แต่งงานกันมา 2 ปีแล้วสำหรับคู่รักที่ใครๆ ก็มองว่าติสต์อย่าง นุ่น ศิรพันธ์ และ ท็อป พิพัฒน์ ซึ่งหลังแต่งงาน ท็อป เพิ่งรู้ว่าเห้ย! มีเมียแล้วเจ๋งว่ะ พร้อมทั้งคู่ยังมาเปิดใจกับ ไทยรัฐออนไลน์ เรื่องการไม่อยากมีลูก ที่ทำ ท็อป-นุ่น โดนสังคมด่าซะอย่างนั้น!
ผ่านมา 2 ปี กับชีวิตสามีภรรยา ซัพพอร์ตกันยังไงบ้าง?
ท็อป “ผมจะบอกอย่างนี้นะส่วนใหญ่ผมจะได้รับการซัพพอร์ตจากนุ่น ผมจะเป็นพวกแบบเหมือนวิตกจริตเยอะ แบบคิดมาก ก็จะมีนุ่นนี่แหละเหมือนคอยบอกว่าสบายๆ บางทีปล่อยวางบ้าง นุ่นจะเป็นคนซัพพอร์ตบางทีนุ่นก็มาให้กำลังใจอันนี้ผมรู้สึกว่าเห้ยมีเมียแล้วมันเจ๋งว่ะ”
นุ่น “ตอบดี (มองหน้าสามีแล้วยิ้ม)”
ท็อป “ไม่ไงทุกทีเวลานอนก่ายหน้าผากอยู่คนเดียวเซ็งๆ ต้องออกไปเจอเพื่อน แต่มีเมียแล้ว เมียช่วยเราคิดให้เราสงบ ผมก็ไม่รู้ผมซัพพอร์ตอะไรนุ่นบ้างนะ”
นุ่น “เยอะค่ะ จริงๆ เห็นนุ่นแบบนี้เป็นคนก็คิดมาก แล้วพี่ท็อปเขาไม่ค่อยพูดมากเป็นผู้รับฟังที่ดี ถ้าเห็นหนักๆ เข้าเขาจะมีวิธีที่แบบเบี่ยงเบนความทุกข์หรือว่าจับเข่าคุยกันเขามีความเป็นผู้นำที่ดีมาก”
...
น่าเสียดายนะคู่นี้ถ้าไม่มีลูก ตัดสินใจแล้วใช่ไหม?
ท็อป “ผมว่าจริงๆ แล้วน่าจะบอกอีกที ผมแล้วแต่นุ่นเนาะ แต่ว่าในความคิดท็อปเนี่ยคือท็อปไม่ได้คิดว่าการที่ท็อปจะมีลูกคนหนึ่งมันเป็นเป้าหมายในชีวิต
ท็อปไม่ได้คิดว่าการที่จะมีเด็กคนหนึ่งเพื่อที่จะให้เขามาเลี้ยงเราเหรอก็ไม่ใช่ เพื่อที่จะทดสอบในชีวิตเราว่ามีศักยภาพเหรอ ท็อปไม่ได้เห็นเหตุผลของการมีลูกที่ชัดเจน ดังนั้นท็อปเลยบอกว่าไม่ได้ปิดถ้านุ่นอยากมีก็มีได้ท็อปเลี้ยงเต็มที่อยู่แล้ว
แต่ถ้านุ่นไม่อยากมีท็อปก็ไม่ได้ว่า ดังนั้นเลยให้นุ่นเป็นคนตัดสินใจเพราะว่าเขาก็ต้องตั้งท้อง ให้นมหรือว่าดูแล้วรับบทหนักมากกว่า”
นุ่น “เหมือนเดิมเลยค่ะ ไม่เคยมีความคิดอยู่แล้ว พูดไปอาจจะมีคนว่า คนหมั่นไส้ แต่นุ่นก็ยืนยันคำเดิม คือนึกภาพตัวเองไม่ออกนึกไม่ออกจริงๆ ตอนนี้นุ่นรู้สึกว่านุ่นมีความสุขได้ไปถ่ายละครสามสี่วัน คือเราไม่มีห่วงที่แบบทำอะไรไม่ได้”
2 ปีที่แต่งงานผ่านมา ชีวิตแต่งงานสวยหรูอย่างที่คิดมั้ย
