ฝน ธนสุนทร เผยยังมีงานเพลงอยู่เหมือนเดิม ที่ผ่านมาส่วนมากคนจะเห็นหน้าในงานพิธีกรบ่อยกว่า อาการป่วยตอนนี้ดีขึ้นมาก เพราะดูแลตัวเองมากขึ้น เรื่องหัวใจกับสาวหล่อ ดูแลกันมา 16 ปีแล้ว ไม่อยากโฟกัสสถานะ...
หลังปีหลังๆ ที่ผ่านมาเรามักจะเห็นสาว ฝน ธนสุนทร บนหน้าจอทีวีในฐานะพิธีกร คอมเมนเตเตอร์มากกว่า จนทำให้บางคนเริ่มคิดว่า ฝน อาจจะเลิกร้องเพลงแล้วก็ได้
เมื่อเจอ ฝน ธนสุนทร มาร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ "10 สุขเฉลิมหล้า ปวงประชาซิวิไลซ์ เฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก" ที่ลานสปอตไลท์ ชั้น G ศูนย์การค้าสเปลล์ ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต
จึงได้ขออัปเดตผลงาน อาการป่วยที่เคยบอกว่าตนเองนั้นเสี่ยงต่อการป่วยโรคภูมิแพ้ตัวเอง หรือโรคพุ่มพวง และเรื่องสถานะหัวใจกับสาวหล่อ ผู้จัดการส่วนตัวที่ดูแลกันมา 16 ปีแล้ว
หายไปจากวงการเพลงเลย?
"ทุกคนจะคิดว่าฝนห่างหายจากวงการเพลง ไม่ได้หายนะคะ ยังร้องเพลงอยู่ จ้างงานได้นะคะ ยังร้องเพลงอยู่ และยังมีซิงเกิลออกมาเป็นระยะๆ อย่างต่อเนื่องเหมือนกัน
แต่ว่าอาจจะไม่ได้รับการโปรโมตมากมายนัก แล้วก็เหมือนกับกระแสแนวเพลงอินดี้มาแรง เราก็จะแบบเหมือนมีดรอปๆ ลงไปบ้างแต่เราก็ยังมีงานเพลงอยู่ตลอด แล้วก็ไปทัวร์คอนเสิร์ต รับงานอีเวนต์ก็ยังมีอยู่ตลอด ที่แฟนๆ เห็นเหมือนห่างหายไป อาจจะเป็นเพราะว่า เห็นฝนทางจอทีวีเยอะ เล่นละคร พิธีกร คอมเมนเตเตอร์ค่ะ"
...
เห็นฝนบนหน้าจอทีวีบ่อยขึ้น คนเลยมองเริ่มเฟดงานเพลงลงเพราะงานเพลงเงียบกว่าเดิม?
"คนเค้าคิดอย่างนั้น แต่ว่าฝนพยายามที่จะออกซิงเกิลอยู่ แล้วตอนนี้กำลังเตรียมซิงเกิลใหม่ ประมาณเดือนสองเดือนก็จะได้ฟัง เพราะฉะนั้นเนี่ยเพลงยังมีให้ฟังต่อเนื่อง อย่าเพิ่งเบื่อ หน้าจอทีวีอาจเห็นฝนบ่อยๆ อย่าเพิ่งเบื่อนะคะ"
ทำงานเยอะขนาดนี้ เอาเงินไปเก็บไว้ไหน?
"เงินก็เอาไปโปะบ้านบ้าง รถบ้าง แต่ค่าใช้จ่ายมันเหมือนเป็นเงาตามตัว เราก็แปลกใจเหมือนกันว่าเมื่อก่อนตอนเด็กๆ เราไปรับจ้างร้องเพลงงานละ 200-300 เดือนละ 6,000-7,000 เราก็ยังพอกินใช้กันทั้งครอบครัว แต่พอมาตอนนี้เหมือนค่าใช้จ่ายเราก็มากขึ้น การดูแลเราก็มากขึ้น ดูแลลูกน้อง ดูแลคนที่คอยดูแลเรา มันก็หลายๆ อย่างค่ะ เราก็เอาเงินไปตรงนี้
จริงๆ แล้วถามว่ามันมากขนาดนั้นมั้ย มันก็ไม่ได้มากขนาดนั้น เพราะว่าทำงานเยอะก็จริงๆ ค่าใช้จ่ายมันก็เยอะเป็นเงาตามตัวด้วย เพราะฉะนั้นก็พยายามที่จะทำงานให้ได้มากที่สุด แต่ก็ไม่อยากโหมจนกระทั่งเราป่วย เพราะว่าถ้าโหมจนป่วยแล้ว เงินที่หาได้เอาไปให้ใคร เอาไปให้หมอ ไม่คุ้มเลย เก็บส่วนหนึ่งไปเที่ยวบ้าง พักผ่อนบ้าง"
อาการป่วยที่เคยบอกว่าเป็นโรคพุ่มพวงเป็นยังไงบ้าง?
