หลังจากมีกรณีนักร้องสาวบ้านนักล่าฝัน ซีแนม ออกมาโพสต์แฉนางร้ายสาวคนหนึ่งว่าไม่ยอมคืนเงินจากการทำธุรกิจร้านเล็บที่สุดท้ายร้านไม่ได้เกิดขึ้น

ล่าสุด ดิว อริสรา ได้เดินทางไปที่ศาลแพ่งกรุงเทพใต้เพื่อเคลียร์เรื่องดังกล่าว พร้อมเปิดใจเรื่องราวทั้งหมดกับผู้สื่อข่าว

ดิว "เอาจริงๆ ดิวต้องบอกก่อนว่าวันนี้ดิวไม่มีความจำเป็นต้องมาด้วยซ้ำ เพราะจริงๆ นัดครั้งแรกเราให้ทนายเรามาได้ แต่ด้วย 1.ดิวก็ต้องให้เกียรติศาล 2.เพื่อความบริสุทธิ์ใจ

และก็อึดอัดมานานที่ไม่ได้พูด ต้นเหตุที่ผ่านมาที่ไม่เคยออกมาพูดหรืออะไรใดๆ ทั้งสิ้นเพราะว่าถ้าพูดไปอาจโดนกรณีของฟ้องหมิ่นหรือคดีความอะไรแบบนี้ ก็เลยรอให้เข้าสู่กระบวนการศาลก่อนค่อยออกมาพูด ต้องบอกก่อนว่าที่มาเพราะความบริสุทธิ์ใจจริงๆ"

...

ทางฝั่งโน้นบอกว่า ดิว ได้รับเงินไปแล้ว ร้านไม่ได้เปิด แต่ไม่คืนเงิน
ดิว "จริงๆ ที่ยังไม่ได้คืนเงินเพราะมีอีกคดีนึงที่ยังค้างคากันอยู่ ซึ่งให้ทางทนายพูดดีกว่า"

ทนาย "คดีนี้คือเริ่มต้นจากหุ้นส่วนทำธุรกิจร่วมกัน 5 คน คุณดิวกับหุ้นส่วนที่เป็นคู่กรณีกันได้ทำสัญญาเช่าตึก แต่มีปัญหาเกี่ยวกับสถานที่ คือเจ้าของสถานที่ไม่สามารถส่งมอบพื้นที่ให้ได้ ธุรกิจจึงเกิดขึ้นไม่ได้ ซึ่งขณะนี้เป็นที่ฟ้องร้องอยู่

ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่คุณดิวเค้ารับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว ไม่ใช่ว่าไม่คืน แต่มันมีปัญหาของมันอยู่ แล้วก็หุ้นส่วนแบบคุณหนูนาเอง เค้าก็ไม่ได้ติดใจเรียกร้อง (ดิวเสริม "เค้าไม่มีปัญหา") หุ้นส่วนก็ยังคงอยู่

แต่ถามว่าเงินเนี่ยตามเจตนาของคุณดิว ต้องการจะคืนมั้ย ตามที่เป็นข่าวเสมือนว่าเราหลบ คือมันมีความเข้าใจผิดกัน หุ้นส่วนจะเอาคืนอย่างเดียว

แล้วปัญหาที่เกิด เช่นไปฟ้องร้องกับบุคคลภายนอกที่เป็นเจ้าของตึก สิ่งเหล่านี้ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนต้องร่วมกันรับผิดชอบ มิใช่ไปโยนภาระให้กับคนที่เป็นหุ้นส่วนเพียงคนเดียว ซึ่งน้องดิวสู้ด้วยตัวเองอยู่ในขณะนี้ และไม่ได้อยากออกมาพูดอะไร

และการทวงถามอะไรต่างๆ ถ้าเป็นคนที่เป็นหุ้นส่วนร่วมธุรกิจกันควรทำด้วยความสุภาพ ไม่ใช่ไปป่าวประกาศทางสื่อออนไลน์

แม้เราจะไม่สามารถดำเนินคดี เราไม่ทำอยู่แล้วเป็นเพื่อนกัน แต่มันสร้างความรู้สึกที่ไม่ดี กระทบกระเทือนจิตใจคนที่เป็นหุ้นส่วน

และขณะนี้เราก็ให้ข่าวนี้ด้วยความระมัดระวัง เพราะคดีจะไกล่เกลี่ย 24 ส.ค. และเราจะเอาเรื่องที่เราฟ้องร้องอยู่ เราฟ้องร้องเจ้าของตึกอยู่ 2 ล้านบาท เราเสียค่าทนายไปเรือนแสนแล้ว อันนี้ต้องมารับผิดชอบด้วยกัน"

