สลัดลุคคิวต์บอย หล่อหุ่นล่ำ แซ่บ กล้ามแน่นจนสาวๆกรี๊ด มาเป็นหนุ่มชาวบ้าน สำหรับพระเอกหนุ่มเกรท–สพล อัศวมั่นคง โลดแล่นบนแผ่นฟิล์มเป็นครั้งแรก ในภาพยนตร์เรื่อง “แสงกระสือ” ประกบโอบ-นิธิ และมินนี่-ภัณฑิรา งานนี้หนุ่มเกรทยอมรับ การแสดง “หนัง” เป็นอีกหนึ่งความฝันที่อยากทำ อยากพิสูจน์ความสามารถทำได้ดีไม่แพ้ใครๆ แต่ถ้ามีโอกาสก็ยังอยากเป็น “นักบิน” ส่วนความรักยังไม่รีบ แค่อาม่าเอ่ยปากอยากอุ้มหลานแล้ว...ว เท่านั้นเอง ใน “คนดังนั่งคุย”

บทในหนังเรื่องนี้เกรทเล่นเป็นใคร

“รับบทเป็นเจิดครับ หนุ่มบ้านๆ สบายๆ ทำอะไรตามใจตัวเอง คิดอะไรก็ทำ ไม่คิดเยอะอะไรเท่าไหร่”

ต้องปรับเปลี่ยนตัวเองมากมั้ย

“ต้องเล่นให้ดูเด็กลงมาด้วยคาแรกเตอร์ของเจิดอายุ 17-18 ยังไม่ถึง 20 ผมต้องกดลงมาด้วย หลายๆอย่างมีปรับตัว มีเวิร์กช็อป มีเรียนการแสดงเพิ่มขึ้น ตอนแรกติดต่อมาผมดีใจมาก จริงๆผมอยากเล่นหนัง อยากเล่นภาพยนตร์ตั้งแต่เด็กๆ พอได้รู้สึกดีใจเพราะตอนที่เราไปแคสติ้งมีคนเข้าไปแคสเยอะแยะมากมายไม่คิดว่าตัวเองจะได้ พอได้เล่นก็รู้สึกดีและเราจะต้องทำให้เต็มที่”

...

การทำงานตอนถ่ายทำเป็นอย่างไร

“เหนื่อยมาก เราต้องถ่ายทำต่างจังหวัดทุกคิวและไม่ใช่คิวที่ปกติ ปกติถ่ายละครจะถ่ายแค่ช่วงกลางวัน เช้าๆ 8-9 โมงลากถึง 4 ทุ่มเที่ยงคืน แต่อันนี้ไม่ใช่ เริ่มประมาณ 4 โมงเย็นลากยาวถึง 6 โมงเช้า ต้องเปลี่ยนเวลากันหน่อย”

สัตว์ เด็ก เอฟเฟกต์ สลิง หลายๆคนกลัวเจอมาก

“(หัวเราะ) เจอหมดครับ สัตว์ เด็ก เอฟเฟกต์ สลิง เล่นกับเด็กไม่เท่าไหร่เพราะน้องเล่นเก่ง แต่ที่ยากสุดจะเป็นแอ็กชันที่ต้องขึ้นสลิง มันไม่ได้อย่างที่เค้าต้องการ ค่อนข้างใส่ชุดรัดๆ มีการเจ็บนิดๆ ต้องมันต้องเป๊ะ ซ้อมมายังไงตอนถ่ายก็ต้องให้ได้อย่างนั้น พอถอดสลิงออกเดินขากางเลยครับ (หัวเราะ) เพราะต้องใส่ชุดรัดหมดทั้งตัว แค่ระบมนิดหน่อย แต่ยากสุดซีนอารมณ์มากกว่า และหนังเรื่องนี้ถ่ายทำกันอยู่ในป่าทั้งเรื่อง ตั้งแต่คิวแรกยันคิวสุดท้าย แล้วผมบทเป็นชาวบ้านซึ่งผมเป็นคนขาวก็ต้องทาตัวดำให้ผิวแทนๆ จะดูขาวเกินหนุ่มชาวบ้านก็คงไม่ใช่ เสร็จกองตี 5 กลับมาอาบน้ำ ได้พักจริงๆ 8 โมง บางวันกลับมาจากกองหนังไปต่อละคร วันนั้นก็จะน็อกไปเลย สาหัสแต่สนุก ต้องไหวต้องตื่นตัวตลอด เราก็จะพยายามห้ามดร็อปตัวเอง เราต้องฮึบ! ถ้าใจอ่อนกับตัวเองทุกอย่างเรียบร้อย ต้องอึดพอสมควร”

