ถ่ายทอดความเป็น “ครูทราย” คอยแก้ปัญหาให้เด็กๆ จนกลายเป็นที่พึ่ง ที่ปรึกษาไปจริงๆ สำหรับ จ๊ะ–จิตตาภา แจ่มปฐม นางเอกสาวจากละครเรื่อง “วัยแสบสาแหรกขาด โครงการ 2” ทางช่อง 3 ค่ายมาสเตอร์วัน ของผู้จัดไฟแรง เอิน–นิธิภัทร์ เอื้อวัฒนสกุล งานนี้ จ๊ะยอมรับสมัยวัยว้าวุ่น ตนก็เป็นคนหนึ่งที่เหมือนกับ เคส Perfectionnism แสวงหา ความสมบูรณ์แบบให้ชีวิตแต่พอเริ่มโตถึงปล่อยวาง ส่วนชีวิตคู่กับนุ่มเอิน สามีผู้จัดฯ แฮปปี้ชีวิตลงตัว หลังจากนี้เตรียมตัวปั๊มทายาท ใน “คนดังนั่งคุย”
กระแสของละครคนพูดถึงเยอะเหมือนกันนะ
“ถ้าถามตัวจ๊ะ อยู่ในระดับพอใจ คนดูโต้ตอบกับเรา เราได้เจอได้ยินอะไรแปลกๆ ทุกวัน ยิ่งวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ วันที่ละครออกอากาศ จะยิ่งมีคนเข้าแสดงความคิดเห็นกับเราเยอะมาก มาเล่าเรื่องราวในชีวิตเค้าให้เราฟัง มีการสอบถามวิธีการแก้ปัญหาหรืออะไรที่เราไม่คาดคิดว่าจะได้ เราได้เห็นกลุ่มคนที่มาแชร์เรื่องราวของตัวเองและพร้อมมีคนเข้ามาตอบ มันเหมือนเราได้เห็นสังคมอีกสังคมนึงที่เกิดขึ้นมาใหม่เค้าซัพพอร์ตกัน”
ด้วยบทเราทำตามหน้าที่นักแสดงแต่เหมือนเราเป็นที่พึ่งของผู้ปกครอง “จริงๆ ภาคแรกก็เป็นแต่ภาคนี้เป็นมากกว่า อาจจะด้วยความที่ 5 เคส มันใกล้ตัวเข้าไปอีก คนที่เปิดใจดูเค้าเปิดใจแชร์ให้เราฟัง ลูกเค้ามีปัญหาแบบนี้ หรือตัวของเด็กเองมาแชร์ คุณพ่อคุณแม่หนูเป็นแบบนี้ๆ เราก็เลยรู้สึกพอใจ เค้าเอาคิดและปรับใช้กับของตัวเอง”
...
ถ้าย้อนไปสมัยวัยรุ่นชีวิตจ๊ะตรงกับเคสไหนในละครบ้างรึเปล่า
“มีค่ะ มนุษย์สายท็อป (Perfectionnism) (หัวเราะ) ตอนแรกที่เห็นเคสนี้ยิ้มแล้วใกล้ตัวมากแต่ไม่ได้เป็นแบบรุนแรงเหมือนอย่างในละคร ไม่มีใครมากดดันแต่เรากดดันตัวเอง อยากทำทุกอย่างให้มันดี”
ทุกอย่างต้องเพอร์เฟกต์ “ใช่ๆ สมมติจ๊ะเขียนรายงานส่งอาจารย์ เขียนผิดนิดนึงคนอื่นแค่เอาลิควิดมาลบแล้วเขียนทับแต่จ๊ะขยำทิ้งแล้วเขียนใหม่ ต้องไม่มีรอยลบอะไรแบบนี้ ปล่อยวางยากมากแต่ว่าไม่ถึงขนาดรับความผิดหวังไม่ได้ รับได้แต่เสียใจประมาณนึง เหมือนเป็นคนแข่งกับตัวเอง มันต้องได้มากกว่านี้สิ”
ทุกวันนี้ปล่อยวางได้หรือยัง “ทุกวันนี้ช่างแมร่งแล้วค่ะ (หัวเราะ) เหมือนเราโตขึ้น รู้จักความผิดหวังมากขึ้น เรียนรู้วิธีที่จะรับมือกับมันได้มากขึ้น”