ทางหุ้นส่วนบอกว่า การจะฟ้องตึกต้องได้รับความยินยอมจากหุ้นส่วน ทำไมดิวไปฟ้องคนเดียว

ดิว "คือตอนแรก ต้องบอกก่อน เรามีการคุยกันแล้วว่าเราจะฟ้องร้อง แต่สุดท้ายพอเค้ารู้ว่าเรามีเหตุผลแบบนี้ที่ไม่คืนเงินเค้า เค้าก็เลยบอกว่างั้นเขาไม่ฟ้อง

แต่ดิวต้องมานั่งคุยก่อน หุ้นส่วนเรามี 5 คนจริง แต่หุ้นที่ดิวถือ ดิว ถือ 60% เงิน 2 ล้านกว่าบาทสำหรับเค้า 10% มันคือแค่ 2 แสน แต่ของดิวคือล้านกว่าบาทเลยนะเกือบ 2 ล้าน

โอเคถ้าทุกคนลงคะแนนเสียงว่าเป็นการโหวต มันก็ไม่เป็นไรหรอก ถ้าดิวเป็นคนที่ถือ 10% ดิวก็คงไม่เป็นไรหรอก

...

แต่ก็ต้องเห็นใจดิวด้วยว่าเป็นหุ้นที่เยอะที่สุดแล้วชื่อคนฟ้องร้องก็เป็นชื่อดิวอีกต่างหาก และในสัญญามันเป็นสัญญาที่เค้าสามารถฟ้องเรากลับได้ด้วยนะ ถ้าเราไม่จ่ายค่าเช่าเป็นเวลา 3 ปี เพราะฉะนั้นดิวต้องทำทุกอย่างเพื่อเป็นการป้องกันตัวเองเหมือนกัน

ในขณะเดียวกันเราทำธุรกิจแบบครอบครัวพี่น้อง ดิวเพิ่งรู้เหมือนกันว่าการทำธุรกิจที่ถูกต้องคือเราออกเสียงกันตามจำนวนคนใช่มั้ย ไม่ได้ตามเงินหรือเปอร์เซ็นต์ จำนวนหุ้นหรือเปล่า ดิวคนเดียวในจำนวน 6 ล้าน ดิว 3.6 ล้านนะคะ เขา 10% เค้าแค่ 6 แสนเอง ถ้าจะเจ็บก็เจ็บที่ดิวหรือเปล่า"

ได้คุยกันหรือเปล่า
ดิว "คุยหมดแล้ว จริงๆ ดิวเองเป็นคนนัดด้วยซ้ำว่าจะคืนเงินกันให้กับทุกคน แต่วันนั้นมันมีปัญหา เค้าก็ชี้หน้าด่าดิว มีขู่ดิวว่าจะทำลายชื่อเสียงบลาๆๆๆ

ดิวก็เลยไม่ได้แปลกใจ พอวันนั้นเกิดขึ้น ดิวถึงมีทนายพร้อมไง ตั้งหลักแระ ก็เลยปรึกษา ปรึกษาพี่ไผ่นี่แหละไม่ใช่ใครหรอก เค้าก็แนะนำว่าต้องมีทนายแล้วแหละ"

แต่ก่อนหน้านี้ทางนั้นบอกไม่มีคุยเรื่องการคืนเงินเลย
ดิว "ไม่จริง! ดิวมั่นใจว่าไม่จริงเรานัดคุยกันวันนั้นแล้ว ที่สถานที่หนึ่ง แล้วมีการชี้หน้าด่าดิวตรงนั้น แล้วก็มีท้าบางสิ่งบางอย่างที่เป็นไปด้วยอารมณ์ทั้งสิ้น ซึ่งดิวไม่ได้ท้าเค้านะ เค้าท้าดิวนะ

...

ทนาย "หลังจากนี้ไปคดีมันขึ้นสู่ศาลนะครับ คดีนี้โดยภาพรวมแล้วเป็นเพื่อนกันทำธุรกิจ คดีสู่ระบบไกล่เกลี่ย เจตนาเราคือคืนแน่ แต่ว่าต้องมาคุยกันให้เข้าใจในระหว่างคนทำหุ้นส่วน จบก็จบด้วยกัน รับผิดรับผิดด้วยกัน กำไรก็กำไรด้วยกัน

เมื่อมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น ก็ต้องร่วมกันรับผิดชอบไม่ใช่ทิ้งภาระให้บุคคลอื่น คดีนี้มีทางจบ เรายินดีคืนถ้ารับเงื่อนไข 1 2 3 ได้ ให้ศาลเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยเพราะไม่คุยกันเองรู้สึกจะมีปัญหา น่าจะจบวันที่ 24 ส.ค."