"ตอนนั้นคือมันไม่เหมือนกับว่าเป็นโรคพุ่มพวงนะคะ คือจริงๆ แล้วเป็นโรคภูมิแพ้ตัวเอง แต่เรายังไม่ถึงขั้นเป็นโรคพุ่มพวง มันเหมือนกับว่า เป็นการเริ่มต้น ถ้าไม่ดูแลตัวเองก็จะเป็นโรคพุ่มพวงแล้วนะ อันนี้มันคือจุดเริ่มต้นแล้วนะ เกือบจะก้าวเข้าไปมากกว่าค่ะ
ตอนนี้พอรู้ตัวถ้าเราจะเป็นอย่างนั้น เราก็ดูแลตัวเอง ก็คือพูดแต่ปากไม่ได้ ต้องทำจริงๆ แล้วนะ ไม่หายขาดค่ะ มันเหมือนกับว่า พอเราอายุมากขึ้น ไอ้พวกเซลล์ต่างๆ มันก็อ่อนแอลง เป็นปกติอยู่แล้ว ยิ่งเราทำงานเยอะ ไม่ได้พักผ่อน กินอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ มันก็จะรวมพลังกันทำร้ายเรา
เพราะฉะนั้นเราก็ต้องดูแลตรงนี้ให้ดีที่สุด ให้ร่างกายเรากลับฟื้นขึ้นมาแข็งแรง ซึ่งตอนนี้ก็คือค่อนข้างแข็งแรงดีแล้ว แต่ถ้าคุณยังกลับไปทำแบบนั้นอีก มันก็จะมาอีกนะ เพราะเหมือนเซลล์เราเริ่มอ่อนแอลงบ้างแล้ว
การรับงานต่างๆ ก็ต้องคำนึงด้วยนะคะ ต้องวางแผนให้ดีๆ ว่าเราจะเดินทางตอนไหนเมื่อไหร่ยังไง แล้วเราจะได้พักผ่อนให้เต็มที่ แล้วก็วางแผนว่านั่งรถไปหรือบินไป เราจะไม่เหนื่อยจนเกินไป ก็ถ้าจะมีงานซ้อน เราก็จะคำนวณว่าไหวมั้ย ถ้าไม่ไหวเราก็จะขออนุญาต รับแค่งานเดียว"
เมื่อก่อนเรารับกี่งานต่อคืน?
"ฝนไม่เคยรับงานร้องเพลงเกิน 3 งานต่อวัน เคยรับเกิน 3 งาน แต่มันหวาดเสียวกับการเดินทางที่ต้องเร่ง การขับรถอันตราย ไปสายเจ้าภาพใจหายใจคว่ำ เราก็เลยแบบไม่เอาแบบนั้นแล้ว ได้รับเงินน้อยหน่อย แต่มันทำให้เราปลอดภัยด้วย
แล้วเรายังคงคุณภาพว่าเราไม่เคยไปสาย ฝนจะฟิกซ์เรื่องการตรงต่อเวลามากๆ ถ้าเกิดเป็นงานร้องเพลง เราจะไปก่อนเวลา 1 ชม. เป็นอย่างน้อย สายที่สุดของฝนก็คือ ครึ่งชม. ก่อนงาน แสดงว่าเราต้องเสร็จหมดทุกอย่างแล้ว แต่ถ้าฝนยังไม่ได้แต่งตัว ต้องไปถึงก่อน 3 ชม. เพื่อที่จะแต่งหน้าทำผมประมาณ 1.30-2 ชม. แล้วอีก 1 ชม. เพื่อเอาไว้เราผ่อนคลาย หรือซ้อมกับแดนเซอร์"
...
ตอนนี้ยังมีลูกทีม เป็นแดนเซอร์ในวงอยู่?
