ว้าวุ่นอีกแล้ว โดนอีกแล้ว โดนไปเต็มๆ ห้ามฉายเด็ดขาดกับหนังเรื่อง ไทบ้านเดอะซีรีส์ 2.2 โดยมีคำสั่งเด็ดขาดบาดใจ ไปเมื่อวานนี้เองว่า ไม่ผ่านเซนเซอร์ จากคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ โดยทีมงานได้รู้ข่าวร้ายนี้ ในขณะที่หนังกำลังจะเปิดฉายรอบแรก ที่ห้างเทอร์มินัล Terminal 21 นครราชสีมา จึงทำให้หนังไม่สามารถฉายโชว์ในรอบแรกนี้ได้

ไทบ้านเดอะซีรีส์ 2.2 เป็นหนังภาคต่อจากเรื่อง ไทบ้านเดอะซีรีส์ 2 Part I ซึ่งภาคแรกนั้น หนังอินดี้โดนใจมหาชนกวาดเงินไปเยอะเกินคาด ทะลุมากกว่า 50 ล้านบาท บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ จะพาไปคุยกับหนุ่มร่างอวบ โอม อวิรุทธ์ อรรคบุตร อีกคนสำคัญที่ร่วมสร้างหนังเรื่องนี้ ไทบ้านเดอะซีรีส์ 2.2 และโอมยังเป็นผู้บริหารบริษัท เซิ้งโปรดักชั่นแอนด์ออแกไนเซอร์ พร้อมควบตำแหน่งผู้อำนวยการกอง มิสแกรนด์ศรีสะเกษ Miss Grand Sisaket 2018

โอม อวิรุทธ์ เปิดใจเป็นพิเศษกับบันเทิงไทยรัฐออนไลน์ "ทางเราต้องขอโทษแฟนคลับ แขกผู้มีเกียรติทุกๆ ท่าน ที่มางานรอบเปิดตัวหนังที่โคราชด้วยนะครับ ทางทีมงานผู้กำกับ โปรดิวเซอร์ สปอนเซอร์ และหุ้นส่วนต่าง ได้พิจารณาและตัดสินใจแล้วว่า เราจะขอยุติการฉายภาพยนตร์รอบสื่อมวลชนรอบนี้ เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย"

"ต้องยอมรับว่า ข่าวที่ว่าหนังเราไม่ผ่านเซนเซอร์ ที่เป็นข่าวออกมาแล้วนั้นเป็นเรื่องจริง! ตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการเจรจา และขอคำแนะนำจากหลายๆ ฝ่ายอยู่ครับ ในทางผู้สร้าง ผู้กำกับ ทีมงานได้ดูงานที่ทางกองเซนเซอร์ได้ท้วงติงมาแล้ว เราคิดผู้ชมและแฟนคลับของเรา มีวิจารณญาณพอที่จะรับชมภาพยนตร์ของเรา ในลำดับต่อไปทางทีมงานจะขอเข้าไปอธิบาย และรับฟังข้อมูลเพิ่มเติมที่เกิดขึ้นกับกองเซนเซอร์ต่อไป"

สรุปฉากอะไรกันแน่ ที่ทำให้ไม่ผ่านเซนเซอร์? "เป็นฉากพระเคาะโลงศพ แล้วร้องไห้หน้าโลงศพครับ" มีแค่ฉากนี้ฉากเดียว? "ใช่ครับ" กองเซนเซอร์ยังต้องมีต่อไป ยังจำเป็นกับวงการหนังไทยหรือไม่ หรือว่าควรยุบๆ ทิ้งไปเลยมั้ย? "(ไม่ตอบ)"

...

รายชื่อคณะกรรมการ ที่พิจารณาหนังมีใครบ้าง? "รายชื่อไม่ทราบเลย เค้าไม่ให้ครับ" มองอีกมุมก็ดีนะ ที่ไม่ผ่านเซนเซอร์ เป็นการพีอาร์ โฆษณา โปรโมตหนังอย่างดีเลย ยิ่งไม่ผ่านเซนเซอร์ คนยิ่งอยากดูเพิ่มขึ้น? "ไม่หรอกครับ ทีมงานเสียกำลังใจกัน"

นี่เป็นอีกแผนหนึ่งของการโปรโมตหนัง ใช่หรือไม่? "ไม่ใช่เลยครับ ผมก็เพิ่งทราบว่าหนังไม่ผ่านเซนเซอร์" ถามตรงๆ อีกคร้ัง นี่คืออีกแผนหนึ่งของการโปรโมตหนังให้มีกระแสมากขึ้น? "ตอบตรงๆ เลย ไม่ใช่ครับ ผมประสบการณ์ในวงการยังเด็ก เกินที่จะต้องมาเจอเรื่องแบบนี้" 

หลังจากนี้หนังต้องมานำตัดต่อใหม่ เพื่อจะได้เข้าฉายตามกำหนดเดิม ซึ่งจะต้องเสียเงิน ต้องเสียเวลาทำใหม่อีก คิดว่าเป็นความผิดของเราเอง ที่ทำหนังไม่ให้ผ่านกองเซนเซอร์ หรือเป็นความผิดของกองเซนเซอร์เอง ที่อาจจะมีสติปัญญาไม่พอ ไม่สามารถเข้าถึงหนังได้ หรือเพราะกองเซนเซอร์อาจจะมีจิตใจที่คับแคบกันแน่? "(ไม่ตอบ)".

(ซ้ายมือ) โอม อวิรุทธ์ อรรคบุตร
(ซ้ายมือ) โอม อวิรุทธ์ อรรคบุตร