ต่อเนื่องกันไปกับซีรีส์ซุปเปอร์ฮีโร่ Marvel ที่อยู่ใน Disney+ Hotstar กับเรื่อง The Falcon and the Winter Soldier หรือในชื่อไทยว่า เดอะฟอลคอนและเดอะวินเทอร์โซลเจอร์ ที่สรุปความน่าสนใจของเรื่องนี้อย่างสั้น ๆ ว่านี่คือซีรีส์ที่ให้ความรู้สึกเหมือนตอนดู Captain America: The Winter Soldier กลับมาอีกครั้ง ที่นอกจากเรื่องราวแนวซุปเปอร์ฮีโร่แล้ว ยังมีส่วนผสมของบรรยากาศทางการเมืองและการสะท้อนภาพสังคมที่ได้รับผลกระทบหลังเหตุการณ์ Endgame
The Falcon and the Winter Soldier กำกับโดย คารี สก็อกแลนด์ ที่เคยผ่านการกำกับบางตอนของซีรีส์สายการเมืองมาก่อนอย่าง House of Cards และ Marvel's The Punisher และใน The Falcon and the Winter Soldier ก็ได้รับหน้าที่กำกับทั้งซีรีส์ นำทีมนักแสดงโดย แอนโทนี แมกกี ในบท แซม วิลสัน หรือ ฟอลคอน และ เซบาสเตียน สแตน ในบท บัคกี้ บาร์นส์ หรือ วินเทอร์โซลเจอร์
...
ซีรีส์เล่าเรื่องราวหลังจากที่ แซม วิลสัน ได้โล่มาจากกัปตันอเมริกา แต่แซมกลับรู้สึกว่าเขาไม่พร้อมที่จะสานต่อภาระที่ยิ่งใหญ่ของกัปตันอเมริกา จึงได้ส่งมอบโล่ให้กับทางการ นั่นทำให้ บัคกี้ ซึ่งกำลังหาทางหลุดพ้นจากอดีตที่ตัวเองได้ก่อไว้ในฐานะวินเทอร์โซลเยอร์ ไม่พอใจในการกระทำของแซม
ขณะที่ผลกระทบจาก End Game ทำให้เกิดกลุ่มก่อการร้ายใหม่ที่ชื่อ Flag Smashers ที่หวังจะสร้างโลกใหม่ขึ้นมาด้วยเซรุ่มซุปเปอร์โซลเยอร์ นั่นทำให้คนอเมริกันต้องการฮีโร่ที่มาปกป้องพวกเขา รัฐจึงได้เปิดตัว กัปตันอเมริกาคนใหม่! ด้วยปริศนาและความซับซ้อนของสถานการณ์ ทำให้ Falcon และ Winter Soldier ต้องร่วมมือกันเพื่อต่อสู้กับเหล่าผู้ก่อการร้ายนำสันติสุขกลับมาให้อเมริกาอีกครั้ง
ซุปเปอร์ฮีโร่คู่หูคู่กัดของ Marvel
ตลอด 10 ปี การเดินทางของหนังและซีรีส์ของ Marvel นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่นำเสนอเรื่องราวแนวคู่หูผจญภัย โดดเด่นด้วยบทสนทนาเผ็ดร้อน โต้ตอบกันของทั้งสอง ที่เต็มไปด้วยมุกกัดจิกร้ายๆ แบบมีสไตล์ กลายเป็นคู่หูคู่กัดที่เมื่อเข้าฉากร่วมกันมันดึงดูดให้อยากติดตามเหลือเกิน ว่าจะมีอะไรมาแก้เผ็ดใส่กัน
แม้จะดูตามขนบไปหน่อยที่ความสัมพันธ์ระหว่าง แซม วิลสัน และ บัคกี้ เริ่มต้นด้วยความขัดแย้ง เผชิญบททดสอบ ปรับความเข้าใจ และใช้พลังมิตรภาพปราบปรามเหล่าร้าย แต่ในรายละเอียดนั้นถือว่า Marvel ใช้ประโยชน์จากการสร้างเป็นซีรีส์ในการสร้างความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ได้อย่างน่าสนใจ
แต่ละตอนจะค่อยๆ เพิ่มความขัดแย้งทางจิตใจ เมื่อคนหนึ่งไม่พร้อมเผชิญหน้ากับอนาคต กับอีกคนที่ไม่อาจก้าวพ้นจากอดีต โดยมีสถานการณ์ที่คอยบีบคั้นพวกเขาให้ต้องคิดและตัดสินใจ ทั้งหมดเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเสริมมิติให้กับตัวละครทั้งสอง ทำให้อยากเอาใจช่วยให้พวกเขาผ่านอุปสรรคไปให้ได้ในแต่ละตอน
การเมืองและสังคมในซุปเปอร์ฮีโร่
จะว่าไปแล้วตั้งแต่เส้นทางของ MCU (Marvel Cinematic Universe) มุ่งไปสู่การรวบรวมอัญมณีพลังเพื่อไปสู่ปลายทางในสงครามใหญ่ Avengers: Infinity War และ End Game สเกลของเรื่องราวก็ใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ และนั่นทำให้เราได้เห็นประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งบนโลกภาพยนตร์ แต่อีกด้านหนึ่งก็ทำให้การเล่าเรื่องในมุมที่ใกล้ชิดกับมนุษย์นั้นค่อยๆ ลดลง ซึ่งใน The Falcon and the Winter Soldier คือการกลับมาสู่เส้นทางที่เล่าเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับ “คน” แบบเต็ม ๆ อีกครั้ง
...
แรงจูงใจของ Flag Smashers, ผู้ชักใยไม่เผยตัวของ Power Broker, ไปจนถึงการกระทำของหน่วยงานรัฐต่อประชาชน ภายใต้ข้ออ้างอันแสนชอบธรรมอย่างคำว่า “เพื่อชาติ” ทั้งหมดเป็นภาพสะท้อนของโลกแห่งความจริง ที่เราพบเห็นได้อยู่ทุกวันไม่ว่าจากที่ใดบนโลกในซีรีส์เรื่องนี้ ประกอบกับส่วนตัวค่อนข้างชื่นชอบ Captain America: The Winter Soldier ที่มีส่วนผสมของบรรยากาศทางการเมืองเป็นพิเศษ ทำให้ชอบนัยแฝงทางการเมืองและสังคมต่างๆ ที่อยู่ใน The Falcon and the Winter Soldier มากเป็นพิเศษ
ตอกย้ำด้วยตอนที่ 6 (ตอนสุดท้าย) ด้วยหนึ่งใน “Speech” ที่สะเทือนใจและดีที่สุดที่ได้จากหนังและซีรีส์ที่ได้ดูทั้งหมดในปีนี้
...
โดยสรุป Falcon and Winter Soldier เป็นอีกหนึ่งซีรีส์ของ Marvel ที่น่าพอใจทั้งในด้านเนื้อเรื่องและฉากแอ็กชั่น แน่นอนว่าแฟน Marvel ไม่พลาดกันอยู่แล้ว แต่สำหรับแฟนทั่วไปนั้น ใครที่ชอบซุปเปอร์ฮีโร่ที่เนื้อเรื่องมีส่วนผสมของบรรยากาศทางการเมืองและสังคม น่าจะชอบซีรีส์ของ Marvel เรื่องนี้เป็นพิเศษ
อ่านรีวิวหนัง ตีตั๋วชนโรง เรื่องอื่นๆ
ชา ตีตั๋วชนโรง
Twitter @Chamanz13
Facebook: ตีตั๋วชนโรง