ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนเป็นต้นไปความเงียบวังเวงหน้าจอโทรทัศน์ระบบดิจิทัล จะเริ่มเข้มข้นเป็นรูปธรรมให้เห็นชัดเจนขึ้น

สถานีส่วนหนึ่งก็จะยกเท้ากลับไปซบระบบจานดาวเทียม และคู่ขนานไปกับการออกอากาศทางสื่อออนไลน์จำพวกเฟซบุ๊ก ไลน์ ยูทูบ ฯลฯ

ซึ่งหลายๆช่องที่จะจอดำ ก็ได้มีการโปรโมตล่วงหน้าแล้วว่า จะพบกับพวกตนได้ทางช่องใด ลีลาใด?

เราเองในฐานะแฟนทีวีตัวจริง และเป็นสาวกของนวัตกรรมเครื่องรับแบบเดิมๆ คือดูผ่านทางจอโทรทัศน์เครื่องใหญ่ๆประจำบ้าน ก็ต้องยอมรับในการเปลี่ยนแปลง

แต่หากพูดถึงความรู้สึกจากใจจริงแล้ว ขอเรียนว่าไม่สะใจเลยจากการดู live สด ผ่านสื่อออนไลน์ที่ว่ามา

เพราะภาพที่จำกัดในมุมกล้องที่แคบลง เทคนิคลูกเล่น เอฟเฟกต์ ภาพกราฟิก ตลอดจนตัวอักษรกราฟิกต่างๆที่ได้เคยชมแบบตื่นตาตื่นใจ ก็หายไป ระบบเสียงก็ไม่เสนาะหู

หากจัดโดยพิธีกรคู่ที่มีมุมกล้อง ฉากหลังอลังการงานสร้าง ภาพอย่างนั้นจะหายไป เมื่อเป็นการไลฟ์สดผ่านสื่อออนไลน์
เราจะได้เห็นพิธีกรคู่อย่างหมาแก่แมวสาว ต้องมานั่งห่อตัวในพื้นที่แคบๆ

ตามศักยภาพของมุมกล้อง ณ ขณะนั้น

ไม่เชื่อลองเข้าไปชมดูได้ ไม่ว่าจะเป็นรายการไลฟ์สดของเฮียหยุ่นหรือของใครก็ได้ที่เป็นที่นิยมในขณะนี้!!

ว่ามันต่างกันขนาดไหนเมื่อเปรียบเทียบกับที่ชมผ่านระบบทีวีดิจิทัล

แต่คงไม่เป็นไรในระยะยาว เพราะนั่นเป็นเพียงจุดอ่อนทางเทคนิคการผลิตการนำเสนอเท่านั้น

แต่เนื้อหาสาระ คอนเทนต์ของรายการต่างๆ ยังคงไม่ขาดตกบกพร่อง

ก็ฝากให้ทีมงานฝ่ายเทคนิครายการไลฟ์สดทางออนไลน์ต่างๆ นำไปสังเคราะห์ ปิดจุดอ่อนต่างๆให้อยู่หมัด อะไรๆก็จะดีขึ้นมาเอง เชื่อผม!!

“สันติพงษ์ นาคประดา”

แจ๋วริมจอ
jaewrimjor@gmail.com 

...