดดี้เป็นเพื่อนกันได้ แต่เขารักพีเจแบบลูก มันไม่เหมือนกัน หรืออยากให้เราอยู่ด้วยกันแล้วทะเลาะกัน พีเจอยากเห็นอย่างนั้นมั้ย เขาก็ไม่อยากเห็นเหมือนกัน

ก็พยายามใส่ให้เขาว่าในโลกนี้มีบ้านที่แตกหัก ดีกว่าครอบครัวที่อยู่ด้วยกันแต่ลึกๆ แล้วทะเลาะกันแทบตาย ซึ่งอย่างนี้ก็อาจจะดีกว่าก็ได้ ในความไม่สมบูรณ์แบบก็อาจจะสมบูรณ์แบบในตัวมันเอง"

ชีวิตที่เป็นอยู่ตอนนี้ มีอาการที่เรารู้สึกว่ามีอาการที่โรคซึมเศร้ากำเริบมั้ย?
โรสแมรี่ : "มี มันเหนื่อย เหมือนเรายิ่งพยายามแต่ยิ่งไม่ได้ คนบอกว่าพยายามไม่พอ อะไรคือความพยายามไม่พอ โรสไม่มีเส้นสายอะไรเลย โทรไปของาน พยายามไปหางานทำ ทุกคนจะรู้เหรอว่าโรสทำอะไร เขาบอกว่าเราพยายามไม่พอ คุณมีโอกาสทำไมไม่ยื่นงานให้เรา เราก็ทำได้ เราทำอะไรก็ได้ ให้ช่วยเราหน่อย

แต่จะให้เราไปตอกบัตรทำงานประจำเราทำไม่ได้ เรามีลูก เราจะจ้างพี่เลี้ยงคนนึงมานั่งดูแลลูกต้องได้เงินเดือนเท่าไร แล้วอายุขนาดนี้ใครจะมาจ้างเงินเดือน 5-6 หมื่น เป็นแสน เป็นไปไม่ได้ เราร้องเพลงได้เราก็ร้องเพลง บางทีเราได้เงินหลักร้อยก็มีนะ แต่เราก็รับ โรสไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นนักร้องต้องได้เงินเยอะๆ มากกว่าคนอื่น"

ตอนไปร้องเพลง ลูกอยู่กับใคร?
โรสแมรี่ : "ลูกไปด้วย ไม่ได้รับงานดึกมาก แค่ 5 ทุ่ม เขาก็ตื่นสาย 7 โมงได้ เพราะโรงเรียนอยู่ใกล้บ้าน ไปนาทีนึงก็ถึง"

ถ้าคนจะหยิบยื่นโอกาสให้ โรสทำอะไรได้บ้าง?
โรสแมรี่ : "โรสทำได้ทุกอย่าง อยากทำอยู่ในวงการเพราะเป็นช่วงเวลาที่สั้นๆ และก็ได้เงิน อย่างพีเจเขาก็ทำงานได้ ถ้าน้องได้ทำเขาก็อยากช่วย เป็นประสบการณ์ เล็กๆ น้อยๆ ก็หยิบยื่นมาให้เราได้ เพราะเงินทุกอย่างตอนนี้ก็เป็นของเขา

โรสก็โตจนไม่รู้จะเอาเงินไปทำอะไร เราไม่ได้ปาร์ตี้ ไปเที่ยว แต่งตัวแล้ว ตอนนี้ก็ลูกทั้งนั้น จะกินอะไรสักอย่างก็คิดถึงลูก รอลูกมากินด้วย กินคนเดียวไม่สนุกแล้ว ก็อยากให้ช่วย ถ้ามีงานก็เรียกได้ เป็นเอ็กซ์ตร้า เป็นป้าอะไรก็ได้หมด เราแสดงได้ ร้องเพลงได้ เบื้องหลังก็ได้ ให้ไปดูแลอะไรก็ได้ จะไปเสิร์ฟน้ำก็ได้ ทำอะไรก็ได้ ขอให้แค่ได้ทำงาน"