มีดีหลากหลาย! หนุ่มหน้าใส “บิวกิ้น–พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล” ตีบทแตกให้ได้หลงรักไปกับ “หมอเต่า” ในซีรีส์ รักฉุดใจนายฉุกเฉิน ยังสร้างความว้าว! เผยเสียงอบอุ่นสุดละมุนให้แฟนๆได้เคลิ้มกับเพลงประกอบละคร “You Are My Everything”
คราวนี้ บิวกิน ขอเอาจริงด้านงานเพลง ขึ้นแท่นศิลปินเต็มตัวค่ายนาดาวมิวสิก ปล่อยซิงเกิลแรกเพลงแห่งความคิดถึงเพลง “กอดในใจ” ได้ JAYLERR (เจเจ–กฤษณภูมิ พิบูลสงคราม) มาร่วมฟีเจอริงในท่อนแร็ป
เลยเริ่มถามจากที่มาที่ไปของเพลงนี้? “เริ่มจากผู้ใหญ่ในนาดาว อยากทำโปรเจกต์หนึ่งแทนความรู้สึกคนในช่วงนี้ พอคุยกันไปคุยกันมามองว่าความรู้สึกที่ทุกคนน่าจะมีในช่วงนี้ร่วมกันคือความคิดถึง เลยเป็นเพลงที่มีแกนหลักคือความคิดถึง บางคนคิดถึงบุคคล บางคนคิดถึงสถานที่ ชีวิต สิ่งต่างๆ เราทำเพลงความคิดถึงน่าจะเข้าถึงความรู้สึกคนในทางใดทางหนึ่งแล้วแต่คนจะตีความ”
...
แปลว่าเพลงนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว? “ก็เร็วครับ ประมาณ 1 เดือน พอการใช้ชีวิตของเราเปลี่ยน คนเริ่มมีช่วงปรับตัวเลยเริ่มคิดถึงกัน สำหรับผมดีใจมากๆครับที่มีซิงเกิลแรกเป็นของตัวเอง เพลงนี้ได้พี่โฟร์ 25 hours เป็นโปรดิวเซอร์ และได้พี่ปู๋ มาเขียนเนื้อร้องให้ เป็นแนว Mordern Pop ที่ผมไม่เคยร้องเป็นอีกก้าวหนึ่งที่ได้ทำแนวดนตรีใหม่ๆ ตอนเข้าห้องอัด พี่โฟร์ กับพี่เบล-สุพล ไปช่วยคุมร้อง เค้าร้องไกด์มาให้เราไปคิดดูว่าจะดีไซน์แบบไหน คุยกันจนออกมาทุกฝ่ายคิดว่าโอเค”
เราใช้อินเนอร์ในการร้องออกมาจากไหน? “ทุกเพลงก็มีอินเนอร์ที่ต่างกันไป อย่างเพลงนี้อาจจะไม่ได้เศร้ามาก อาจจะสื่อให้เห็นถึงความคิดถึงว่ามันยังมีความหวังอยู่ อีกไม่นานก็คงได้เจอกัน ฟังแล้วอมยิ้มๆ ให้กำลังใจอ่อนๆ”
เพลง “You Are My Everything” กระแสดีมาก ทำให้เพลงนี้เราแอบลุ้นกดดันกระแสตอบรับเพลงนี้มั้ย? “กดดันมั้ยผมว่ามันเป็นความตื่นเต้นมากกว่า ที่เราได้ทำผลงานใหม่ๆไม่ว่าจะเพลงหรือการแสดง พอเราจะปล่อยผลงานใหม่เราก็ตื่นเต้นไม่รู้ว่าคนจะชอบมั้ยมากกว่า ในพาร์ตของเรา เราก็ต้องทำให้ดีที่สุด ปล่อยเพลงไปแล้วมีฟีดแบ็กกลับมาดีเราก็ดีใจแล้วครับ”
จากบท “หมอเต่า” ทำให้คนรักบิวกิ้นเยอะขึ้น ตอนนั้นรู้สึกยังไงที่คนอินมาก ถึงกับจะไปเผาตึก? “ก็ดีใจนะครับ ไม่ใช่แค่ผมแต่พี่ๆทุกคนทีมงานทุกคนก็ดีใจที่คนอินและชอบผลงานที่เราตั้งใจทำ มันก็เป็นกำลังใจให้เราอยากสรรค์สร้างงานต่อไป หาอะไรใหม่ๆมานำเสนอ”
บทหมอเต่า ทำให้ชีวิตเปลี่ยนมั้ย? “มันก็เปลี่ยนไปครับ พอคนชื่นชอบผลงานเราก็รู้สึกดีใจที่เค้าชอบสิ่งที่เราตั้งใจทำ เหมือนเป็นสิ่งที่สนับสนุนว่าเรากำลังเดินมาถูกทาง”
รวมถึงความจิ้นกับ พีพี–กฤษฏ์ อำนวยเดชกร จากบท “ทิวเขา” แฟนๆก็อินจิ้นทะลุจอ พากันดังแพ็กคู่ กับพีพีเราเป็นเพื่อนสนิทกันนานแล้ว รู้สึกยังไงที่คนมารักในมิตรภาพของเรา? “ก็รู้สึกดีครับ เพราะอย่างที่บอกว่าผมกับพีพีก็ค่อนข้างสนิทกันอยู่แล้ว เหมือนเป็นเพื่อนมีอะไรคุยกันตลอด พอเราได้ประสบความสำเร็จด้วยกันมันก็ดี แฮปปี้ครับ ปีนี้ก็จะมีผลงานซีรีส์ด้วยกัน ชื่อ BKPP The Series น่าจะได้ดูภายในปีนี้แต่ยังไม่ได้เคาะว่าเป็นช่วงไหน”
...