การร่วมงานโอบและมินนี่ เป็นอย่างไรบ้าง

“ตอนแรกผมรู้สึกกดดันตัวเองมากสุด ด้วยผลงาน ชั่วโมงบินของผมน้อยสุด เราจะทำได้มั้ย พอเริ่มไปเวิร์กช็อป ไปถ่ายจริงๆ ทั้งสองคนเป็นนักแสดงที่เก่งมากเค้าส่งอารมณ์ให้ผมเล่นแล้วรู้สึกจนผมอยากส่งอารมณ์กลับไป เล่นแล้วรู้สึกรับส่งไปมาได้เรื่อยๆ เล่นแล้วลื่นไหล มีความสุขได้เล่น อยู่ในกองได้คุยกัน เวลาเข้าฉากไม่เกร็งไม่แข่งกัน คุยกันบ้าง ถ้า 3 คน ผม โอบและมินนี่ มินนี่คุยเก่ง กินเก่งสุด”

งานละครก็คิวแน่นๆ

“ตอนนี้มีถ่ายละคร สองนรี พี่มิน-พีชญา, พี่ธันวา ช่วงแรกๆของเรื่องยังไม่ได้เข้มข้นอะไรมาก”

ขึ้นมาละครหลังข่าวแล้ว

“ใช่ครับ เป็นละครเรื่องแรกที่ก้าวขึ้นมาเล่นละครหลังข่าว”

มีความกดดันมั้ย

“กดดันครับ เป็นปีที่ผมเจออะไรใหม่ๆหมดเลย อย่างละครเพิ่งก้าวเข้ามาก็ต้องเล่นกับพี่ๆเค้าแล้ว กดดันอีกแล้ว เล่นภาพยนตร์เรื่องเราเป็นน้องใหม่ เล่นละครเหมือนเราก็เด็กสุดเลยรู้สึกเอาหน่อย มีต้องทำการบ้านเพิ่มเติม อ่านบทอ่านแล้วอ่านอีก”

ตอนนี้ก็ขยับเป็นพระเอก

“ผมไม่ได้เป็นพระเอก พี่ธันวาเป็นพระเอก ผมเป็นคนดำเนินเรื่องมากกว่า เราแค่รู้สึกเราเป็นใครในเรื่องเราต้องรักษาเส้นเรื่องไม่ให้ดร็อป ทำให้มันดีไปเรื่อยๆ เป็นตัวหลักยิ่งเกร็งพอสมควร ตอนแรกรู้เล่นกับพี่มินก็เกร็ง พอไปถึงจริงๆ พี่มินใจดี คอยแนะนำทำให้เราไม่เกร็ง พี่มินจะบอกเล่นเลยๆ เล่นได้ ผมจากเล่นละครซิทคอม มาเป็นละครก่อนข่าว และขึ้นมาละครหลังข่าว”

เข้าวงการมาเต็มตัวขนาดนี้ทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนไปเยอะมั้ย

“รู้สึกเปลี่ยนแต่ไม่ได้เปลี่ยนเยอะขนาดนั้น เราต้องเปลี่ยนที่ตัวเรา เพราะว่าเรามีคนคอยจับตามองอยู่ด้วยและเห็นเราเป็นแบบอย่างด้วย เราเลยรู้สึกว่าต้องทำตัวให้มันดีขึ้น จริงๆผมเป็นเด็กคนนึงที่เรียนมาไม่ได้คิดว่าจะได้เข้าวงการ พอผมได้โอกาสก็ทำให้มันดีที่สุด”

