ดุเดือด แรง แต่เรียบ คมคาย, 2 คำจำกัดความสุดท้าย คล้ายสไตล์เสื้อผ้า ASAVA ของ หมู อาซาว่า
ในวาระ 48 ปี ของ 'หมู อาซาว่า' ผมและ Thairath Talk คุยทุกเรื่อง พิเคราะห์ช่วงชีวิตที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมา 48 ปี โดยเฉพาะเรื่องการที่เข้าไปทำชุดนางงามที่กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก
คำถามตรงๆ และ 'หมู อาซาว่า' ก็ตอบตรงๆ แบบตีแสกหน้าคนวิจารณ์เช่นกัน
และนี่คือกว่าจะเป็น 'หมู อาซาว่า' ที่รับประกันได้ว่าตัวจริงกับบทสัมภาษณ์แซ่บไม่แพ้กัน
'หมู อาซาว่า' - ชีวิตที่พระเจ้า (ไม่ได้) ประทานพร
Thaitath Talk เดาว่าตอนเด็กๆ ฝันว่าอยากเป็นดีไซเนอร์?
ไม่ได้คิดว่าเป็นดีไซเนอร์ ย้อนมองกลับไป 30 ปีที่แล้วคำว่าแฟชั่นมันยังเป็นอาชีพที่ทำมาหากินเป็นเรื่องเป็นราวยังไม่ได้
ซึ่งต่างจากกับปัจจุบันมันก็จะคล้ายๆ กับการที่เรามองกลับไปถึงอาชีพนักแสดงเมื่อ 30-40 ปีก่อนมันคืออาชีพเต้นกินรำกินคนก็จะมองว่าถ้าผ่านจะครอบครัวและธุรกิจที่เป็นค่อนข้างเขามองหาแสวงหาความมั่นคงให้กับลูกหลาน อาชีพในแวดวงแฟชั่นหรือวงธุรกิจบันเทิงมันก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดว่าเราควรทำควรเป็น
สมัยก่อนแฟชั่นไม่มีตัวตนเลย จะมีห้องเสื้อมีพี่ไข่มา อีกรุ่นนึงอาจจะมาเป็นพวกพี่ป้อมที่จอมเธียร์เตอร์ พี่กบโซดา แล้วก็อาจจะต่อคนที่อาจจะทำเป็นอุตสาหกรรมมากที่สุดก็คือพี่แดง greyhound แต่ว่ามันก็ไม่ได้เป็นอุตสาหกรรมแฟชั่นที่มีมูลค่าใหญ่อะไรมากมาย มันก็เลยยังเป็นอาชีพรู้สึกว่ามันไกลจากความฝัน ไกลกับความเป็นจริงค่อนข้างเยอะ แต่ว่าก็ลึกๆ แล้วมีความรู้สึกว่าเราอยากจะทำอะไรที่มันเข้าข้องแวะเกี่ยว
...
Thaitath Talk ย้อนไปตอนนี้ ด.ช.พลพัฒน์ มีความพิเศษในตัวไหม
ไม่มี ไม่ได้มีความสามารถ เราเป็นเด็กเรียบๆ ง่ายๆ ธรรมดา เราอาจจะมีตัวตนกว่าคนอื่นหน่อยเพราะว่าเราชอบอ่านหนังสือ ชอบฟังเพลงที่มันโตกว่าชาวบ้านเขาจะเริ่มเราจะเริ่มอ่านหนังสือก่อน เราอาจจะเริ่มแสวงหาสิ่งที่มันแตกต่างจากเด็กในวัยเดียวกัน อาจจะเริ่มฟังเพลงแจ๊ส ซึ่งเราอายุ 15-16 เราก็รู้จักเพลงพวกนี้แล้วเราก็เร่ิมซื้อหนังสือต่างประเทศ รู้จักงานศิลปะมากกว่า ไม่ได้มีความสามารถพิเศษอะไร ความสนใจเราอาจจะไมได้เหมือนกับคนอื่นๆ ในเด็กรุ่นเดียวกันเท่านั้น
Thaitath Talk เป็นเด็กแปลกแยกไหม ฟังดูน่าจะแปลกแยก
ไม่นะ ค่อนข้างเป็นที่รัก คือเราเป็นคนที่มีเพื่อนสนิทต่างๆ เป็นกลุ่มเป็นก้อนมากมาย ไม่ค่อยมีบุคลิกที่มันแปลกประหลาด ส่วนใหญ่ก็จะกลมกลืนไปได้กับทุกคน แล้วก็ไม่ได้เป็นเด็กที่คนเขารู้สึกว่าเราเป็นอะไรที่มันประหลาด
Thaitath Talk ความสามารถที่พี่หมูได้มาวันนี้เรียกว่าพระเจ้าประทานพร?
ไม่รู้เหมือนกัน ไม่เคยได้คิดนะครับ ถามว่าเรา Gifted (พรสวรรค์) หรือเปล่า พี่ไม่ได้เชื่อเรื่อง Gifted แต่ว่ามันอาจจะเป็นโชคชะตาเหมือนกัน เพราะว่าเรารู้สึกว่าเราเกิดมาเราอยากทำสิ่งนี้ และเราก็โชคดีที่เราได้มีโอกาสทำมัน แล้วก็มีความสุขกับการทำงาน ณ วันนี้ถามว่าเราเก่งกว่าคนอื่นไหม ก็ไม่เคยคิด กลับรู้สึกว่าเราไม่ได้เป็นคนเก่งเพียงแต่ว่าเราอึด
เราชอบทำ ตั้งใจทำ แต่ถามว่ามองรอบข้างไปมีคนเก่งกว่าเราตั้งเยอะ เราดูแล้วเป็นแรงบันดาลในการใช้ชีวิตให้กับเราตั้งเยอะ เรากลับรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เป็นคนพิเศษอะ พูดเป็นเล่น เราอาจะได้คลุกคลีอยู่กับสิ่งที่เรารัก และเราไม่เคยยอมแพ้ อาจจะเป็นข้อนั้นมากกว่า แต่ถามว่าคุณสมบัติอื่นๆ ที่เราคิดว่ามันจะนำมาซึ่งการประสบความสำเร็จ เราก็ไมได้คิดว่าเรามีอะไร โดดเด่น
Thaitath Talk ย้อนกลับไป มีสิ่งอะไรต้องแลกมา กว่าจะเป็น หมู อาซาว่า
เมื่อวานเพิ่งคุยกับน้องๆ ต้องแลกน้ำพักน้ำแรง และหยาดเหงื่อแรงงาน ด้วยหลายสิ่งหลายอย่าง ถ้าย้อนกลับไป 48 ปี เราไม่เคยทุกข์ร้อนเลย เราลำตัวลำบากใจ ลำบากกาย-ใจ แต่เรารู็สึกว่ามันต้องมีอุปสรรค ต่างๆ ผ่านภาระ แต่มองย้อนกลับไป 48 ปีก็ดี ที่ผ่านมา แล้วก็มีคนทักว่าปีหน้าจะดีขึ้นอีก ก็ดี เพราะเรารู้สึกว่าเราไม่เคยตกระกำลำบาก ถึงแม้คนจะมองว่าเราไปตกระกำลำบาก เราก็ไม่รู้สึกเพราะคิดว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
มันเป็นบทเรียนของชีวิตมันเป็นแบบฝึกหัดของชีวิตมันสอนให้เรามุมานะเพิ่มขึ้น มีความเพียรมากขึ้น มีความตั้งใจในการใช้ชีวิต เรามองว่ามันไม่ได้เป็นความทุกข์ แต่มันเป็นสุขมากกว่าที่ได้เรียนรู้จักกับความทุกข์ และนำความรู้เหล่านั้นมาสั่งสอนตัวเอง เพื่อตัวเองจะได้พัฒนาฉะนั้น ก็ไม่เคยมองปัญหาอุปสรรคเป็นศัตรู แต่มองอุปสรรคปัญหาเป็นเพื่อนมาตลอดแล้วการที่อยู่กับความทุกข์ โดยที่รู้สึกว่าเขาเป็นเพื่อนมันก็เราเป็นสุขเพราะฉะนั้น 48 ปีที่ผ่านมา ก็รู้สึกว่าไม่เคยเจออะไรที่มันทุกข์แสนสาหัส
...
