กระแสปังหลังกล้าฉีกแนวปล่อยเพลง “ทั้งจำทั้งปรับ” ที่ชวนตัวท็อปของอีกสองสายดนตรีอย่าง YOUNGOHM ในแนวฮิปฮอป และ กานต์ The Parkinson เจ้าพ่อเพลงโซล มาร่วมแจมกับนักร้องนักแต่งเพลงฮอต “แสตมป์-อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข” ที่คร่ำหวอดวงการเพลงมากว่า 12 ปี ซึ่ง 1 ปี หลังเปิดค่ายเพลง 123 Records ของตัวเอง แสตมป์ ก็ได้เรียนรู้หลายสิ่งทำให้วันนี้ได้เปิดโลกใบใหม่ๆ

แสตมป์ เล่า เริ่มจาก “ผมมีเพลงฮิปฮอปที่ใช้กีตาร์โปร่งมาหลายเพลง แต่ไม่เคยมีฮิปฮอปแบบนี้ จริงๆก็ชอบอยู่แล้ว เพลงนี้เลยลองผสม ดีใจที่เราผสมได้ เหมือนเราหยิบวัตถุดิบที่ฮิตตอนนี้มาปรุงด้วยหม้อเรา ทำบีทนี้กับ NINO โปรดิวเซอร์ที่กำลังดัง เค้าก็บิลต์ให้ผมแร็ป ผมก็บ้าจี้แต่งท่อนแร็ปมาแต่พอมาฟังแล้วเขินคิดว่าถ้าได้แร็ปเปอร์ที่แร็ปจังหวะนี้เก่งๆน่าจะเอาอยู่ ส่งให้กอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่ เพื่อนของผมฟัง เค้าบอกว่าเพลงนี้ต้อง YOUNGOHM เค้าก็ตอบตกลงทันที ซึ่งของเค้าดีกว่าเรามาก (หัวเราะ) และมีน้องกานต์ The Parkinson ที่ช่วงหลังๆผมส่งเพลงให้เค้าร้องไกด์ เพราะผมชอบการร้องของเค้าที่สุด เพลงนี้เค้าส่งมา ผมรู้สึกว่าตัวเองทำตามไม่ได้(ยิ้ม)ก็เลยให้กานต์ร้องให้ เป็นส่วนผสมที่ลงตัวมาก คิดว่าผลลัพธ์ถ้าไม่ดีเลยก็แย่เลย เอ็มวีเป็นนักโทษ ถ่ายกันสนุกมากๆ”

...

ทำเพลงนี้ทำให้ได้เปิดโลกอะไรใหม่ๆอีกบ้าง?

“นี่เป็นครั้งแรกที่เราเชื่อมกับเด็กรุ่นใหม่จริงๆทั้งทีมงานทำบีทและคนทำเอ็มวี ผมชอบนะทำให้เราสดใส” ฟีดแบ็กดีทั้งเพลงและเอ็มวี มีคอมเมนต์ที่ผมชอบมาก เค้าบอกว่าเค้าเบื่อเพลงเรามานานแล้ว แต่เพลงนี้ก็มีอะไรตื่นเต้นจนได้ เค้ารู้สึกดีกับการเปลี่ยนแปลง จริงๆเพลงแบบเก่าเราก็มีแต่ก็อยากทำอะไรใหม่ๆไปด้วย ตัวเราเองก็ได้เข้าใจมากขึ้น มันจะมีช่วงนึงที่เรางงกับวงการเพลง ผมว่าทุกคนเป็นทำเพลงมา 10 ปีอยู่ๆคนก็เปลี่ยนพฤติกรรมฟังเพลง 2 ปีนี้มันเปลี่ยนชัดว่าการฟังเพลงเปลี่ยนเป็นยุคสตรีมมิ่งสมบูรณ์แบบ เพลงก็เปลี่ยนไป ผมก็ต้องเริ่มทำความเข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับโลกดนตรี แต่เราก็ใส่ความเป็นเรา”

1 ปีหลังทำค่ายเพลงเองได้เรียนรู้อะไร?