สิ่งที่ร่ำเรียนมาได้ใช้บ้างมั้ย

“ยังไม่ได้ใช้เลยครับ อุตส่าห์เรียนมา 4 ปี ที่เรียนมายังไม่รู้เลยจะไปทำตอนไหน ใจผมอยากเป็นนักบินแต่ตอนนี้ก็ทำงานตรงนี้ก่อน แต่มีหลายๆคนก็บอกว่าลองสอบดู ควบคู่กันไปก็ได้ เราอยากจะโฟกัสตรงนี้ไปก่อนดีกว่า”

...

พอทำงานวงการแม่ห่วงหรือหวงเกรทเรื่องอะไรมากสุด

“เค้าเป็นห่วงมากกว่าเพราะถ่ายละครกลับบ้านดึก เช้าจะตื่นไหวมั้ย ขับรถไหวมั้ย จะห่วงการกินเพราะผมผอมลง บางทีไม่หิวก็ไม่กิน เค้าจะห่วงตรงนี้ เราพยายามปรับปรุงหลายๆอย่าง พยายามกลับบ้านให้เร็วไม่เถลไถล ทำงานกลับให้เร็วหน่อย”

จะไม่ค่อยเห็นเกรทไปปาร์ตี้กับเพื่อนฝูงกลางคืนเท่าไหร่

“มีบ้างนานๆที ด้วยคิวละครไม่ตรงกับใคร เพื่อนผมทำงานออฟฟิศกัน เวลาก็จะไม่ตรงกัน บางทีเค้าไปกินกัน เราก็ไปกินข้าวกับเค้าไม่ได้ ติดคิวละคร นานทีเจอจริงๆ แต่ก่อนเจอเพื่อนบ่อยมาก เดือนนึงครั้งสองครั้งแต่เดี๋ยวนี้หายไป ตอนนี้กลายเป็นชวนเพื่อนมาทำกับข้าวกินที่บ้านผมแทน”

ความรักตอนนี้มีสาวๆเข้ามาคุย

“ยังไม่มีครับ”

ไม่มีหรือไม่ได้หากันแน่

“ด้วยเราไม่หาด้วยแหละ เรารู้สึกว่ามันมีเดี๋ยวมันก็มา ถ้าเราไปหาแล้วสิ่งที่เราทำอยู่ จะเบนความสนใจที่ตรงกันมากกว่า ถ้ามีแฟนผมเป็นคนทุ่มให้กับความรักให้เต็มที่เหมือนกัน ทำอะไรผมอยากทำให้เต็มที่ ผมจะโดนแซวว่าตอบเป็นดารา แต่จริงๆ มันเป็นอย่างนั้นพอเข้ามาทำจริงๆ จะรู้ว่าตัวเรายังไม่เก่ง ไปหาอย่างอื่นทำแล้วเราจะพัฒนาได้อย่างไร แต่จริงๆอยู่ที่คนแบ่งเวลา แต่ผมให้เวลาตรงนี้มากที่สุด โฟกัสที่เรื่องงานแสดง เพราะการแสดงผมก็ยังแสดงไม่เก่ง ร้องเพลงผมก็ไม่ได้เก่งมาก ผมอยากทำงานในวงการให้เก่งขึ้น เอาเวลาพวกนั้นมาฝึกตัวเองดีกว่า”

...