สิ่งที่จ๊ะได้เรียนรู้จากละครวัยแสบฯ
“การแก้ปัญหาทุกอย่างเลยของตัวละครทำให้เย็นมากขึ้น สิ่งรอบข้างเราฟังน้อยใส่ใจกันน้อย ทุกอย่างเร่งรีบไปหมดแต่ละครเหมือนบอกให้เราหยุดนิ่ง เปิดใจและรับฟังคนอื่น แล้วพูดอะไรดีๆ ทำให้เรารู้สึกนิ่งมากขึ้น เปิดใจและเปิดรับอะไรได้ง่ายขึ้น”
การร่วมงานกับเด็กๆเป็นอย่างไรบ้าง “น้องๆ เก่งมากค่ะ แต่ละคนเตรียมตัวและทำการบ้านมาอย่างดี”
อยากรู้น้องๆ ทั้ง 5 คน ตัวตนจริงๆ เค้าเป็นยังไง “จ๊ะว่าเด็กแต่ละคนจะตรงกันข้ามกับบทที่เค้าได้ อย่างลิลลี่ (วีหนึ่ง) เคส มนุษย์สายท็อป จริงๆ เค้าเป็นเด็กร่าเริงมากแต่เค้าต้องมาเล่นเก็บกด ดราม่าตลอดเวลาทำให้น้องเองค่อนข้างเครียดในช่วงแรกๆ เค้ารู้สึกเหมือนเค้าเข้าไม่ถึง เค้ารู้สึกทำไมจะต้องขนาดนี้ก็ต้องมานั่งคุยกัน หรือน้องพลอย (อุ่น) เคสเรื่องของเพศ น้องต้องเล่นเป็นยังหาตัวเองไม่เจอ ไม่อยากมีหน้าอกแต่ตัวจริงเป็นผู้หญิงสายหวาน ฟรุ้งฟริ้ง”
อย่างฟลุท–ชินพรรธน์ (ใบพัด) เคสออทิสซึม คนก็เชื่อเล่นได้เหมือนจนสงสัยเค้าเป็นจริงๆ หรือเปล่า “ไม่ๆ ฟลุททำการบ้านเยอะและไปโรงเรียนที่สอนเด็กที่เป็นออทิสซึมจริงๆ ไปคุย ไปดู อย่างจ๊ะต้องไปดูวิธีการรับมือ การจัดการ ไปดูวิธีการพูดคุย ตัวจริงของฟลุทก็เป็นเด็กร่าเริง คุยเก่ง ส่วนยอร์ชเล่นเป็นเด็กติดเกม แต่น้องบอกว่าน้องก็เล่นเกมแต่ไม่ได้ติดเหมือนบุ๊ค (หัวเราะ) ก็ทำออกมาได้ดี จริงๆเค้าจะเป็นคนขี้แซว ถ้าสนิทจะชอบแกล้ง ก็ไม่ได้ใกล้เคียงตัวจริง ทุกคนจะต้องหาแนวทางของตัวเอง ส่วนน้องเซน (พีค) นั่นก็พลังเยอะ น้องเก่งมากเพราะจริงๆ เป็นตัวละครที่เหนื่อย วันๆกรี๊ดไม่รู้กี่รอบแต่เค้าสามารถเอาอยู่ทุกรอบไม่ดร็อปเลยไม่งอแงเลย”
การทำงานกับอาเล็กมาครั้งนี้เป็นยังไง บ้าง เพราะภาคแรกเรายังเป็นแฟนผู้จัด แต่มาครั้งนี้เราเป็นภรรยาผู้จัดแล้ว
“จ๊ะรู้สึกได้นะ และไม่ชอบด้วยเพราะจ๊ะไม่อยากให้คนมองแบบนี้ มันยากต่อการทำงานของเราในอาชีพนักแสดง เราต้องการให้คนมองเราเป็นนักแสดง อยากให้โฟกัสจุดนี้มุมนี้ไม่อยากให้ใครต้องมารู้สึกเกร็งเพียงเพราะบทบาทในชีวิตจริงเปลี่ยนไป จ๊ะไม่ชอบฟิลลิ่งความรู้สึกแบบนี้ พยายามบอกทุกคน แค่แต่งงานไม่ได้มีอะไรเพื่อให้ทุกอย่างมันไหลลื่น เมื่อไหร่ที่เค้ารู้สึกเกร็งกับเรา มันจะเป็นกำแพงกลายเป็นต่างคนต่างเล่นไม่สุดไม่เต็มที่”
...