"จะมีแดนเซอร์ 6 คน แล้วก็มีทีมเสื้อผ้าหน้าผมไปคอยดูแล ก็เป็นเกือบ 20 ชีวิตเหมือนกันค่ะ"
จะไปแต่ละงานก็คือฟอร์มเต็มทีม?
"ใช่ค่ะ ก็จะพยายาม คือบางคนบอกว่าจ้างฝนคนเดียวได้มั้ย เราก็บอกขอเอาแดนเซอร์เถอะ ชุดสวยนะ เต็มเวทีเลยนะ อลังการนะ เราอยากจะขายงานที่สมบูรณ์แบบค่ะ"
เรื่องหัวใจเป็นยังไงบ้างเอ่ย เขาไม่น้อยใจเหรอไม่ค่อยเปิดตัวมาก?
"คือเราไม่อยากจะมองว่าเราจะเปิดตัวหรือไม่เปิดตัว เราอยากจะให้มันเป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเรา แต่เราก็มองว่า เราเป็นที่จับตามอง หรือว่าหลายๆ คนเค้าจับตามองว่าอะไรยังไง
ซึ่งเราก็จะให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ไง เราดูแลกันมา 16 ปีแล้ว ก็คือฝนจะใช้คำว่าดูแลกันมา เพราะมันเป็นมากกว่านั้นไง อย่างที่บอกเราดูแลกันทุกสิ่งทุกอย่าง ทำให้เราดำเนินชีวิตได้อย่างสบายๆ
แล้วถ้าวันหนึ่ง คือคนเรามันต้องมีจากกันอยู่แล้ว ไม่จากเป็นก็จากตาย ถ้าวันหนึ่งต้องจากการด้วยเหตุผลอะไรยังไง เราก็ไม่ต้องมานั่งอธิบายว่าอะไรยังไง
...
เพราะเราไม่ได้อธิบายกันตั้งแต่ต้น เลยจะมองว่า คนเราถ้าแบบจะคบกันก็คือดูแลกัน เอาความสบายใจเป็นหลัก แล้วเราก็ไม่ต้องมานั่งอธิบาย ถ้าวันหนึ่งมันเกิดอะไรขึ้นมา ก็เหมือนกับคนที่รักกันจะเป็นจะตาย ถ้าวันหนึ่งไม่รักแล้ว ทนไม่ไหวแล้ว เรามองแบบถ้าเป็นเรา เราจะไม่ทำอย่างนี้เนอะ"
ไม่ได้กลัวว่า การเปิดตัวจะทำให้เรตติ้งตกเหมือนนักร้องลูกทุ่งคนอื่นๆ?
"ไม่หรอกค่ะ ฝนว่ายุคนี้สมัยนี้ คนก็เปิดใจกันหมดแล้วนะ แล้วก็เด็กๆ น้องๆ ที่เค้าเป็นแฟนคลับของเรา เค้าก็ดีใจที่มีคนมาดูแลคนที่เค้ารัก คือแฟนคลับเค้ารักเรา แล้วมันมีคนมาดูแลเรา เค้าก็รู้สึกโอเค แล้วอีกอย่างหนึ่ง เราก็เป็นไอดอลให้กับใครหลายๆ คู่ด้วยนะคู่ที่เค้าอยากจะดูแลกันแบบนี้
อยากจะบอกกับใครหลายๆ คนว่า ความรักมันไม่ใช่แค่รักในรูปลักษณ์ภายนอก แค่ฉาบฉวย คือเรารัก เราดูแลกัน เราไว้ใจกันและกัน มันจะทำให้เราอยู่กันยาวนาน โดยที่ไม่ต้องมาอธิบายอะไร"
แต่พี่เค้าไม่ค่อยออกสื่อ?
"ไม่ค่ะ เพราะว่าเค้าก็จะแบบว่าอยากอยู่เป็นส่วนตัวมากที่สุด แต่ใครจะรับรู้ก็ไม่เป็นไร แต่เราก็ไม่ได้มานั่งอธิบายค่ะ แต่มันทำให้เรามีความสุขนะ ไม่ต้องมาคิดมาก"
...
ถ้าเกิดว่ามีภาพคู่หน้าสื่อ จะโอเคไหม?
"ก็นี่ไง มีอยู่เรื่อยๆ อยู่แล้ว (ยิ้ม) ก็ไม่เป็นไรค่ะ ถือว่าเราบริสุทธิ์ใจ ดูแลเทคแคร์กันค่ะ".