Thaitath Talk 48 นับถอยหลังมองอดีต เราอาจจะตกผลึกได้แบบนี้ แต่ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ 10 ปี คำตอบอาจจะไม่ใช่แบบนี้
เราอาจจะตกผลึกคิดได้แบบนี้แต่ถ้าย้อนกลับไปก่อนหน้านี้คำนี้อาจจะไม่ใช่ พอประสบการณ์เยอะขึ้น
คิดเป็นมากยิ่งขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำอยู่ทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อที่แขวนอยู่ มันเป็นสิ่งที่เราฝันตั้งแต่เด็ก เราอยากจะมีถ้าถามตรงๆ ทุกอย่างที่เป็นใกล้เคียงกับที่ฝันอยู่เมื่อ 20 ปีก่อน เกือบ 100% (10.51) ชีวิตที่เราเป็นอยู่ ก็เป็นชีวิตที่พี่ฝันอยู่สมัยก่อนเกือบ 100% แต่ว่าในอดีตความฝันมันมีแต่ความสวยงาม ณ วันนี้เราก้าวเข้ามามีสิ่งที่เราฝัน
มันมีปัจจัยแวดล้อมและมันก็มาพร้อม สิ่งที่มันไม่ได้สวยงามเสมอไป เพียงแต่ว่า ณ วันนี้เราเข้าใจแล้วว่าทุกอย่างมันมีทั้งด้านหน้าและด้านหลังในวันที่เรามีทุกอย่างที่เราใกล้เคียงความฝัน แต่มันก็มีภาระกันแต่ที่มันที่เราปฏิเสธไม่ได้ มุมมองเราอาจจะเปลี่ยนแปลงไป
Thaitath Talk 48 ปี เวลาเราต่อสู้เพื่อที่จะได้มาจนปัจจุบันนี้ อะไรยากมากที่สุดสังคมครอบครัว?
ตัวเองนะ สุดท้ายแล้วคนเราแล้วพี่คิดว่า มนุษย์เนี่ยสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะมีปัจจัยที่มันจะเอื้อต่อการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข คำว่ามีความสุขในที่นี้อาจจะมองว่าประสบความสำเร็จ ชื่อเสียง เงินทอง อะไรก็สุดแล้วแต่ พี่ว่า วิธีคิดของคนๆ หนึ่ง เป็นาสิ่งที่สำคัญที่สุด
และคิดอย่างเดียวไม่ได้ด้วย 1 คิด 2 ทำ 3 ต้องมีความต่อเนื่อง หลักการพวกนี้ ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่พระพุทธเจ้าคิดมา 2,000 กว่าปีละ มันเป็นเรื่องที่เรารู้สึก ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา มันก็เป็นสูตรความสำเร็จของทุกคนอยู่แล้ว
...
'หมู อาซาว่า' - ช่วงไหนของชีวิต
Thaitath Talk ตอนนี้ หมู อาซาว่า อยู่ในช่วงไหนของชีวิต ?
พี่ว่าเราอยู่ในจุดเริ่มต้นแค่ 1-2 ของสิ่งที่อยากเป็นหรืออยากทำหรือ 3 พี่ไม่เคยมองตัวเองเลยว่าเป็น เพอร์เฟกชั่นนิสต์เลยแม้แต่น้อยหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นนอนเพอร์เฟกชั่นนิสต์ เพราะว่าเราเป็นคนชอบทำแล้วเราก็ทำทุกอย่างอย่างที่เป็นไปได้
หลายคนมองว่าเราเป็นคนที่มุมมองชัดเจน สบู่ที่ใช้ ต้องแบบนี้ พรมเช็ดเท้าต้องแบบนี้ ผ้าเช็ดเท้าต้องสีนี้ เราก็จะเป็นคนที่อยู่ในโลกของเรา ต้นไม้ต้องเป็นสีนี้ ถามว่าคนรอบข้างเหนื่อยไหมก็ อาจจะแรกๆ แต่องค์กรเราเป็นองค์กรเล็กๆ ที่ซ่องสุมผู้คนที่มีวิสัยทัศน์เหมือนกันที่มีมุมมองเหมือนกัน
ชอบในสิ่งเดียวกัน มีเป้าหมายปลายทางชีวิตเดียวกันแบบนี้ ดังนั้นเขาจะมองเรื่องที่ใครมองว่าไรสาระแบบนี้แต่สำหรับเราหรือพี่มองว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ ทุกคนจะรู้หมด ถ้าสบู่ล้างมือผิดสี เราก็จะไม่แฮปปี้ ถ้าผ้าเชดเท้าเปลี่ยนผิดสี ทุกคนรู้ทุกคนจะเข้าใจ ทุกคนก็จะมีมุมมองและวิสัยทัศน์อันเดียวกัน เขาจะมีความสนุกกับสิ่งไร้สาระของพี่ มันก็จะซ่องสุ่มกลุ่มคนที่บูชาความไร้ความสาระเหมือนกัน และมองเห็นความไร้สาระนี่เป็นสาระในชีวิตร่วมกัน อาชีพนี้เป็นอาชีพที่ไร้สาระทั้งสิ้น ของต้นไม้ ชอบฟังเพลงทำอาหาร ชอบซื้อไวน์ชอบซื้อหนังสือคนก็จะบอกว่าเราอยู่กับสิ่งที่มันไม่มีสาระ แต่สิ่งต่างๆ มันคือชีวิตของพี่
ไม่ว่าจะเป็นงานศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นไวน์ ไม่ว่าจะเป็น ต่างๆ เป็นต้นไม้ใบหญ้าดอกไม้ แก้วจานชามที่เราสะสมมา มันก็กลายเป็นสำมาอาชีพของเราทั้งนั้น
...