ท็อป “เรื่องชีวิตคู่ตั้งแต่แรกที่คบกันหรือตั้งแต่ให้นุ่นรู้จักเรา ผมให้เค้ารู้จักตัวตนเลย วันแรกที่เจอกันผมไปดื่มเหล้ามาแล้วแดงตั้งแต่หัวจรดเท้า ผมทำให้เขาเห็นด้านมืดของเรา ถ้าเกิดอันนั้นเขารับไม่ได้จะได้รู้ ไม่ต้องเสียเวลา
ผมไม่ได้มีช่วงโปรโมชั่นก่อน ละสุดท้ายพอได้ปุ๊บกลับมาเป็นคนเดิม ผมนี่ด้านมืดตั้งแต่ช่วงแรกเลย ก็ทำให้รู้จัก จะได้ไม่เสียเวลาด้วย และไม่ทำให้อีกฝ่ายเสียความรู้สึกถ้าเราเปลี่ยนไป ผมทดลองแบบนี้สำหรับตัวผมเองนะผมว่ามันเวิร์กดี
อีกเรื่องที่ผมพูดหลายครั้งเนาะ เวลาบอกผมกับนุ่นไม่อยากมีลูก จะมีคนสองฝั่งให้ความเห็นมาในเรื่องลูกนี้ครับ แต่ผมว่าเป็นความคิดท็อปกับนุ่นนะ การที่วันนี้เรารู้สึกว่าเราไม่ได้อยากที่จะมีลูกในวันนี้ ผมไม่ได้บอกว่าอนาคตจะเป็นยังไง สิ่งที่เราคิดและเราได้ปรึกษาผู้ใหญ่ในบ้านแล้วว่าเออเราแบบไม่มีพ่อแม่ผมและนุ่นเขาโอเค
ถ้าครอบครัวอื่น ถ้าเกิดคุณมีความหวังของคนในครอบครัวที่เป็นผู้ใหญ่อยู่คุณอาจจะต้องฟังหตุผลตรงนั้นดูว่าเขาคิดอะไร หรือถ้าเกิดมีศักยภาพพอ มีเวลาพอในการที่จะเลี้ยงเด็กคนหนึ่งผมว่า ณ วันนี้ประเทศไทยเราต้องการเด็กที่เกิดมาที่มีศักยภาพมาพัฒนาประเทศ ถ้าเกิคุณมีศักยภาพตรงนี้ที่จะมี เราก็เชียร์คุณควรที่จะมี
แต่สำหรับน้องที่แบบ คือมึงยังไม่พร้อมและยังเด็กอยู่ยังไม่ได้มีวุฒิภาวะที่ควรจะมีลูก มันควรที่จะต้องคิดก่อนหรือเปล่า เด็กที่เกิดมาเขาจะกลายเป็นภาระของสังคมไหม ชีวิตหนึ่งชีวิตที่เกิดมาไม่สามารถที่จะยัดกลับคืนที่เดิม มันต้องเลี้ยงทำให้เขาดีขึ้นและดีขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้งที่สัมภาษณ์เรื่องนี้ก็จะมีบางเสียงด่ากลับเข้ามา แต่เรายังยืนยันที่คิดแบบนี้อยู่”
...
นุ่น “ถ้าพูดในมุมของคนที่เพิ่งแต่งงาน 2 ปี คู่ชีวิตมันมีความหมายลึกซึ้งมากกว่าการแต่งงานอยู่บ้านเดียวกันการซัพพอร์ตความรู้สึกซึ่งกันและกันไม่ใช่แค่ความรู้สึกซัพพอร์ตในทุกๆ ไม่ใช่รับแต่ด้านดีมา ด้านแย่ในสถานการณ์เราต้องอยู่ด้วยกัน
นุ่นเพิ่งมาเข้าใจคำว่าปิดตา ทำหูทวนลม อ้อเพิ่งเข้าใจตอนแต่งงานสิ่งที่บางทีผู้ใหญ่พูดมามันเอามาใช้ได้จริงๆ เราเคยเป็นเด็กที่มองว่าคนโบราณพูดอะไร เราเคยเป็นเด็กไม่ได้หรอกแต่งงานมานะเราจะไม่ยอม แต่พอจริงๆ เราต้องมีความยืดหยุ่นในการใช้ความสัมพันธ์”.