ตอนที่เราคุยกัน เราจะคืนให้เขาเมื่อไหร่
ดิว "พอคุยเสร็จปุ๊บจะไปโอนคืนทันทีทุกคนเลย วันนั้นเลย แต่วันนั้นคือมีปากเสียงกันไงและเค้าก็ขู่ดิวด้วย

แล้วอีกกรณีนึง เงินที่ลงทุนไปแล้ว เค้าบอกให้ดิวรับจบไปเลยคนเดียว เพราะเงินที่ซื้ออุปกรณ์ต่างๆ ใส่ของแพงทำไมไม่รับจบไป ซึ่งอ้าวทำไมดิวต้องรับจบล่ะ

เค้าบอกก็ดิวมีความฝันอยากทำร้านเล็บอยู่แล้วหนิ อ้าวมันเกี่ยวมั้ย พอคุยกันไม่รู้เรื่องรู้ ดิวไม่ใช่คนที่ระงับอารมณ์ได้ขนาดนั้น คุยไม่รู้เรื่องก็ต้องทนายมั้ยอะคะ"

...

เค้าเขียนว่าดิวเอาเงินไปใช้ส่วนตัว จัดปาร์ตี้
ดิว "ดิวก็เป็นคนใช้เงินเก่ง แต่ดิวก็เป็นคนหาเงินมา แล้วทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็ไม่ได้เอาส่วนนั้นไปใช้ ลองคิดกันดูดีๆ มันพอมั้ยล่ะที่เราใช้ไป มันมองกันง่ายๆ ไม่ใช่หรอกค่ะ"

เราบอกว่าแค่เงินหลักแสน ทำไมเราไม่ตัดสินใจคืนเขาไป
"ไม่ใช่หรอก มันมีกรณีคดีนี้อยู่ และเรากับเขาคุยกันไม่รู้เรื่อง เราก็ไม่รู้จะทิ้งทุ่นเรามั้ย จะยังไงเราหรือเปล่า ถ้าคุยกันรู้เรื่องก็โอเค

ดิวขอยกกรณีน้องหนูนา หนูนาพร้อมให้พี่ๆ ทุกคนไปสัมภาษณ์ได้เลย เฮ้ยหนูนาไม่มีปัญหาเลย จริงๆ ดิวจะแถลงด้วยซ้ำ อย่างหนูนา ดิวบอกว่าหนูนาเอาคืนไปเลย หนูนาบอกไม่เอาพี่ดิว พี่ฟ้องร้องอยู่หนูจะเอาได้ไง หนูนาเขาไม่อยากให้ดิวรู้สึกว่าเขาทิ้งเรา

แต่อย่างอีกกรณีบางคนที่ดิวคืนไปเพราะเขาเดือดร้อน เขามาคุยกับดิวดีๆ เราคุยเข้าใจ คนเดือดร้อนดิวไม่ได้อยากเก็บเงินใครไว้สักบาทอยู่แล้ว ดิวไม่ได้อิดออดเลย และทุกเงื่อนไขในด้านคดีความ ดิวเสนอเขาว่าเซ็นเป็นสัญญากู้ยืมได้มั้ย

เพราะดิวก็กลัวเหมือนกัน ว่าเดี๋ยวคนที่ไม่ประสงค์ดีเรื่องนี้ จะมาเล่นดิวเรื่องนี้ เขาก็ยินดี คือยินดีทุกอย่าง อย่างงี้คุยรู้เรื่องไง"

ดิวจะรอให้คดีเช่าที่จบก่อนถึงจะคืนเงินทุกคนครบ
ทนาย "คือไม่ถึงขนาดนั้น คือนัดหน้าถ้าคุยกันแล้วบรรลุข้อตกลง ซึ่งอีกคดีเพิ่งฟ้องไปแล้วจะนัดคดี 1 ต.ค.