สำหรับเราเป็นเรื่องที่มีสาระมากเรานำสิ่งต่างๆ ที่มันไม่มีสาระมาเรียงต่อร้อยกันแล้วก็ทำให้มันเกิดเป็นกระบวนความกระบวนการคิดและมีมุมมองที่ชัดเจนมันคือสาระสำคัญของชีวิตคนคนหนึ่งถามว่ามันมีมุมมองยังไงในโลกใบนี้ และอยากจะใช้ชีวิตยังไงให้คนเขารู้สึกยังไงกับตัวเราจะทำให้คนเขารู้สึกยังไง ที่สุดแล้วมันก็คือความเป็นคน
Thaitath Talk ในแบรนด์อาซาว่าอยู่ในช่วงไหนของมัน
ยังไม่พอใจเลยครับ คอนเทนต์ ก็มันก็จุดที่ดีจุดหนึ่ง แต่ว่าไม่ได้จุดที่เรา คิดว่ามันยังไปได้อีกเยอะ
Thaitath Talk ทำแบรนด์ให้กับนางงามยังไม่ถึงจุดสูงสุด
จริงๆ นางงามเป็นหน้าที่ มีผู้ใหญ่หลายท่านให้ความเมตตาอยากให้เราทำ ถ้าใครสังเกตเสื้อผ้าพี่ก็จะไม่ใช่สายนางงาม นิ่งๆ โก้ๆ เรียบๆ เราก็บังเอิญได้จับพลัดจับผลูคุณแดง (สุรางค์ เปรมปรีดิ์) และน้องออน (ชิชญาสุ์ กรรณสูต) ที่ชวนเราเข้าไปทำ ทำดีต่อเนื่องจริงๆ
จริงๆ ไม่ใช่มันไม่ใช่วิถีคิดของอาซาว่าเท่าไรนัก คนก็ชอบโทรมาว่าทำให้แบรนด์ดังขึ้นไหม ซึ่งสิ่งที่ทำให้กับแบรนด์ก็คือทำให้คนรู้จักชื่อแบรนด์มากขึ้น ถามว่ามีผลเพิ่มยอดขายให้กับแบรนด์ไหม ไม่ได้ไปกับดีเอ็นเอกับเราแต่ในเชิงแมสมันคงช่วย แต่เชิงของธุรกิจมันคงไม่ได้ช่วยอะไรมากมาย
แล้วก็พี่เองก็พี่ก็ไม่ได้โม้ว่าบริษัทขายเสื้อ สุดท้ายแล้วก็เป็นบริษัทที่ทำเสื้อขายเสื้อนั่นแหละ แต่เราไม่เคยมองว่าเราเป็นบริษัทที่ขายเสื้อถ้า เรามองว่าเป็นบริษัทที่ ขายความคิด ขายวิถีคิด ขาย Lifestyle ขายความฝันหรือปรัชญาบางอย่างให้กับคนที่ซื้อเสื้อผ้าของเรามากกว่า
คนถ้าคิดเป็น รู้จักคิด ก็จะกินเป็น อยู่เป็น แต่งตัวเป็น สำหรับพี่ทุกอย่างมันเริ่มต้นที่วิธีคิด เพราะฉะนั้นเสื้อผ้าที่นี่มีวิธีคิดที่ชัดเจนเพราะเราทำการสื่อสารกับผู้หญิงที่คิดในแบบเรา ถ้าผู้หญิงคิดในแบบเรา เขาก็จะรับประทานในแบบเรา กินนอนในแบบเรา และในที่สุดเขาก็จะสวมเสื้อผ้าในแบบที่เราออกแบบ เพราะฉะนั้นสำหรับพี่เราไม่ได้เป็นเป็นบริษัทที่ตื่นขึ้นมาแล้วก็คิดว่าเราจะเย็บเสื้อขายไปวันๆ
แต่เสื้อผ้าทุกตัวเรามีแนวคิดที่ชัดเจน มีการสื่อสารที่ชัดเจนว่า เรากำลังจะอยากบอกอะไรกับโลกใบนี้แล้วผู้หญิงที่สวมเสื้อของเรากำลัง Translate Message อะไร ทั้งตัวเขาแล้วก็สิ่งที่เขาพยายามให้กับคน มองเห็นเขา และสิ่งที่เขาเป็นมากกว่า
Thaitath Talk สำหรับคนที่รู้จักอาซาว่า จริงๆ DNA หรือว่าเอกลักษณ์ของอาซาว่าคืออะไร
พูดภาษาชาวบ้านเรียก เรียบ โก้ แต่ถ้าเป็น DNA ภายในบริษัทเรามันก็จะมี 5 คำ 1. Urban 2. Sophisticated 3.Realistic 4. intelligence 5.Authentic อันนี้คือไบเบิลในการทำงาน คำที่สำคัญมากสุดก็คือคำว่า intelligence เราทำเสื้อผ้าสำหรับผู้หญิงฉลาด ฉลาดไม่ใช่ไอคิวแต่ฉลาดคิดเป็น ฉลาดใช้ชีวิตแล้วก็คำว่า Authentic ถ้าเราในภาษาในองค์กรเราเรียกว่าความความมีเนื้อแท้ผู้หญิงก็ต้องรู้จักเนื้อแท้ของตัวเองต้องรู้จักคุณค่าของตัวเองมองเห็นสิ่งที่ตัวเองเป็นและมองเห็นมองเห็นคุณค่าของสิ่งที่ฉันเป็น
เพราะฉะนั้นเสื้อผ้ามันถูกทำขึ้นมาเพื่อให้เขา เขาเรียกว่าตอกย้ำถึงคุณค่าของสิ่งที่ตัวเองเป็นมากกว่าสิ่งอื่นใด เราก็จะพูดเยอะๆ เวลาเราออกแบบเสื้อผ้าฉลาดพอไหม มันมีความเที่ยงแท้พอไหม เวลาคนมาสัมภาษณ์เราจะถามว่าเราทำเสื้อผ้าแล้วเราคิดยังไงกับเสื้อผ้ามันเขาก็จะงงว่าเรื่องราวการทำเสื้อผ้าของเราค่อนข้างเป็นเป็นกระบวนการคิดจะค่อนข้างเยอะ
จำได้ว่าเคยเขียนบทความนึงแล้วก็หมอโอ๊คก็บอกว่าผมเพิ่งรู้ว่าการออกแบบเสื้อผ้าเนี่ย มันใช้ความคิดซับซ้อนขนาดนี้เลยเหรอ
เพราะๆ ที่มาที่ไปของวิธีแก้ทรงเสื้อผ้าเขาบอกเลยเขาเห็นค่าในสิ่งที่พี่กำลังพูดเขียน เราก็ดีใจก็จะมีคนเข้าใจว่า หากใครอยากจะทำเสื้อแบบฉาบฉวยมันก็ยอมเป็นได้ แต่ที่นี่เราไม่ทำเสื้อแบบฉาบฉวย เราทำเสื้อเข้าไปถึงแก่นของความงาม หรือแก่นของความเป็นคน
Thaitath Talk ชอบที่คุณบอกว่า ที่อื่นคนเลือกเสื้อผ้า แต่ที่นี่เสื้อผ้าเลือกคนใส่
เราเคยผ่านยุคสมัยที่เราเติบโตเร็ว แล้วก็เปิดสาขาเยอะ พยายามจะทำเสื้อผ้าให้คนมากมายหลายแบบ แต่สุดท้ายก็กลับมาที่จุดเดิมว่าเราไม่มีความสุข เราอยากทำเสื้อในแบบที่เราเชื่อ ด้วยแบบ ด้วยวิธีคิด มันจะเลือกคนใส่ไปโดยปริยาย เสื้อสายเราไม่ใข่เสื้อที่สายเอะอะ ไม่ใช่สายโฉ่งฉ่าง ไม่ใช่เสื้อที่มันสายหวือหวา มันเป็นเสื้อที่มีความละเอียด มึความประณีตแฝงอยู่ในเสื้อทุกๆ ตัว