โสดมานานขนาดไหน

“เข้ามา อูย...ย หลายปีอยู่ 3-4 ปีแล้วครับ ก่อนเข้าวงการมีคนคุยแหละ พอเราทำงานตรงนี้เค้าก็ทำงานเลยไม่มีเวลา ก่อนหน้าผมคิดเหมือนกันทำไมดาราชอบตอบว่าเวลาไม่ตรงกัน เอาจริงๆขนาดเพื่อนยังไม่ได้เจอกัน หลายๆอย่างเปลี่ยนต่างคนต่างทำงานให้ตัวเอง ต่างทำหน้าที่ให้ตัวเองก่อน”

แฟนเก่าเราได้เจอกันบ้างมั้ย

“เจอๆครับเพราะเป็นเพื่อนรุ่นพี่กลุ่มเดียวกันอยู่แล้ว เจอกันบ้างเหมือนเดิม ยังทักทายกันปกติ”

ชีวิตที่มีแต่งานอย่างเดียวเหงามั้ย

“เหงาบ้างครับ แต่ผมหากิจกรรมทำก็ลืมเรื่องพวกนั้นไปแล้ว ผมอยู่กับหมาที่บ้านเพราะหมาผมเพิ่งขวบกว่าเอง เหงามั้ยก็มีช่วงเวลาเหงาเพียงแต่ว่าเราจะจัดการอย่างไร เราจะใช้อะไรกำจัดความเหงามากกว่า”

ก่อนหน้ามีคนเข้ามาถูกชะตาต้องใจ

“มีถูกตา ถูกใจเราก็ยังไม่ได้ไปลอง ยังไม่ได้คุยขนาดนั้น เราไม่ได้ต่อ มันก็หายไป เราไม่ชอบคนนี้เห็นผ่านๆ สวยดี เหมือนเราชมคนปกติทั่วไป ไม่มีใครก็ต้องอยู่ให้ได้ สบายๆ”

...

แม่เริ่มถามเรื่องฟงแฟนหรือยัง

“พ่อแม่ไม่ถาม คนที่ถามคืออาม่า เมื่อไหร่จะมีหลาน ก็บอกว่าทำงานครับ เจอทุกครั้งถามทุกครั้งไว้ก่อนเดี๋ยวค่อยมี”

แปลกนะปกติอาม่ามักหวงหลานมากกว่า

“เค้าอยากอุ้มหลานแต่ผมไม่พร้อมจะโบ้ยให้พี่สาวก่อน (หัวเราะ)”

กับความรักวางไว้อีกนานแค่ไหนให้เวลากับมัน

“ตอนนี้ดูแลตัวเองก่อน ดูแลที่บ้านให้ได้ก่อนดีกว่า ผมเชื่อว่าผู้หญิงสมัยนี้ดูแลตัวเองได้ ด้วยความเราเป็นผู้ชายก็อยากดูแลเค้าให้ดีที่สุด แต่ถ้าเราดูแลตัวเอง ตราบใดที่เรายังดูแลคนที่บ้านไม่ได้เลยแล้วเราจะไปดูแลคนที่เค้าจะมาอยู่กับเราได้ยังไง เราจะเอาลูกเค้ามาก็ต้องดูแลให้ได้มาตรฐานที่พ่อแม่เค้าดูแลก่อน”

จริงๆรักคนยาก

“ถ้าผมรักใครก็รักเลย ไม่ว่าใครที่เข้ามาในชีวิตผม ผมจะให้ใจ เราไม่รู้ต่อไปจะเป็นยังไง แต่เราให้ใจไปก่อน”

3–4 ปีในวงการบันเทิงกับชื่อเสียงในวันนี้พอใจแล้วหรือยัง

“สำหรับตัวผมก็ว่ามาไกลพอสมควร ผลงานเราแค่นี้แต่มีคนติดตามขนาดนี้ มีคนรักเท่านี้ ผมว่าผมก็มาไกลพอสมควรแล้ว แค่เรารู้สึกเราอยากทำให้มันดีกว่านี้ ทำให้คนที่ติดตามหรือพ่อแม่ภูมิใจในเส้นทางที่เราเลือกมากกว่า เพราะจริงๆแล้วเค้าอยากให้ผมทำงานอย่างอื่น แต่ผมอยากทำงานตรงนี้ อยากทำให้เค้าเห็นว่าผมทำได้นะ”.

ทีมข่าวบันเทิง