ถือเป็นอีกหนึ่งนักแสดงมากฝีมือที่มีละครออกมาให้ชื่นชมหลากหลายบทบาท สำหรับ โย ทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา ล่าสุดออกมาเปิดใจกับรายการ คุยแซ่บ Show ทางช่อง One 31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์ และ นุ้ย สุจิรา เป็นพิธีกร ถึงอดีตคนเคยรัก ว่าเป็นรักแรก รักเดียว และรักสุดท้ายของชีวิต พร้อมแจงเหตุแยกทางไม่ใช่เป็นฝ่ายที่ถูกทิ้ง แต่เป็นฝ่ายถอยออกมาเอง (ชมคลิป คลิกที่นี่)

แจ้งเกิดจากผลงานอะไร?
“แจ้งเกิดจากหนังก่อน หนังเรื่องแม่อายสะอื้น ตอนนั้นหนังได้เงินล้าน คนดูทะลักลงมาที่ถนนหน้าโรงหนังเพชรรามา สำหรับงานหนังเล่นมาเกือบร้อยเรื่อง แต่ละครน่าจะ 200 กว่าเรื่อง ส่วนฉายา ลูกเป็ดขี้เหร่ ได้มาเพราะเกิดผิดยุค ด้วยความที่หุ่นของเราเป็นหุ่นของเด็กสมัยนี้ ยุดนั้นจะต้องมีอก เอว สะโพก มีเนื้อมีหนัง แต่อาโยผอม สูง เพรียว แล้วก็ไม่ชอบแต่งหน้าจัด แต่ยุคนั้นต้องแต่งหน้าเยอะๆ ใส่ขนตาสองชั้น”

ถามถึงเรื่องราวความรักสมัยก่อนกับอดีตคนคุ้นเคย อาเอก สรพงษ์ ชาตรี?
“โห ไม่เอ่ยชื่อได้มั้ย (หัวเราะ) เด็กรุ่นนี้ยังไม่รู้เลย”

...

กับความรักครั้งนี้ถือเป็นความรักครั้งแรก ครั้งเดียว และครั้งสุดท้ายในชีวิตจริงเหรอ?
“จริง (ไม่เคยมีแฟนเลยก่อนหน้านี้?) ไม่เคยค่ะ ไม่เคยในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าไม่มีคนมาจีบนะ อาโยไม่เคยเป็นแฟนใคร เป็นคนรักคนยากน่ะ ตอนวัยรุ่นก็มีเพื่อนๆ มาชอบมาจีบ แต่เราไม่ได้ให้ความสำคัญว่าเป็นแฟนกับเธอนะ ก็รู้ว่าชอบฉันแต่เป็นเพื่อนกัน”

แต่เขาก็สามารถทำลายกำแพงหัวใจได้?
“แหม มันก็ต้องมีบ้างนะ มันเป็นอะไรเล็กๆ น้อยๆ ตอนนั้นเราบาดเจ็บในกองถ่าย เขาเป็นคนเดียวที่รู้ว่าเราเจ็บเยอะแล้วพาไปหาหมอ”

หน้าตาแบบเขาถือว่าสเปกมั้ย?
“ใช่ (ยิ้ม)”

แต่ชีวิตรักไม่สบายเหมือนสมัยนี้?
“เปิดเผยไม่ได้ ต้องปิดบังซ่อนเร้น ไม่ว่าพระเอกนางเอกคนไหนมีครอบครัว เรตติ้งตกทันที ไม่ถึงกับไม่มีงาน แต่ของอาโยคือยุคปลายๆ แล้วนะ ถามว่าตอนนั้นแอบคบกันยังไง ก็เจอกันในกองถ่ายก็เฉยๆ เวลาอยู่ในกองก็สบายๆ ได้ เพราะเวลากินข้าวก็กินด้วยกันหมดเลย ถามว่ากองถ่ายรู้มั้ยรู้ แล้วนักข่าวบางคนก็เป็นเพื่อนกัน เรื่องส่วนตัวถ้าเขารู้ว่าเราไม่เปิดเผย เขาก็ไม่เขียนนะ”

แล้วอะไรทำให้ตกลงปลงใจว่าคนนี้แหละ?
“ท้องไง (หัวเราะ) เป็นข่าวดังมาก มันไม่ได้ประกาศ คือมีคนรู้โดยที่เรายังไม่รู้เลยอะ เขาเดาออกเพราะเราไม่ค่อยสบาย คือแพ้ท้อง แต่เราก็ไม่รู้ว่าท้อง แล้วก็มีสื่อเดาว่าสงสัยจะท้อง (หัวเราะ) เราถูกสะกดรอยตามเป็นแถว ถามว่าต้องตั้งโต๊ะแถลงข่าวมั้ยไม่ต้องตั้งโต๊ะหรอกค่ะ เขาตั้งให้เราเสร็จแล้ว (หัวเราะ) พยายามกดออด เคาะบ้าน”