ฉะนั้นมันก็จะเป็นผู้หญิงที่มีมุมมองต่อโลกแบบนั้น
'หมู อาซาว่า' - เสียงวิจารณ์ ผมไม่ได้ฟัง
Thaitath Talk การทำชุดนางงามคุณถูกวิพากษ์วิจารณ์มาก ปี 'มารีญา' ได้รับแมสเสจนี้มาบ้างไหม
พี่ไม่เคยฟัง พี่เป็นคนที่โชคดีมาก พี่อาจจะอายุมากแล้วพี่รู้ว่ามนุษย์อยู่ได้อย่างมีความสุขได้มันต้องมีความสันโดษ คำว่าสันโดษก็คือรู้จักเลือกที่จะฟังรู้จักสังเคราะห์ในสิ่งที่มันมีประโยชน์กับชีวิต ฉะนั้นพี่เป็นคนไม่ค่อยพี่บอกกับทุกคน พี่เกิดมา ณ เวลานี้ พี่มีโอกาสได้ทำในสิ่งที่รัก ฉะนั้นพี่ก็จะทำในสิ่งที่พี่รัก และก็รักในสิ่งที่พี่ทำ
ทุกวันนี้พี่มีคนรักเยอะแยะ พี่ไม่จำเป็นต้องทำงานพี่เพื่อให้เป็นที่รัก เพราะว่าพี่ไม่ใช่นักการเมือง พี่ไม่ต้องหาเสียง พี่ไม่ได้ใช้เสื้อพี่หาเสียง เพราะฉะนั้น เขาจะรักงานพี่หรือไม่รักงาน พี่มันไม่ได้มันไม่มีผลกับความสุขของชีวิตพี่ ความสุขของชีวิตพี่ คือทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด
เชื่อมั่นว่าสิ่งที่เราทำมันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับโจทย์นั้นๆ เราแฮปปี้กับมันหรือเปล่า โอเคถ้ามันมีคำติคำชมเราเลือกที่จะฟังคำติ-คำชมที่มันมีคุณธรรมมีจริยธรรมอะไรที่ฟังแล้วมันรกหูรกสมองแล้วมันไม่สามารถเอากลับไปใช้ได้ในชีวิตก็ไม่ต้องไปฟัง
เพราะว่าโลกเรามันอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยข้อมูลข่าวสารต่างๆมากมาย บางคนก็พูดจาคติพจน์ บางคนก็พูดจากไม่มีความรู้ บางคนก็พูดจากรสนิยมส่วนตัว ถ้าพี่ต้องสังเคราะห์ในสิ่งต่างๆ เหล่านั้นแล้วก็เก็บเกี่ยวมาเป็นเสียงที่มันวิ่งกลับไปกลับมาอยู่ในหัวพี่คงทำอะไรไม่ได้ คนเราเป็นมนุษย์อยากเป็นมนุษย์ที่มีความสุขและมีคุณภาพ
จำได้คำตอบของอีฟแซง โลรองต์ สมัย 1970 เขาถามว่าอีฟแซงว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตการเป็นดีไซเนอร์ เราก็จำคำนี้ไว้ตลอดเพราะมันเป็นคำตอบที่เก๋ไก๋เหลือเกิน อายุ 17-18 เราก็ไปหาคำตอบว่าหมายความคือคำว่า 'สันโดษ' กว่าเราจะรู้สึกว่ามันมีประโยชน์ต่อชีวิตอย่างไรมันก็ย่างเข้ามาวัยกลางคนแล้ว ซึ่งมันก็เป็นความจริงว่าถ้าเราจะเป็นนักคิด ต้องรู้จักคำว่า 'สันโดษ'
Thaitath Talk เสื้อผ้าไม่สวย มารีญา เราอยากจะบอกอะไรเขาบ้าง
พี่ว่าเสื้อผ้าเป็นเรื่องของ Substantive มาเถียงกันว่าสวยหรือไม่ได้สวยมันคงเถียงกันไม่ได้ ฉะนั้นพี่คงไม่ต้องไปนั่งบอกว่าเสื้อพี่สวยหรือไม่สวยค่ะ เพราะพี่ไม่สามารถไปเปลี่ยนรสนิยมเขาได้ พี่ไม่สามารถเปลี่ยนภูมิหลังเขาได้ พี่ไม่สามารถไปเปลี่ยนสิ่งที่เขาฟูมฟัก จนเขาเกิดกระบวนการมองสิ่งใดสวยไม่สวย พี่คงจะต้องทำไม่ได้ ฉะนั้นต้องใช้ผู้วิเศษที่จะไปเลี้ยงดูปูเสื่อเขาใหม่ อบรมสั่งสอนเข้าใหม่ และก็ให้เขามีโอกาสได้เห็นในสิ่งที่พี่เห็นเขาเห็นความสวยแบบนี้ที่พี่เห็น
ซึ่งอันนี้มันไม่มีอะไรถูกอะไรผิดนะ สำหรับพี่คงทำอะไรกับสิ่งเหล่านั้นไม่ได้ พี่รู้สึกว่าเสื้อพี่สวย อันนั้นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด
Thaitath Talk ไม่ได้รู้สึกว่าผิดพลาดใช่ไหม
ไม่เคยรู้สึก สำหรับคะแนน 9.99 ก็ไม่น่าจะมีอะไรผิด
ย้อนเวลากลับไปได้ก็ไม่อยากไปแก้ไขอะไรในชุดมารีญา
ไม่ไปแก้ไข
'หมู อาซาว่า' - มิ้ง คำวิจารณ์ครั้งใหม่
Thaitath Talk บอกว่าจะไม่ทำชุดนางงามก็กลับมาทำ
ปีนี้จริงๆ ไม่ได้ทำ วางมือไปตั้งแต่ก่อนมารีญา เพราะมารีญาเป็นน้องที่เดิมแบบกันมาตั้งแต่อายุ 14 ก็โอเคก็ทำให้
แต่ปีนี้บังเอิญาเราเป็นเจ้าภาพ ทางกองประกวดก็บอกว่าทำอีกสักปีนะ ว่ามันเป็นเราเป็นเจ้าภาพก็ก็อยากจะให้ทิ้งทวนสักปีนึง ก็เลยก็เลยคิดว่าเอาก็เอา เพราะว่าตลอดระยะเวลาการทำงานเสื้อให้กับนางงามก็รู้สึกว่ามันเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องเผยแพร่ความงามแบบไทยๆ ที่มีความร่วมสมัย และมีความสากลแล้วก็ทำให้ฝรั่งเขาได้เห็นถึงฝีไม้ลายมือ
และวิธีคิดแล้วก็รายละเอียดของการออกแบบและรายละเอียดของความวิจิตรในการตัดเย็บซึ่งมันก็เป็นสิ่งที่เราภาคภูมิใจ ที่ทุกชาติเขามองเห็น
Thaitath Talk ชุดล่าสุดเป็นไงของนิ้ง