เริ่มรู้ตัวว่ารักการร้องเพลงและอยากจริงจังด้านนี้เมื่อไหร่? “จริงๆผมเรียนร้องเพลงมาตั้งแต่เด็กๆเพราะชอบอยู่แล้ว แต่เราเข้ามาในวงการด้วยมุมของการแสดงมากกว่า พอวันหนึ่งพี่บอส ผู้กำกับให้โอกาสอยากให้เรามาร้องเพลงประกอบละคร มันก็เป็นสิ่งที่ผมอยากลองอยู่แล้ว พอได้ทำแล้วคนชื่นชอบก็รู้สึกดีมากเพราะเราได้เข้ามาทำทั้งสองอย่างที่เราชอบ”
บิวกิ้นเคยบอกว่าก่อนหน้านี้คุณพ่อคุณแม่ยังไม่ค่อยสนับสนุนให้เป็นนักร้องเท่าไหร่ อยากให้เล่าช่วงเวลานั้นและผ่านมาได้ยังไง? “ความจริงที่บ้านผมไม่ค่อยชอบให้มาทำงานในวงการ ผมว่าหลักๆช่วงแรกๆท่านคงเป็นห่วงกลัวว่าเราอายุเท่านี้จะสามารถรับผิดชอบตัวเองได้มั้ย จะเอาจริงรึเปล่าหรือว่าจะเหยาะแหยะทำเล่นๆแล้วไม่เกิดผลดี แต่เราก็ทำให้ท่านเห็น ผมว่าวันนึงที่ท่านรู้สึกได้ว่าเราจริงจังนะ ท่านก็หมดห่วงกังวลและไม่ได้มากีดกันอะไร ตอนนี้เวลาผมมีผลงานอะไรท่านก็มาถาม มาช่วยโปรโมตผมว่าลึกๆจริงๆท่านก็ภูมิใจในตัวผมนะ พอเราได้เดินมาอีกก้าวก็เหมือนได้พิสูจน์ให้เค้าเห็นว่าเราไม่ได้มาเล่นๆ เรารับผิดชอบการเรียนได้ ทำงานได้ หรือสิ่งที่ต้องรับผิดชอบด้านอื่นๆเราก็ทำได้”
สิ่งที่ชอบที่สุดในการอยู่วงการนี้คืออะไร? “ผมชอบเกือบทุกอย่างเลย ผมเหมือนเริ่มจากศูนย์เลย เราได้เรียนรู้วิธีการทำงาน เรียนรู้สิ่งต่างๆ ชอบบรรยากาศของการไปออกกอง ชอบเวลาที่เราเห็นว่าเรากำลังทำอะไรอยู่แล้วเราเห็นภาพมัน”
พอได้เข้ามาแล้วมองจุดที่ตัวเองอยากอยู่ในวงการนี้ยังไง? “ผมไม่ได้มองเป้าว่าจะต้องดังแค่ไหน หรือมีเพลงกี่เพลง แต่ผมมองว่ามันต้องเป็นจุดที่ผมทำแล้วเป็นความสุขมากกว่า จุดประสงค์หลักของผมในการเข้ามาทำตรงนี้มันคือความชอบ อยากทำในระดับที่เรามีความสุข ตั้งใจทำให้ดีที่สุดแต่ไม่กดดันตัวเองมากไป”.
...