มีผลกับงานหรือเรตติ้งมั้ย?
“จริงๆ แฟนๆ เขาก็จับคู่ให้กันอยู่แล้ว เขาก็อยากให้เป็นแฟนกัน ก็มีคนสมหวังเยอะ เรื่องลูกสาวตั้งแต่ข่าวท้องจนคลอดเขาติดตามมาตลอด ไปสอบเข้าอะไรได้ทุกคนก็ติดตาม ยิ่งเขาสอบติดจุฬาฯ ออกทีวีไม่รู้กี่รายการเลยค่ะ”

ตอนนั้นไม่มีการแต่งงานเพราะอะไร?
“ไม่มี แต่งไปทำไม (หัวเราะ) ก็ไม่ต้องแต่ง ท้องแล้วจะแต่งทำไม มันเปลือง ก็เฉยๆ นะ จนถึงตอนนี้ก็ไม่อยากจัดงานแต่งงาน มีความรู้สึกว่าถ้าจะแต่งแค่เล็กๆ พอ หรือรับรู้กันในญาติ แต่งงานใหญ่โตมโหฬารตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ แต่อันนี้แล้วแต่สถานการณ์ของแต่ละคู่ด้วยนะคะ อย่าคิดเหมือนอาโยทุกคู่”

เขาดูแลเรายังไงบ้างนอกจากยามเจ็บป่วย?
“เขาก็น่ารักในแนวของเขา มันเป็นสิ่งที่เราชอบ แค่นี้พอแล้ว เป็นธรรมดา ไม่หวานมากเกินไปจนเราเลี่ยน ไม่ธรรมดามากจนเรารู้สึกเฮ้ย อะไร ไม่มีเลยเหรอ กำลังดี บางทีเขาก็จะซื้อให้แต่อาโยไม่เอา บางทีให้มาไม่ถึงมือก็มี (หัวเราะ) แต่สิ่งที่เขาให้ซึ่งอยู่ในห้องจนถึงทุกวันนี้คือพระ ภปร. องค์ใหญ่สีดำ เขาเป็นคนหามาให้”

ถึงไม่ได้เป็นแฟนแล้วแต่ยังไปมาหาสู่?
“ไม่ได้ไปมาหาสู่ แต่เรื่องงานร่วมงานกันได้ ไม่ได้เป็นศัตรูกัน ไม่เคยทะเลาะกันเลย การที่เฟดกันไปอาโยก็เป็นคนถอยออกมาเพราะคิดว่ามันวุ่นวาย ความสงบมันน้อย ความสุขมันก็น้อย เพราะฉะนั้นเราก็เลือกในทางที่มันไปแล้วสงบสุขดีกว่ามั้ย อาโยไม่ชอบความวุ่นวายจากการแก่งแย่งชิงดี”

...

คือมีตัวละครเพิ่มเข้ามาในชีวิตคู่ แล้วเขามาวุ่นวายกับเราเหรอ?
“มันก็มีนะ ก็เบื่อมาก รำคาญมาก มีการสร้างเรื่องขึ้นมาบ้าง เราก็คิดว่าโห งานการไม่ทำกันรึไง อยากได้ก็เอาไปเหอะ ถามว่าโดนบ่อยมั้ยก็โดนเหมือนกัน แต่ถ้าเราจะยึดเอาไว้ มันก็เป็นเรื่อง ถามว่ามีความสุขมั้ยไม่มี จิตตก เราก็จะทรุดโทรม ไม่เอา ต่อให้รักใครมากแค่ไหนต้องรักตัวเองมากกว่า เพื่อที่จะดูแลตัวเอง เรารู้อยู่แล้วว่าเขามีคนเข้ามาเยอะ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีปัญหา อยู่ที่เราเลือกว่าจะไปพะบู๊กับเขา หรือถอยออกมาไปในทางที่เราอยู่อย่างสงบสบาย อาจจะมีเสียใจเพราะตอนนั้นเรายังรักอยู่ แต่ตอนนี้ไม่เหลือแล้ว”

ก่อนมาเป็นซิงเกิลมัม เคยเสียใจหนักขนาดไหน?
“ก็เสียใจว่าทำไมมันต้องมีปัญหา ทำไมต้องอย่างนี้ๆ แล้วเราจะทำยังไง แต่อาโยไม่ปล่อยให้นาน ก็คิดว่าไม่มีประโยชน์ มานั่งคร่ำครวญ คิดทุกข์ร้อน ในขณะที่เราเศร้าเสียใจ แล้วอีกฝ่ายเขาแฮปปี้มีความสุข ไม่เอาสิ เราเสียเปรียบ ถามว่าจับเข่าคุยกันมั้ยไม่คุย ฉันถอยไป ต่อไปนี้อย่ามายุ่งกับฉัน ฉันเลี้ยงลูกเอง เขาเคยมีมาง้อบ้าง เราก็โอเคกลับมา แต่พอมีอีกก็เลยแบบจบแล้วนะ แต่คนคิดว่าอาโยถูกทิ้ง แต่ไม่ใช่ จริงๆ อาโยถอยออกมา”

...