เวลาเล่นกุ๊กกิ๊กกับอาเล็กแล้วเอินก็อยู่ในกองด้วยไม่เขินกันแย่เหรอ “เพราะพี่เอินนี่แหละอยากให้เราเล่นให้เต็ม อยากให้เล่นให้เรียล เล่นให้ดูเหมือนสามีภรรยากันจริงๆ ตัวเค้าเป็นคนรีเควสเองด้วย ผกก. เค้าเห็นด้วยไหนๆจะเรียลก็ให้มันเรียลไป”
เอินไม่หึงไม่หวงเมียเราเล่นสวีตกับหนุ่มคนอื่น “ไม่เลย เค้าไม่มีมุมนี้ค่ะ”
อาเล็กน่าจะเกร็งสุดๆ “คิดว่าอย่างนั้น จ๊ะจะคอยบอกตลอด นี่คือทรายกับกร เราต้องมองเป็นทรายกับกรให้ได้ไม่อย่างนั้นจะพาเราไปไม่สุด”
จริงๆ วัยแสบฯ กระแสดีนะแต่เรตติ้งไม่มาก
“มันเป็นอย่างนี้ตั้งแต่ภาคแรก มันเป็นสิ่งที่เราคาดการณ์กันอยู่แล้ว มันไม่ใช่ละครตลาด มันเป็นละครเฉพาะกลุ่ม เป็นละครทางเลือกเป็นสิ่งที่เราคาดการณ์เอาไว้อยู่แล้วไม่มีใครซีเรียสกับตรงนี้เลย กระแสที่คนดูเข้ามาพูดคุยตรงนั้นเป็นสิ่งที่เราไม่ได้คาดเอาไว้ด้วยซ้ำ เราคิดว่าคงมีคนพูด มีรีแอ็กกับเราแต่ไม่คิดว่ามันจะเยอะขนาดนี้”
บ้านมาสเตอร์วัน จะเน้นทำละครแนวสะท้อนสังคมไม่ค่อยมีแนวโรแมนติกอะไร “จริงๆมีนะคะ เมื่อก่อนมาแนวโรแมนติกกุ๊กกิ๊กตลอด จนมาหลังๆ เอินจะมองว่า ถ้าเราทำอะไรที่เป็นการตอบแทนสังคม ทำอะไรเพื่อช่วยสังคมได้บ้างมันจะดีกว่ามั้ย? ในแง่ที่ถ้าเราไม่ได้ทำละครเรื่องนี้ คงไม่มีใครรู้ว่าบทบาท หน้าที่ของนักจิตวิทยา หรือครูไทยจริงๆ เหนื่อยแค่ไหน เราได้รับเสียงสะท้อนจากนักจิตวิทยาจริงๆ คุณครูที่ดูหลายๆท่านก็กรุณาพิมพ์ มาหา ดีใจมากเลยนำสิ่งที่เค้าเป็นจริงๆมาเผยแพร่ อยากให้คนรู้หรือจิตแพทย์เองดีใจ ที่ทำให้คนรู้ว่าคุณมาหาเราได้นะ ไม่ได้แสดงว่าคุณบ้า คือทุกคนอยากให้เมสเสจนี้ได้รับการสื่อสารและเราเลือกที่จะหยิบขึ้นมาทำตรงกับตัวเรา”
...
หลังจากนี้ละครเรื่องนี้รับต่อหรือยังมีแพลนยังไงต่อ
“ตอนนี้หลังจบละครเรื่องนี้จ๊ะยังนิ่งอยู่ ตัดสินใจกันไว้ว่าเราอาจจะเตรียมตัวมีลูก”
ก่อนหน้านี้จ๊ะไม่ได้อยากมีลูกแต่ตอนนี้ความคิดเปลี่ยน “เอาจริงๆ ตอนนี้จ๊ะไม่ได้มีความอยากหรือไม่อยากแต่ถามความพร้อม เราพร้อมอาจจะด้วยก่อนหน้านี้เราสติก ไม่ต้องมีลูกหรอก ด้วยความเราทำละครแนวนี้ เลยรู้สึกปัญหาเยอะจังเลยไม่น่ามีลูกเลยอะไรแบบนี้ ด้วยเราเองมีคนบิลต์เยอะ สองได้เจอผู้ใหญ่หลายๆท่าน เราได้รับการแก้มุมมองหลายๆมุม ซึ่งเราก็รู้สึกได้มันก็จริงในสิ่งที่หลายๆ คนพูด ลองมาปรับใช้มันก็ไม่ได้เสียหายอะไรก็เลยตัดสินใจลองมีก็ได้ ก่อนหน้านี้ มีความกลัว มีความกังวลเลยรู้สึกเราใช้ชีวิตสองคนก็ได้สบายๆ ไม่ซีเรียสกับมัน”
จริงๆตัวเอินอยากมีลูกมั้ย “ตัวเค้าอยากมีลูก เค้าพยายามปรับมุมเรามาตั้งแต่ต้นแต่ปรับไปปรับมาเค้าก็เริ่มไม่อยากมีก็ได้ เราได้ยินเรื่องทางลบมาเยอะเลยเกิดความกังวลแต่พอเราได้คุยกับผู้ใหญ่หลายๆท่าน มันก็จริงหลายๆ อย่างเราก็ต้องปรับกันไปตามสภาพแวดล้อมสภาพสังคม ถ้าเรามากังวลทุกอย่างมันไม่ได้ มันอยู่ที่เรามากกว่าสามารถทำให้เค้าเป็นยังไง”
...