ด้วยโครงสร้างชุดนิ้งอาจจะเรียบกว่าปีที่ผ่านมา เพราะว่านิ้งเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างนิ่งๆ ตัวนิ้งเองก็ไม่ได้เป็น อย่างแนท (อนิพรณ์ เฉลิมบูรณะวงศ์) กับ มารีญา (พูลเลิศลาภ) เป็นนางแบบ เพราะฉะนั้นใส่เสื้อผ้าที่โครงสร้างค่อนข้างใหญ่ สามารถใส่ได้เพราะว่าเขาค่อนข้างแครี่เสื้อได้ นิ้งอาจจะมีอีกสายหนึ่ง เราก็ค่อยข้างคิดว่าจะทำยังไงให้เขาโดดเด่น ดังนั้นก็ต้องให้เขาใส่เสื้อไม่ใช่เสื้อใส่เขา ฉะนั้นโครงสร้างของเสื้อก็ต้องถูกลดทอนให้ดูเบาขึ้นสบายขึ้นแต่ก็จะมีลวดลายที่วิจิตรต่างๆ
ซึ่งแรงบันดาลใจ มาจากฉลองพระองค์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.9 ซึ่งปีนี้ไม่ได้ใช้ชุดใดชุดหนึ่งเป็นพิเศษ ใช้ช่วงที่เสด็จพระราชดำเนินไปต่างประเทศในช่วงปี 1960-1970 ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศไทยเป็นประเทศแล้ว สมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงได้ให้ดีไซเนอร์ระดับโลก อย่าง ปีแอร์บาแมง บาลองเซก้า มาออกแบบฉลองพระองค์ โดยใช้ผ้าไทยก็จะเป็นช่วงที่ทั่วทั้งโลกทุกประเทศ ตอนนั้นท่านจะเสด็จ 14 ประเทศทั่วโลกก็จะเป็นครั้งแรกที่ทั่วทุกประเทศได้เห็นความงามในแบบตะวันออกแต่มีความเป็นสากล
มีความร่วมสมัยและก็มีความเป็นเสื้อผ้าชั้นสูงแฝงอยู่ทุกคนก็จะเห็นได้ว่าเมืองไทยเป็นอีกประเทศหนึ่งที่สามารถผสมผสานความเป็นสากลและความร่วมสมัยเข้ากับวัฒนธรรมไทยได้เป็นอย่างดี แล้วมันก็เกิดความโดดเด่นเฉพาะตัวเรียกว่าอัตลักษณ์เนี่ย ทำไมอัตลักษณ์อันนี้มันเป็นที่กล่าวขวัญกันถึงทั่วโลก
เป็นแรงบันดาลใจแล้วก็จะดึงลวดลายการปักของชุดสมเด็จพระนางเจ้าฯในยุคนั้น ดึงรายละเอียดบางชุดค่ะชุดนั้นชุดนี้ผสมรวมกันแล้วก็จะมีจะมีเราก็จะดึงเสื้อผ้าจะมีรายละเอียดของเสื้อผ้าชั้นสูงอายุ 1952 ผสมผสานหลายๆ อย่างนำมาผสมรวมกัน
Thaitath Talk ทั้งหมดที่ว่ามานี่เป็นสิ่งที่เราคิดหรือเป็นโจทย์ของกองประกวด
กองไม่เคยให้โจทย์ 1 เราต้องมองนางงามเป็นหลัก ซึ่งพี่ก็มีวิธีคิดของพี่ ถ้าให้พี่ทำก็ต้องเป็นแบบที่พี่เชื่อว่ามันควรจะเป็นยังไง
Thaitath Talk ใช้เวลาคิดนานไหม
ก็นาน อาจจะเป็นเรื่องของการหาข้อมูล การดึงผ้า ดึงวัสดุ ดึงอะไรต่างๆ นานมา ก็เป็นเดือน
Thaitath Talk ฉีดเซรุ่มสร้างภูมิคุ้มกันเรื่องวิพากษ์วิจารณ์ไว้ก่อนไหม
ไม่เคย เพราะว่ารู้อยู่แล้วมัน คือชีวิตดีไซเนอร์เป็นเหมือนกล้องจุลทรรศน์คนมันส่องดูเราตลอดเวลาอยู่แล้ว มันก็เป็นเรื่องปกติที่เราจะทำอะไรก็แล้วแต่คนก็ต้องให้ความสนใจ จะในทางบวกหรือลบมันก็ต้องย่อมมี เป็นธรรมดาของโลกพี่ไม่ต้องตั้งธง ฉีดเซรุ่ม ไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น พี่เป็นคนที่ไม่สนใจ คำวิพากษ์วิจารณ์มากมาย
Thaitath Talk ถามตรงๆ อีกที ไม่ได้ฟัง หรือมีคนมากระซิบเลยใช่ไหมเสียงเหล่านั้น
มีๆ แต่เราก็ไม่เห็นว่าเป็นสาระสำคัญของชีวิต เราเลือกฟัง คำชมที่มันอคติ คำชมที่มันไม่มีคุณธรรม จริยธรรม คำชมที่มันไม่มีความรู้ แต่คำชม คำติที่มีประโยชน์อันนั้นเราน้อมรับฟังอยู่แล้ว การเป็นดีไซเนอร์ที่ดีมันต้องรับฟังคำวิพากษ์วิจารณ์อยู่แล้ว แต่เราก็ต้องเลือก
พี่เป็นคนที่ชอบฟังคำติมากกว่าคำชมอยู่แล้ว คำชมสำหรับพี่ก็ไม่ได้มีมูลค่ามากมาย โดยเฉพาะคำชมที่มันผ่านมาแล้วก็ผ่านไป แต่ว่าคำชมที่มันมีแก่นแท้ พี่ก็จะเก็บมันไว้เป็นกำลังใจในชีวิต คำติก็เช่นเดียวกัน คำติที่มันมีแก่น ที่มันมีองค์ความรู้ พี่ก็จะเก็บไว้เป็นแรงพัฒนาตัวเอง
คำว่า ไม่ฟัง นี่คนจะหาว่าเราหยิ่งหรือเปล่า ไม่ใช่ สำหรับมนุษย์ทุกคนการที่เราจะพัฒนาตัวเองได้ การเป็นดีไซเนอร์ที่ดีต้องรู้จักฟัง เราอยู่กับคำวิพากษ์วิจารณ์มาตลอดชีวิต การเป็นดีไซเนอร์อยู่กับคำวิจารณ์อันนั้น สวย ไม่สวย เราคงคุ้นชินกับคำวิพากษ์วิจารณ์
Thaitath Talk อยากบอกอะไรพวกเขา สำหรับเสียงวิพากษ์วิจารณ์
ไม่อยากบอกอะไรเลยครับ ก็อยากพูดอะไรก็พูด
Thaitath Talk สำหรับคนชมชื่นชอบมาเป็นเวลานาน
คนชมก็ดี ก็เป็นกำลังใจสำหรับพี่คิดว่าทุกอย่าง การทำงาน หรือการใช้ชีวิตมันคือการแสวงหาคุณค่าให้กับตัวเอง เพราะฉะนั้นสิ่งอะไรที่เป็นคุณค่า มีสาระเราก็เก็บไว้และก็น้อมรับ เราก็ดีใจนะครับที่มี
แม้กระทั่งถ้ามีคนเกลียดเราก็ไม่เสียใจอะไร เพราะว่ามันเป็นธรรมชาติของโลก พี่ไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ ในชีวิตมันผ่านมาแล้วมันก็ผ่านไป สุดท้ายมันไม่ได้มีฐานที่มันอยู่ในจิตใจพี่ หรือว่ามันจะทำให้ความสุขของพี่โซซัดโซเซ มันก็คงไม่ใช่ พี่ฟังพี่ก็ฟัง ดีนะ เก็บมาใช้มาปรับปรุงมาพัฒนา แต่พี่คงไม่ได้เอาสิ่งต่างๆ เหล่านี้มาเป็นเครื่องกำหนดชีวิต ชี้วัดความสุข หรือคำว่าประสบความสำเร็จ สำหรับพี่