ในวันที่เป็นซิงเกิลมัม เวลาเหนื่อยทำยังไง?
“อาโยเป็นคนที่ไม่ว่าจะรักใคร อาโยจะรักจริงๆ ลูกเป็นสิ่งที่อาโยรักสุดชีวิต จะเลี้ยงดู ให้เวลาเขาเต็มที่ เขาไม่เคยรู้สึกว่าขาด เพราะอาโยให้เขาเต็มที่ ไม่เคยมีคำว่าไม่มีเวลาสำหรับลูกเลย สุขหรือทุกข์มากน้อยแค่ไหนอยู่ที่ความคิดของเรา ใจของเรา ถ้าบางเรื่องความทุกข์แค่นี้ถ้าคิดแก้ไขไม่ได้ก็ทิ้งมันไป เอาสมองไปคิดเรื่องทำมาหากินมีประโยชน์กว่า

อาโยเห็นอะไรเยอะแยะมากเลย ไปไหนพวกดาราผู้ชายก็จะเห็นคนโน้นคนนี้ บางทีเมียก็ถามว่าทำไมเห็นแล้วไม่มาบอก แต่ต่อให้สนิทกันยังไงอาโยไม่เคยบอกเมียเขา เพราะอาโยถือว่าการที่เห็นสามีเขาไปมีผู้หญิงแล้วเอาไปบอกภรรยาเขา อาโยเป็นคนไม่ดีมากเลย ไปเอาไฟใส่ให้เขา ถ้าเขาไม่รู้มีความสุขกว่ามั้ย

ถามว่าเราเคยเห็นคนของเราไปเดทกับคนอื่นมั้ย เห็น แต่เฉยๆ เขาก็เห็นเรานะ เขาก็ถามว่าทำไมเห็นแล้วเฉย เราก็ถามว่าแล้วจะให้ทำไง จะให้ไปหึงหวงไม่เอา น่าเกลียด (หัวเราะ) ผู้ชายเวลาอยู่ในบ้านคือสามีเรา แต่เวลาออกนอกบ้านเป็นคนอื่น ค่านิยมของผู้ชายไทยคือมีบ้านเล็กบ้านน้อยถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา สังคมไม่ประณาม แต่ผู้หญิงไม่ได้เลย มีแค่ 2 คนก็หลายดอกแล้ว”

มีเสน่ห์ขนาดนี้ไม่มีคนมาจีบเลยเหรอ?
“ก็มี แต่ไม่ชอบ ถ้ามาคบกันเล่นๆ แก้เหงา ทำไม่ได้ พอเข้ามาอย่างนั้นอย่างนี้ก็รำคาญ ถามว่ามีพระเอกมาจีบมั้ยมี (หัวเราะ) นักธุรกิจก็มี แต่มีแบบคนมาบอกเข้าหูว่าเขาก็ชอบเรานะ แต่เราไม่สนใจ นักการเมืองไม่มีๆ เพราะไม่ชอบนักการเมือง ไม่สนใจ คนในเครื่องแบบก็มี แต่ก็ไม่เอา คือติโน่นตินี่”

แล้วความโสดสำหรับเรามีความสุขยังไง?
“มันไม่มีเรื่องวุ่นวาย ไม่มีเรื่องหยุมหยิม ไม่มีอะไรจะทำให้เราต้องเจ็บปวดใจหรือเสียใจ”

...

อีกความสุขคือความสุขกับน้องขวัญ (พิมพ์อัปสร เทียมเศวต) ลูกสาว?
“ใช่ ตั้งแต่เลี้ยงเขามาไม่เคยผิดหวังเลย เขาทำให้เราชื่นใจตลอดค่ะ เรื่องความรักไม่ต้องสอนเขาเลย เขาเป็นคนทำอะไรทุกอย่างด้วยเหตุผล ไม่ใช้อารมณ์ ก็ไม่ได้สอนเลยนะ หรืออาจจะเพราะเขาเห็นการกระทำของเรา ด้วยนิสัยเขาด้วย กับคุณพ่อของเขาก็ไม่เคยห้ามจะมาเจอ เจอกันได้ตลอด แต่ก่อนพี่ป้าน้าอาของเขาก็อยู่ที่บ้าน แต่ตอนนี้คุณย่าเสียไปแล้ว ป้าที่เลี้ยงเขามาก็อยู่บ้านที่อยุธยา”

เห็นว่าน้องขวัญก็เป็นผู้จัดละคร ให้เล่นละครด้วยกันกับสรพงษ์?
“ก็บทไหนที่เหมาะกับพ่อก็ให้พ่อเขามาเล่น บทไหนเหมาะกับแม่ แม่ก็เล่น บนไหนที่พ่อกับแม่เหมาะเล่นด้วยกันก็เล่น บางคนคิดว่าเจอกันไม่ได้แล้ว แต่เราสบายมาก เพราะนี่คืองาน แต่เวลากินข้าวไม่กินด้วยกัน (หัวเราะ) ถ้าเขาตักปลาให้ก็รับนะ แต่ลุกไปกินที่อื่น ส่วนเรื่องค่าตัว จริงๆ ละครมันมีเรตค่าตัวอยู่ที่ช่องอยู่แล้ว พ่อเขาก็บอกว่าเคยไม่เอาเงินนะ เล่นให้ลูกฟรี ค่าตัวของพ่อ ลูกก็รับไปค่ะ”.