อาจจะให้ได้บรรลุข้อตกลงว่ายอมรับค่าใช้จ่ายที่มันจะเกิดขึ้น และยอมรับเงื่อนไขที่เราเสนอบ้าง ไม่ใช่ฝั่งเขาเสนออย่างเดียว และก็เราอาจจะให้หนูนามาด้วย ในนัดหน้า รอฟังในนัดหน้า"

เรามีข้อเสนออะไรกันบ้าง
ดิว "ยังไม่ได้คิดเลยค่ะ ที่ดิวยังไม่ออกมาพูดเพราะเดี๋ยวจะมาฟ้องดิวไง เขาพูดเขาคิดมาแล้ว แล้วทุกอย่างที่ทำดิวโดนดิสเครดิตหนักมาก เพราะฉะนั้นถ้าดิวออกมาแก้ตัวอะไร ถ้าดิวพลาดนิดเดียว บางสิ่งบางอย่างจากที่ดิวไม่ผิดจะกลายเป็นดิวผิดไง"

ตะกี้เจอหน้ากันทำไมไม่คุยกันให้เย็นลง
ดิว "โห ไม่มีใครเจอภาพสุดท้ายที่ดิวเจอเขาหนิ เพราะอีกนิดนึงเขาจะถึงตัวดิวแล้วนะ อีกนิดนึงแก้วกาแฟดิวก็จะไปแล้วนะ คือดิวโดนห้ามแล้วน่ะ เพราะฉะนั้นเราเลยจุดนั้นแล้ว"

มีกระแสว่านางร้ายส่งคนไปข่มขู่
ดิว "เรื่องจริงมันไม่มีไง ดิวก็เห็นเขาอออกรายการแล้วหนิ ว่าไม่มี ดิวก็ไม่รู้ว่าเขาใช้สื่อเป็นเครื่องมือหรือมันเกิดอะไรขึ้น แต่ดิวว่าเขารู้อยู่แก่ใจว่าเป็นยังไง ดิวไม่ใช่คนโง่"

อยากบอกอะไรสังคมว่าเราโกงเงินเพื่อน
ทนาย "ก็เราพูดความจริงวันนี้ ไม่ใช่อยู่ๆ เขาเอาเงินมาให้เราๆ ไม่คืน แต่มันมีกรณีที่เกิดขึ้น ที่สังคมไม่เคยทราบเลยว่าเราไปฟ้องเราเสียค่าทนายไปกี่แสน

เราฟ้องเจ้าของสถานที่มันเป็นยังไง เบื้องลึกเบื้องหลังการทำสัญญาธุรกิจมันเกิดขึ้นไม่ได้เพราะอะไร 1.สัญญาเช่ามีปัญหา 2.หุ้นส่วนทะเลาะกัน จะได้อย่างเดียวมันไม่ได้

ถ้าไม่เข้าใจกันตรงนี้มันไปกันไม่ได้ นี่คือปัญหาที่เกิดขึ้น ที่นี่ปัญหาที่เรายังไม่ได้พูด ตอนนี้คดีขึ้นสู่ศาลแล้วเรายินดีพูดบนศาล แต่ต้องคุยกันให้เข้าใจก่อน"

ดิว "ดิวว่าทุกคนต้องเข้าใจอยู่แล้วว่าการทำธุรกิจเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก มีรายละเอียดดีเทลที่เยอะ ที่ผ่านมาดิวไม่ได้ออกมาพูดอะไรเยอะ เพราะดิวเหลือไม่พูดเองด้วย วันนี้ก็ลองฟังในมุมนี้ดู ดิวไม่โกรธถ้าใครจะว่า ดิวจะคอมเมนต์อะไร ต่างคนต่างมุมมอง ดิวบังคับใครไม่ได้"

ยังจะเปิดอยู่มั้ยธุรกิจ
ดิว "ขอจบเรื่องนี้ก่อน จริงๆ หนูนาบอกพี่ดิวเราทำต่อกันมั้ย แต่ต้องบอกว่าพักก่อน ครั้งนี้มันเหนื่อยมากจริงๆ ประสบการณ์ครั้งนี้บอกดิวเรื่องว่าบางทีเราคิดน้อยเกินไป ไปเซ็นได้ไงคนเดียว เราคิดน้อยไปจริงๆ"

ด้าน ซีแนมกล่าวว่า แม้วันนี้ จะได้เจอหน้าของ ดิว อริสรา แล้วก็ตาม แต่ก็ไม่ได้ทัก ไม่ได้พูดคุย ยืนยันว่าส่วนตัวพร้อมไกล่เกลี่ยทุกวัน แต่ถ้าหากวันนี้ไม่พร้อม ก็ยินดีจะรอต่อไป

ยืนยันว่าสิ่งที่โพสต์ไม่ได้ต้องการเงินเป็นหลัก แต่ต้องการความถูกต้อง ซึ่งต้องให้ทางศาลเป็นผู้พิจารณา ส่วนจะได้เงินคืนหรือไม่ ต้องมีเหตุผล ด้านทนายเผยว่าพร้อมนัดไกล่เกลี่ยที่ศาล.