Thaitath Talk ย้อนกลับไป 10 ปี ถ้าเขาบอกชุดไม่สวยอยากจะตอบโต้อะไรไหม
ไม่เคยโต้เลย เพราะคิดว่าชุดตัวเองสวยมาตลอดชีวิต
Thaitath Talk คิดว่าชุดตัวเองสวยมาตลอดชีวิต ถ้ามันไม่สวยมันจะไม่ออกมาสู่สายตาสาธารณชน
ใช่ๆ เราทำงานมาตลอดชีวิต แน่นอนมันจะมีชุดที่สวยน้อยกว่า สวยมากกว่า สวยน้อยกว่าหรืออะไร มันเป็นธรรมดา ธรรมชาติของคนทำงานอยู่แล้ว มันจะสวยตลอดเวลาไม่ได้อยู่แล้ว มันก็จะมีโมเมนต์ที่เป็นโมเมนต์ของคุณหรือ ไม่ใช่โมเมนต์ของคุณ และไม่ใช่ ตลอดระยะเวลา จนจบมาทำงาน เราอยู่ในอันดับที่คนบอกว่าอยู่ในอันดับที่เป็นนำมาตลอด ไม่ว่าเราจะฝึกงานไม่ว่าเราจะส่งงานครู คือเรา จะบอกว่าเราไม่เก่งแต่เราเป็นคนที่มีความเพียร
ฉะนั้น งานของเราจะอยู่ในการจัดอันดับของคนที่มีความสม่ำเสมอในการทำงาน แน่นอนบางจุดบางมุมมันอาจจะมีงานที่ไปไม่ถึง หรือไม่ได้ดังใจ แต่ในความที่ไปไม่ถึงไม่ได้ดังใจเราไม่เคยตกจากการจัดอันดับที่เราผลักดันตัวเองให้เข้าไปอยู่ในการจัดอันดับนั้น เพราะฉะนั้นเราก็เลย รู้ตลอดเวลาว่า ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนทำอะไร คนที่เราทำงานด้วย เขาก็จะรู้ถึงงานที่เราผลักดันให้เกิดขึ้นเสมอ
คำว่าสวยสำหรับพี่ พี่ไม่ได้อยากให้ฟังดูเชิดหรือหยิ่ง น่าหมั่นไส้หรือไม่น่าหมั่นไส้ แต่ว่าคำว่าสวยสำหรับพี่ คือ
พี่ไม่เคยทำงานแบบผ่านไปวันๆ งานทุกชิ้น งานทุกอย่างที่ออกมาจากชีวิตพี่และตัวตนของพี่ พี่ไม่เคยทำมันอย่างส่งๆ เพราะฉะนั้นพี่เชื่อว่า ทุกสิ่งที่พี่ทำ คุณภาพมันไม่ได้เต็มสิบเท่ากันทุกวันแต่พี่เชื่อว่าในความไม่เต็มสิบในบางวันมันก็อยู่การจัดอันดับที่ถ้าใครได้ทำงานกับพี่ก็จะรู้ว่าพี่ไม่เคยไม่พยายามจนสุดตัวก่อนที่พี่จะส่งงานออกจากตัวเองไป
ถามว่ามันจะถูกใจทุกคนตลอดเวลาหรือเปล่า มันคงเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว แต่หากพี่เลือกที่จะทำอะไรในชีวิต พี่ไม่เคยทำมันอย่าง ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กเรื่องน้อยหรืออะไรก็แล้วแต่ พี่ต้องแน่ใจว่าสิ่งที่พี่รับปากหรืออยากทำ พี่ต้องให้เวลากับมันเต็มที่ก่อนที่พี่จะส่งมอบงานนั้นให้ใคร เพราะฉะนั้นพี่ก็เลยไม่ค่อยเสียใจ เพราะรู้ว่าเราทำเต็มที่ทุกอย่างแล้ว
'หมู อาซาว่า' - เรื่องส่วนตัว โฮโมเซ็กชวล
Thairath Talk เรื่องส่วนตัวของพี่หมู ไม่ค่อยได้เห็นพี่พูดเรื่องส่วนตัวสักเท่าไร ก่อนหน้าผมสัมภาษณ์วู้ดดี้ เขาบอกถ้าย้อนเวลากลับไปได้เขาจะบอกว่าตัวเองเป็นเกย์ เพราะมันโล่งมันสบาย ตัวพี่หมูรู้สึกยังไง
พี่ไม่เคย พี่มีความรู้สึกว่าเราอยู่ในสมัยที่มนุษย์เป็นปัจเจกบุคคลนะ พี่ไม่เคยคิดตัวเองอยู่แล้วว่าพี่เป็นคนอะไร พี่เป็นอะไร เป็นเพศไหนครับพี่เป็นโฮโมเซ็กชวล พี่ไม่เคยต้องปิดบังอะไรแต่ก็ไม่เคยคิดว่ามันเป็นสาระสำคัญอะไร ของชีวิต
พี่ไม่คิดว่ามันเป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์ดีหรือเลว หรือมีคุณภาพหรือไม่มีคุณภาพ
สำหรับพี่ ณ วันนี้ คำว่าเพศสภาพ หรือศาสนา หรือตัวตน พี่รู้สึกว่าเราก้าวไกลเกินกว่าที่จะดีไฟน์มนุษย์ด้วย สิ่งที่มนุษย์ดีไฟน์กันเอง สุดท้ายสิ่งต่างเหล่านี้คือเรื่องสมมติทั้งนั้น
มันคือสิ่งที่เราสมมติกันทั้งนั้นว่าคุณคือคนนั้นคนนี้ จริงๆ แล้วพวกเราไมได้แตกต่างกันเลย ไม่ว่าจะมาจาก ชาติใด ภาษาใด ศาสนาใดเนอะ ทุกวันนี้รู้สึกไหมว่าเราแบ่งแยกกัน เป็นเพราะเราสร้างเงื่อนไขกันขึ้นมาเอง พี่คิดว่าถ้าเราคิดว่าเงื่อนไขสิ่งเหล่านี้เราสร้างขึ้นมาเอง ถ้าตราบใดเรายังคิดว่าเงื่อนไขเหล่านี้ยังเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตเราอยู่อะ เราก็ยังจะเป็นคนที่ทำให้คนเขาคิดว่ามันมีความสำคัญ กับความเป็นมนุษย์ ซึ่งสุดท้ายแล้วมันไม่ได้มีความสำคัญ
Thairath Talk เรามีอุปสรรคไหมที่เราเป็น โฮโมเซ็กชวล ในการเดินทางแต่ละเส้นทาง
ไม่เคยเป็นอุปสรรคเลย คือโชคดีนะครับ แม้ว่าพี่ไปอยู่เมืองนอกมาเป็นสิบปี พี่ก็ไม่เคยเป็น Second citizen (พลเมืองที่สอง)ไม่เคยมีฝรั่งคนไหนที่ทำให้พี่รู้สึกว่าพี่เป็น Second citizen เลย แล้วภาษาอังกฤษก็ไม่ใช่ภาษาแรกของพี่ พี่ก็ไปใช้ชีวิตอยู่ที่นู่นพี่คิดว่าสุดท้ายแล้วมันคือตัวเราอะ ถ้าเรามองว่าเราเป็นวิกทึ่มเราก็เป็นวิกทึ่มเนอะ