“ผมมีความสุขมาก แฮปปี้มาก มีแต่มิตรสหายที่ดี แฟนเพลงน่ารัก ต้องขอบคุณเมียผมที่ทุ่มเทกับมันมากๆจริงๆ ตอนแรกผมเป็นนักดนตรีอย่างเดียวการทำรายการเป็นเรื่องสุดท้ายในชีวิตที่ผมจะทำ แต่ผมทำแล้ว(ยิ้ม) คือภรรยาผมคิดว่าต้องมีอะไรให้ช่องเรามีคน Subscribe เค้าไปรีเสิร์ตเลยนะ เลยทำ Vlog แล้วก็ดีจริงๆ ผมสนิทกับคนฟังมากขึ้น ภรรยาผมเค้าทำหน้าที่มากกว่าผู้จัดการ เค้าเป็นอีกด้านนึงที่ผมไม่มี มีผู้ใหญ่บอกว่าคนฟังอยู่ที่ไหนเราต้องตามไป เราไม่ได้เปลี่ยนเพลงของเรานะแค่เอาเพลงไปไว้ในที่ๆเค้าอยู่ ต่อให้เราทำเพลงดียังไงแต่มันยากที่คนจะตามมาฟังเพราะมันมีอะไรให้คนสนใจเยอะไปหมด เราก็ทำด้วยใจเหมือนเดิม เมื่อก่อนผมอะไรก็ไม่ได้ เราเป็นนักดนตรีจะทำเพลงอย่างเดียว ทำอย่างอื่นมันเสียศักดิ์ศรี เมื่อก่อนผมจะอายไม่อยากให้ใครเห็นชีวิต พอเราเริ่มเปิดก็ยิ่งกล้าและสนุก ตลอดปีนี้ก็เปลี่ยนหลายอย่างในค่าย ช่วงนี้หลายคนอาจจะเห็นว่าร้อนเงิน รับงานเยอะไม่พอ มีบางงานคนมองว่าเราทำด้วยเหรอ เช่น ทำอีเวนต์ ทำพิธีกร รับมากขึ้น เมื่อก่อนผมไม่ค่อยเห็นค่าของเงินเท่าตอนนี้ พอเราเป็นเจ้าของบริษัท ถ้าทำงานได้เม็ดเงินเรายิ่งมีทุนสร้างผลงานต่อไป ได้เงินเก็บเป็นกองทุน ทำเพลงทำผลงานให้น้องๆในค่ายมีผลงาน”

เรียกว่ายอมลดตัวตน ทำหลายอย่างที่เมื่อก่อนไม่เคยทำ?

“พอเราเห็นภาพรวมของบริษัท เราจะไม่ได้วางตัวเป็นศิลปินแล้ว คิดว่าเรากำลังทำงานและงานนี้จะส่งผลกับอนาคตข้างหน้ายังไง มันก็ค่อยๆเป็นค่อยๆไป ลองผิดลองถูกครับ”

เห็นว่าปีนี้จะได้ขึ้นเล่น เทศกาลดนตรี Summer Sonic 2019 ที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่นด้วย?

“ดีใจมากครับ ไม่เคยขึ้นเวทีหลัก เคยแต่แจมๆตลอด 4 ปีที่ไปมา รู้สึกว่ามันสนุกมาก มันเหมือนสิ่งที่เราเห็นตลอดแล้วเรามีชื่อในนั้น ผมเห็นโปสเตอร์แล้วน้ำตาไหลเลยนะ เพราะผมเป็นแฟนวงการเพลงญี่ปุ่นเลย คงต้องซ้อมเยอะเพราะเป็นวงใหม่กับนักดนตรีที่โน่น ผมตื่นเต้นนะวงญี่ปุ่นเค้าเล่นเก่งมาก แล้วก็มีเตรียมไปโชว์ยาวๆที่ญี่ปุ่น เดี๋ยวค่อยบอกข่าวดี แต่ไม่ใช่เมียท้องนะครับ(หัวเราะ) มีเพลงสากลใหม่ด้วย การได้ไปญี่ปุ่นก็ทำอะไรได้เยอะ เราอยู่ที่บ้านเรามา 12 ปีแล้ว คนมีความคาดหวังว่าแสตมป์ต้องเป็นอย่างนี้ หรือเป็นโค้ชไปแล้วโตแล้ว มันก็มีความยากนะ ส่วนที่โน่นก็มีความยากที่เค้าไม่รู้จักเรา ทุกที่ก็มีจุดที่เราต้องลุย แต่ก็สนุก ถึงตอนนี้ผมมองว่าเราจะทำงานอะไรออกไปดีที่มันยังน่าสนใจ จะให้ทำแบบเดิมซ้ำๆตัวเองก็เบื่อด้วย คนฟังก็เบื่อ ความยากที่สุดคือทำยังไงให้เรายังตื่นเต้นกับมัน มันเหมือนคนทำงานมาสักพักแล้ว แต่ดันเป็นงานที่ต้องสร้างออกไป อย่างแรกเราก็ต้องเอ็นจอยกับมัน ผมว่ามันยากมากนะที่จะทำให้ตัวเองตื่นเต้น มันดีมากนะถ้ามีคนเห็นค่าสิ่งใหม่ๆที่เราพยายามใส่ออกไป”.

...