ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมามีประเด็นร้อนประเด็นดังเยอะแยะมากมายเกิดขึ้นและเกี่ยวข้องกับคนในวงการบันเทิง โดยเฉพาะข่าววงแชร์แม่มณีที่โด่งดัง เนื่องจากตัวแม่ของวงแชร์ได้มีรายการทีวี รวมถึงได้ทำเครื่องสำอาง และได้เชิญดาราร่วมงานเยอะแยะมากมาย รวมทั้งมีข่าวดังข่าวกอสซิปกับพระเอกหล่อล่ำหลายคนในวงการ จนเกิดคำถามหลายคำถามว่าคนในวงการบันเทิงที่ไปร่วมงานควรมีส่วนรับผิดชอบด้วยหรือไม่? เนื่องจากผู้เสียหายหลายคนอ้างว่า เหตุผลที่ไปลงทุนด้วยก็เพราะว่าเห็นดาราชื่อดังหลายคนไปร่วมงาน ทำให้แม่มณีมีความน่าเชื่อถือ และตัวดาราเองก็ควรตรวจสอบให้ชัดเจนว่าเราจะไปร่วมงานกับใคร คนนั้นจะหลอกลวงหรือไม่? บางคนที่เป็นผู้เสียหายก็บอกว่า เงินที่เอาไปจ้างดารามาร่วมงานก็คือเงินของพวกเขา ดังนั้นดาราควรจะคืนเงินให้กับประชาชน? ดังนั้นเรื่องนี้ต้องแยกเป็นสองประเด็น หนึ่งคือการที่ดาราเอาชื่อเสียงไปการันตี โดยการร่วมงานต่างๆ และสอง เงินที่ได้เป็นเงินแบบไหน ถูกต้องหรือไม่?

การที่งานหลายงานนำดาราหรือคนมีชื่อเสียงไปร่วมงานนั้นก็เพื่อการสร้างความน่าเชื่อถือและน่าสนใจในการดึงคนและดึงสื่อให้มาร่วมงาน ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เราจะเห็นงานอีเวนต์หลายงานที่นำดาราที่มีประเด็นข่าว ณ ตอนนั้นมาร่วมงานและให้สัมภาษณ์ ทั้งที่ไม่ได้เป็นพรีเซ็นเตอร์ หรือเกี่ยวข้องกับงานมาก่อน สินค้าบางตัวเป็นสินค้าใหม่ เจ้าของก็ไม่ได้เป็นที่รู้จักมากมาย ก็จะมีการให้ดาราไปร่วมงานเพื่อที่จะดึงความสนใจของคน บางงานให้มีดาราไปร่วมงานก็เพื่อให้คนอื่นรู้ว่าตัวเองมีเงินมากพอที่จะจ้างดาราคนนั้นไป แต่ถ้าถามว่าตัวดาราหรือผู้จัดการดาราเองจะรู้หรือไม่ว่าเจ้าของงานทำงานแบบไหน หรือเอาเงินมาจากไหน บอกตามตรงว่าเราไม่มีทางรู้ได้ และมันคงเป็นการเสียมารยาทมากที่มีใครสักคนติดต่องานมาแล้วเราดันไปถามว่า คุณเป็นใคร? เอาเงินมาจากไหน? ส่งหลักฐานการเงินมาให้หน่อย? เพราะถ้าทำแบบนั้นเค้าก็คงไม่เอาเรา แล้วก็ไปจ้างคนอื่น

...

ยิ่งในยุคเศรษฐกิจแบบนี้ การที่มีงานอีเวนต์จะมาจ้างเราดาราก็แย่งกันจะตาย ไม่จ้างเราก็จ้างคนอื่นได้ และแค่ไปร่วมงานก็ถือว่าเป็นเงินที่ได้ง่าย ดังนั้นส่วนใหญ่ตัวดาราหรือผู้จัดการเองก็คงตรวจสอบแค่ว่าเป็นงานเกี่ยวกับอะไร เรามีเวลาว่างไปไหม ยิ่งถ้ามีรายชื่อดาราคนอื่นมาร่วมงานก็ยิ่งสบายใจมากขึ้นที่จะไป ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เห็นดาราทั้งหลายไปยืนร่วมงานถ่ายรูปในงานของแม่มณี โดยที่ไม่ทราบว่าแม่มณีที่แท้จริงเอาเงินมากมายมาจากไหน อันนี้ขอใช้ประสบการณ์ส่วนตัวที่อยู่ในวงการมา 20 ปี บอกตามตรงว่ามันเป็นการตรวจสอบที่ยากมากว่าเบื้องหลังใครทำอะไร? บางทีร่วมงานกันไปยังลืมเลย เพราะเมื่อไปถึงหน้างานก็อาจจะไม่ได้คุยหรือทำความรู้จักมากมาย ไปถึงงานก็อยู่ในห้องแต่งตัวและเก็บตัวอยู่ในนั้น จากนั้นก็จะมีคนมาบอกคิวงาน ว่าต้องพูดอะไร ยืนตรงไหน จากนั้นก็ขึ้นเวทีถ่ายรูป อาจจะมีให้สัมภาษณ์สื่อสำหรับดาราบางคน แล้วก็รับเงินกลับบ้านก็แค่นั้น

ส่วนดาราบางคนที่มีรูปส่วนตัว เช่นการโดนเนื้อโดนตัวแล้วมีคนถ่ายภาพได้ อยากให้ลองสังเกตว่าบริเวณหรือสภาพแวดล้อม ณ ตอนนั้น มันไม่ใช่แค่อยู่กันสองคนแน่นอนไม่งั้นคงไม่ได้รูปแบบนี้ออกมา และใครเป็นคนถ่าย รูปแบบนั้นออกมาได้นั่นหมายถึงต้องมีตากล้องอยู่ร่วมด้วย ดาราบางคนเป็นพวกไม่ถือเนื้อถือตัว อาจจะมากน้อยแล้วแต่ บางคนก็เป็นสายอ่อย เพื่อให้ได้งานต่อไป มันก็เป็นสไตล์ของใครของมัน แต่บางคนก็ฉลาดที่จะใช้จุดนี้มาส่งข่าว ให้คนตามถ่ายรูปและก็ส่งนักข่าวว่าเธอมีความพิเศษกับดาราหนุ่ม เค้าเรียกว่าการตลาดทางลบ เพราะข่าวแบบนี้ผู้คนให้ความสนใจเสมอ

ส่วนประเด็นที่สองเกี่ยวกับเงินที่ดาราได้แล้วควรจะคืนประชาชนผู้เสียหายหรือไม่ เพราะบางคนเหมารวมไปว่าเงินที่ใช้จ้างดาราคือเงินจากผู้เสียหาย อันนี้ขอบอกว่าไม่เกี่ยวข้องกัน เพราะดาราที่ไปร่วมงานถือว่าทำหน้าที่ของตัวเองเสร็จสมบูรณ์แล้ว ดังนั้นการรับเงินว่าจ้างจึงเป็นการทำงานโดยชอบ และยิ่งวงแชร์ที่มีมูลค่ามากขนาดนี้ จะให้เอาไปคืนใคร? แต่ถามว่าเห็นใจผู้เสียหายไหม? สงสารมาก เพราะต่อให้เป็นเงินไม่กี่พัน มันก็เงินที่หามาได้ด้วยความยากลำบาก ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นหน้าที่ของตำรวจต่อไป แต่เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เงินที่ได้มาง่ายๆ ไม่มีจริงในโลก และความโลภจะทำลายคุณทุกอย่าง