การที่เรารู้สึกว่าการที่คนเขาดูถูกเราอะ ไม่มีใครดูถูกเราเนอะ เราเริ่มต้นจากการดูถูกตัวเอง แต่ถ้าตราบใดที่เรารู้สึกว่าเรา เป็นคนที่มีคุณค่า คำว่าคุณ ค่าไม่ได้ดีไฟน์ด้วยว่า คุณจะต้องประสบความสำเร็จ หรือคุณจะต้องมีชื่อเสียงมีเงินทองหรือทำงานเก่ง
คำว่าคุณค่ามันอาจจะเป็น เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตก็ได้นะ บางคนที่เขารู้จักชีวิตตัวเองเขามองเห็นคุณค่าของตัวเอง เป็นแค่คนกวาดถนนของคน กทม.ถ้าเขาภูมิใจในสิ่งที่เขาเป็น เขาภูมิใจในชีวิตเขาว่าเราเห็นเข้าเราจะรับรู้ได้ถึงข้างใน และเราก็จะรู้สึกว่าเออคนๆ นี้เราจะรู้สึกสิ่งที่เขาส่งมาเอง เราจะรับรู้ได้เลยว่าเขาให้เกียรติชีวิต เขาภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น เราไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไรที่จะไปดูถูกเขาๆได้ ชีวิตเขาอาจจะมีความสุขมากกว่าเราด้วยซ้ำไป
ฉะนั้นพี่คิดว่าเราอยู่ในแมททิเรียลลิสติกซ์ ที่ทุกคนถูกหล่อหลอม มีความสุขจากการแวดล้อมไปด้วยชื่อเสียงเงินทอง สิ่งประสบความสำเร็จ มันก็เลยทำให้พวกเราสร้างเงื่อนไขกับชีวิต เยอะขึ้นจนทำให้เราหาความสุขได้ยากขึ้น
พี่คิดว่ามันเป็นเรื่องสำคัญ ที่เราจะบอกว่าสุดท้ายแล้ว สิ่งที่เราเกิดมาทุกวันนี้ มันคือเงื่อนไขที่ถูกสมมติขึ้นมาทั้งสิ้น ถ้าเรารู้จัก จะมองมันอย่างมีสติ แล้วรู้จักใช้เงื่อนไขต่างๆ เหล่านี้ ให้มันเป็นประโยชน์ต่อชีวิตเรา และไม่เป็นโทษต่อชีวิตเรา มันก็ทำให้เรามีความสุขง่ายขึ้น เดินไปข้างหน้าอย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น ซึ่งความสุขแต่ละคนก็จะดีไฟน์ไม่เหมือนกันอีก ความสุขของพี่ ถ้าได้กินอิ่มนอนหลับ อุจจาระดี ปัสสาวะดี พี่มีความสุขแล้ว แค่นี้
Thairath Talk คิดว่ามันคือสิ่งที่สวรรค์ให้มา
นานแล้ว ปลายๆ แล้ว แต่ว่าพี่ก็ไม่เคยฝืน ไม่เคยรู้สึกว่ามันมีสาระสำคัญอะไรในชีวิตเรา
Thairath Talk พ.ร.บ.เกี่ยวกับเพศเดียวกันคุณมีความคิดเห็นยังไง
พี่รู้สึกว่ามันคือสิ่งสำคัญในฐานะมนุษย์ทุกคนมันน่าจะมีสิทธิพื้นฐานของความเป็นมนุษย์เท่ากันทั้งหมด พี่ก็เชื่อว่า ณ วันนี้มัน ความรักมันไม่น่าถูกแบ่งแยกด้วยด้วยอะไร ทุกวันนี้ที่โลกมันมีปัญหาก็เพราะว่า เราไปตั้งเงื่อนไขให้กับมันว่า อันนี่คือเขตประเทศฉัน อันนี้คือเธอรุกล้ำอาณาเขตฉัน อันนี้คือศาสนาฉัน อันนี้คือศาสนาเธอ แล้วก็มานั่งฟันแทงกัน ซึ่งถ้าเราลองมองย้อนกลับไปจริงๆ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ใครเอามาใส่หัวเราตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าทำไมฉันต้องเกลียดคนศาสนานี้ คนพวกนี้นับถือลัทธิทางการเมืองแบบนี้แล้วมองเป็นอีกพวกหนึ่ง
สำหรับพี่สิทธิพื้นฐานของทุกคนไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บ.กฎหมายคุ้มครอง มันน่าจะเป็นสิ่งที่รัฐบาลคนที่จะให้กับประชาชนทุกคนมันควรจะเป็นปัจจัยพื้นฐานให้กับทุกคนอยู่แล้ว โดยที่ไม่ต้องมานั่งเรียกร้องกัน น่าจะไปช่วยพัฒนาโลก มันเป็นสิ่งที่เรื่องง่ายๆ ที่เราแก้ไขได้
Thairath Talk อยากให้มี
ใช่ครับ พอมันเป็นเรื่องกฎหมายเป็นเรื่องของรัฐ จะมีวันนี้พรุ่งนี้ไม่ได้ แต่อยากให้มี แต่ทุกอย่างเมื่อมีก็อยากให้คิดรอบคอบอะไรเกิดขึ้นบ้าง ช่องโหว่งน้อยที่สุด ทุกการกระทำต้องมีเหตุผลที่ค่อนข้างครบ การที่ออกกฎหมายอะไรสักอย่างมันก็ไม่ใช่เรื่องวันนี้พรุ่งนี้ และเชื่อว่ากฎหมายนี้จะทำให้คนจำนวนมากมองชีวิตข้างหน้าได้อย่างมีความสุข
'หมู อาซาว่า' - ปรัชญาชีวิต
Thairath Talk ปรัชญาในการใช้ชีวิต หรือการทำงาน คืออะไร
ปรัชญาในการใช้ชีวิตของเราคืออะไร จริงๆ มันก็คงจะหนีไม่พ้น ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา การมีฉันทะ คือสิ่งที่เราทำ การมีจิตตะคือความหมกมุ่นในสิ่งที่เราทำ
Thairath Talk เวลาเจอปัญหาเยอะๆ คุณแก้ปัญหายังไง มีไหมในชีวิต
ปัญหาบางอย่างเราก็แก้ไม่ได้ ปัญหาบางอย่างก็ต้องรอเวลา สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือทัศนคติที่เรามีต่อปัญหา อุปสรรคคือบารมี เราจะต้องท่องเอาไว้ว่าอุปสรรคคือบารมี ยิ่งเราอยู่กับปัญหาเป็นเท่าไร ยิ่งเราขจัดปัญหาได้มากเท่าไร บารมีเราก็ยิ่งเกิด คนที่จะเจริญได้ก็คือคนที่แก้ปัญหาได้ เพราะฉะนั้นมนุษย์ด้วย deffinition ของการเกิดเป็นมนุษย์ก็คือการเกิดมาแก้ปัญหา นั่นคือทัศนคติที่ทุกคนควรจะมีต่อชีวิต