ตั้งใจมีลูกปีนี้ด้วยหรือเปล่า
“คิดว่าจะปล่อยไปเรื่อยๆ”
ไปปรึกษาคุณหมอให้ช่วยจะได้มาแน่มาชัวร์ “จ๊ะกับเอินไปตรวจตั้งแต่แต่งงานแล้ว คุณหมอบอกไม่ได้มีปัญหาทั้งคู่ ถ้าจะมีลูกก็มีได้เลยก็อยู่ที่ตัวเรามากกว่า”
ช่วงนี้งานแสดงจ๊ะพักไว้ก่อน “ใช่ค่ะ จ๊ะรู้สึกว่าอยากตัดความรู้สึกเครียดออก เห็นละครเราเต็มที่มีบ้างที่เรารู้สึกอยู่กับบทเครียด เลยรู้สึกว่าลองสบายๆดู”
พอเอินรู้จ๊ะยอมมีลูกก็ได้สามีจุดพลุฉลองเลยมั้ย “เค้าเซอร์ไพรส์ค่ะ อยู่ๆ เราเปลี่ยนได้ด้วยเหรอ (หัวเราะ) ดูจะเซอร์ไพรส์ โอเคแหละเราได้ปรับมุมมองเพราะที่ผ่านมาเราอยู่กับบทละครมาตลอดมันก็ยากเหมือนกันนะที่เราจะสลัดความรู้สึกนั้นออกไป”
บางคนให้หมอช่วยจะได้กำหนดเองเลย “จ๊ะปล่อยตามธรรมชาติ เรื่องการแพทย์จะเป็นทางสุดท้ายที่เราจะมอง ด้วยความเป็นเราทั้งคู่ลองให้เป็นไปตามที่มันควรจะเป็น ดูสิว่าเค้าจะมามั้ย ถ้าไม่มาแล้วอยากทำมั้ยค่อยมาว่ากันทีหลัง ณ ตอนนั้นอยากทำก็แล้วแต่ เราไม่ได้ฟิกเรื่องนี้เลย”
อาเล็กแซวจ๊ะในรายการ 3 แซบ บอกว่าแมนมาก ถ้าไปงานจ๊ะใส่สูทแต่เอินใส่เดรส
“จ๊ะก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ หมายถึงว่า เราไม่ใช่ผู้หญิงหวาน แต่พี่เอินเค้าจะเป็นคนนุ่มนวล มุ้งมิ้งของเค้าด้วยคาแรกเตอร์ของเราสองคนจะสลับกันหน่อย ความเอาใจใส่ความโรแมนติกจะเป็นพี่เอินเค้าจะมีมากกว่าจ๊ะ”
อยู่ด้วยกันไม่ติดเชื้อความมุ้งมิ้ง “ไม่เป็นค่ะ (หัวเราะ) ความโรแมนติกสุขของจ๊ะคือการเซอร์ไพรส์เค้ากลับเพราะเค้าเป็นคนเซอร์ไพรส์เก่งมากจ๊ะน้ำตาแตกทุกรอบที่เค้ามาเซอร์ไพรส์ เรารู้สึกอยากทำบ้างอยากทำให้เค้าร้องไห้ได้บ้างแต่ไม่สำเร็จ”
จ๊ะต้องลดความห้าวลงก่อนมั้ย “เวลาอยู่ด้วยกัน จ๊ะไม่ได้ห้าวอย่างที่คนข้างนอกมอง เวลาอยู่ข้างนอกเราไม่อยากไปจ๊ะจ๋ามากนักแค่ทุกวันนี้คนจะแซวเรื่องเป็นผู้จัดไปแล้ว ซึ่งจ๊ะไม่ใช่และเราไม่ชอบความรู้สึกนั้น จ๊ะอยากให้คนมองเราเหมือนเดิม เป็นนักแสดง เรารู้สึกว่าเราไม่อยากจิจ๊ะเกินเพราะไม่อย่างนั้นเวลาเราอยู่ด้วยกันคนจะไม่กล้าเข้ามาหา เราจะมีสเปซระหว่างกันเวลาเราทำงานข้างนอก”
ยืนอยู่ที่จุดวางตัวลำบาก “ใช่ค่ะ เพราะจ๊ะไม่อยากให้มองเราอย่างนั้นด้วยและต้องการแสดงจุดยืนเรายังเหมือนเดิมเลย เวลาที่คนมองเลยว่าแมนแต่จริงๆ เราอยู่กันสองคนไม่ใช่ จ๊ะจะมีโมเมนต์ของจ๊ะเหมือนกันค่ะ”.
ทีมข่าวบันเทิง