'อย่ามองว่าปัญหามันคือศัตรู แต่จงมองปัญหาให้เหมือนเพื่อนที่เข้ามาสั่งสอนอะไรเราบางอย่าง' ช่วงไหนที่ต้องอยู่ก็ต้องทนอยู่กับเขาก็ต้องอยู่อย่างมีความสุข พอเรารู้จักวิธีจัดการแก้ไขเพื่อนคนนี้ก็ผ่านไป เดี๋ยวก็มีเพื่อนคนใหม่ผ่านเข้ามาอีก แต่ถ้าเรามองว่ามันคือศัตรู ถ้าเจอปัญหาแล้วมันเป็นทุกข์ ชีวิตเราจะเป็นทุกข์ไปตลอดชีวิต'
เพราะมุนษย์ด้วย Deffinition ของมันเราเกิดมาเพื่อแก้ปัญหาอยู่แล้ว ทุกวันมันคือการแก้ปัญหา สังเกตได้ว่าคนที่เจริญประสบความสำเร็จในชีวิตเขาจะไม่กลัวปัญหา เขาจะมองว่า การแก้ปัญหาคือการนำมาซึ่งการเรียนรู้และการนำมาซึ่งความเจริญเติบโตในที่สุด
สำหรับพี่ก็เลยบางเรื่องอาจจะยังไม่ถึงเวลาที่ต้องแก้ หรือแก้ไปก็ไม่ได้ ก็กอดคอกับมันไปก่อน อยู่กับมันไปก่อน ถึงเวลาค่อยๆ คิด ค่อยๆ มีสติ เราอาจจะแก้ไขมันได้ บางเรื่องอาจจะแก้ไขไม่ได้ไปเลยจนเราตายก็ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราต้องแก้ไข มันไม่ใช่ว่าเราแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ไม่ได้แล้วชีวิตจะไม่เป็นสุข แต่ว่าเคล็ดลับของการมีชีวิตที่เป็นสุขคือการรู้จักอยู่กับความทุกข์อย่างไรให้เป็นสุขต่างหาก
Thairath Talk ใครเป็นไอดอลของพี่หมูครับ
เยอะนะ พี่ก็เป็นครูพักลักจำ เรียนรู้จากคนต่างๆ ส่วนใหญ่ก็คงจะหนีไม่พ้นคนใกล้ตัวคุณพ่อคุณแม่ หลายๆ คน พี่กุ๊กกี้ ทินกร อัศวรักษ์, พี่โต จิราธร จิรประวัติ, พี่กบ เมนาท นันทขว้าง เยอะแยะไปหมด เราก็เรียนรู้จากคนนั้นนิดคนนี้หน่อย หรือแม้กระทั่งบางทีจากคนรอบข้าง จากลูกน้อง จากเพื่อนร่วมงาน เราพยายามที่จะมองหาคนที่บางทีเรารู้สึกว่าเราทำไมเราไปได้ไม่ถึงฝัน คนบางคนเขาชีวิตเขายากเย็นกว่าเราอีก ทำไมเขายังยิ้มได้ ยังหัวเราะได้ เขายังมีความสุขได้ บางทีคนเหล่านั้นก็เป็นไอดอลในชีวิตเราเหมือนกัน
จริงๆ แล้วหากเรามองความสุขเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ ชีวิตเรามันจะเหนื่อยเกินไป มันจะกระเสือกกระสนเกินไป บางทีถ้าเรามองความสุขจากเรื่องเล็กๆ น้อยๆ มันอาจจะทำให้ชีวิตเรามันเติมเต็มได้ง่ายขึ้น เราก็จะได้มีพลังไปทำในเรื่องยิ่งใหญ่อื่นๆ ต่อไป คือถ้าเราแหงนหน้ามองความสำเร็จอยู่ตลอดเวลา แน่นอนที่สุดเราคงต้องเหนื่อย รู้สึกเราต้องกระเสือกกระสน แต่ถ้าเรารู้สึกว่าความสำเร็จมันอยู่แค่ปลายตาแล้วเราค่อยๆ ทำจากสิ่งที่มันใกล้ตัว แค่ตื่นเช้ามาทำงานทุกวัน ประสบความสำเร็จ เข้างานทุกวันให้ตรงต่อเวลา ทำงานนี้ให้เสร็จลุล่วงภารกิจนี้ให้ลุล่วงไปได้หนึ่งวัน คือถ้าเราคิดการต่อยอดความสำเร็จจากเรื่องธรรมดาๆ ทุกวัน
แน่นอนที่สุดชีวิตมันจะประสบความสำเร็จเอง ถ้าเราประสบความสำเร็จจากเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เราทำ สุดท้ายในทุกๆ เรื่องที่เราทำมันจะต่อยอดสู่การประสบความสำเร็จในเรื่องใหญ่ๆ ไปในอนาคต ถ้าคุณแหงนหน้ามองความประสบความสำเร็จที่มันอยู่ไกลเกินจนคุณลืมทำความประสบความสำเร็จรายวัน มันก็ยากที่คุณจะไปถึงวันนั้น มันเหมือนหนังสือที่บอกว่านิพพานทุกวัน ถ้าเรามองนิพพานกว่าเราจะไปถึงนิพพานได้ เราต้องทำอะไรบ้าง เราคงไปไม่ถึง แต่ถ้าเรานิพพานระหว่างวันได้ทุกวันสุดท้ายมันจะช่วยให้เราสั่งสมวิธีคิด ที่จะทำให้เราเป็นสุขได้เองโดยที่สุดความสำเร็จก็เช่นกัน
Thairath Talk สุดท้ายคนอยากเป็นอย่างพี่หมู อาซาว่า มีเคล็ดลับอย่างไร
จริงๆ มันไม่ได้มีเคล็ดลับอะไร ทุกคนมันมีสูตรความสำเร็จในการใช้ชีวิตไม่เหมือนกัน มุมมองในการประสบความสำเร็จก็ไม่เหมือนกัน แต่สิ่งหนึ่งที่พูดทุกที่แล้วก็แทบทุกเวทีเลยก็คือ ทุกคนมักให้ความสำคัญกับความฝันค่อนข้างเยอะ ไปที่ไหนใครก็บอกว่าต้องฝันๆๆ แต่สำหรับพี่ พี่ชอบคำไทย คำว่า ความใฝ่ฝัน
อย่าฝันอย่างเดียว คนที่จะประสบความสำเร็จได้ต้องใฝ่ คำไทยดีที่สุด ฝันอยากจะเป็นอะไร ฝันอยากจะประสบความสำเร็จยังไง คุณต้องใฝ่ในสิ่งที่คุณฝัน ตราบใดที่คุณพูดถึงความฝันโดยปราศจากความใฝ่ มันมีแต่ความล่องลอยมันไม่เป็นกระบวนการ มันไม่มีวิธีการดำเนินการ มันไม่มีเรื่องของการจัดการเกี่ยวข้อง แต่ถ้าคุณเอาสองคำนี้มาคู่กันเมื่อไหร่ แล้วคุณทำมันควบคู่กันไป คุณก็จะมีโอกาสประสบความสำเร็จในสิ่งที่คุณฝันได้มากยิ่งขึ้น