กลายเป็นประเด็นร้อน เมื่อ พชร์ อานนท์ เผยภาพล่าสุดของนักแสดงหนุ่ม เบสท์ เอกวัฒน์ นิรัตน์วรปัญญา พระเอกดังจากมิวสิกวิดีโอเพลง “แพ้ทาง” ศิลปิน Labanoon ซึ่งปัจจุบันดูเปลี่ยนไปมาก ดูผอมลงและมีรอยสักเกือบทั้งตัว จนไม่เหลือเค้าโครงเดิม

ทำเอาคนสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น และเกิดกระแสวิจารณ์อย่างหนัก ทั้งกล่าวหาว่าเจ้าตัวเสพยา รอยสักเรื้อน ซึ่ง เบสท์ เอกวัฒน์ ก็ได้โต้กลับคนวิจารณ์ว่า “จากการเมนต์ที่เป็นเอกฉันท์ คือ ผมไม่ได้ติดยาครับ แค่ทรงมันได้ครับพี่ๆ ไม่เชื่อ = ตรวจเยี่ยxได้จร้า แต่ต้องมีข้อเปลี่ยนน้า ขอคนกล้าๆ พร้อมเยี่ยxครับพี่ (เพราะพวกคุณบอกผมนู่นนี่นั่นสารพัด.) รู้ครับว่าเหี้_แต่ปัจจุบันเลิกเหี้_แล้วครับพี่ๆ”

ล่าสุดนักข่าวไปสัมภาษณ์ เบสท์ เอกวัฒน์ ระหว่างถ่ายภาพยนตร์ “วัยเป้ง 2” ที่โรงเรียนพระมหาไถ่ศึกษา เจ้าตัวเลยเปิดใจถึงกระแสวิจารณ์ที่เกิดขึ้น

...

พูดถึงภาพยนตร์ “วัยเป้ง 2” หน่อย ความรู้สึกที่ได้มาเล่นหนังเรื่องนี้?

“ก็ดีใจครับ ตัวผมอยากเล่นอยู่แล้วด้วย บทบาทก็ทุ่มทุนสุดๆ ลดน้ำหนักเลย คือลดเพื่อเล่นหนังเรื่องนี้โดยเฉพาะ เพราะว่าให้มันตรงกับคาแรกเตอร์นิดนึง ตอนแรกพี่พชร์ อานนท์ บอกเลยว่ามึxไปลดน้ำหนัก (หัวเราะ) ก็ลด 10 กก. ตอนแรกผมอ้วนมาก ถามว่าในบทนี้ทำไมต้องลดหนัก บทมันเป็นยังไง ยังไม่บอกได้ไหม ถ้าบอกจะรู้เลยอะ ไปดูกันในโรงได้ไหม”

มันยากไหมกับการลดน้ำหนัก 10 กก. เขามีให้รางวัลเราไหม?

“ไม่มีนะ ไม่ได้มีคุยกันเลยครับ กว่าจะลงก็นานนะครับ ก็ลดอยู่เป็นเดือน ผมกินข้าวได้วันละมื้อ ถ้าหิวก็กินนมอย่างเดียว”

แต่มันก็เป็นไวรัล คนแชร์ภาพเปรียบเทียบเรา บอกว่าตอนนี้เปลี่ยนไปเยอะ เราเห็นแล้วตกใจไหม?

“ก็มีบ้าง แต่เขาเปรียบเทียบเกินไป รูปนั้นตั้งแต่ผมเข้าวงการครั้งแรกเลยนะ และอีกรูปเป็นรูปปัจจุบันที่ผมลดน้ำหนักมาเล่นหนังเรื่องนี้ มันไม่แฟร์กันเลยอะ"

บางคนก็คอมเมนต์แรง ถามว่าเราติดยาหรือเปล่า?

“ตรวจเยี่ยxโชว์ได้เลยไหมครับ ถ้าโชว์ได้ ผมโชว์เลย บางทีก็เข้าใจเลยนะ คนที่เขาไม่ได้เล่น อยู่ดีๆ มีคนมาพูดว่าเขาเล่นยา ถามว่าบั่นทอนไหม มันก็นิดนึงนะ ตอนแรกไม่ค่อยเท่าไร แต่พอมาตอนหลังที่เราลงรูปเขาบอกว่าเราติดยา เราก็เลยรู้สึกว่าทำไมเขามองแต่ภาพลบ ไม่มองในภาพดีๆ กันบ้างเลย”

ครอบครัวเราเป็นไงบ้าง เขาถามเราไหม?

“เพื่อนพี่สาวก็ทักมา เพื่อนพ่อเพื่อนแม่ก็ทักมากันหมดเลย เยอะมากๆ (หัวเราะ) แต่ยังโชคดีที่ได้กำลังใจดี ยังมีพี่สาวที่คอยโทรมาให้กำลังใจ มีครอบครัวให้กำลังใจอยู่บ้าง (ไม่ได้หมดกำลังใจในการที่เราทุ่มทุนการแสดง?) ไม่ครับผม โห มาขนาดนี้แล้ว ไม่ได้แล้ว”

นอกจากนี้ยังคนมาติเรื่องรอยสัก บอกว่ารอยสักเรื้อน?

“โห บอกสักเรื้อนเลยเหรอ แรงไปเปล่า (หัวเราะ) มันเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง แล้วผมชอบมาก อยากจะบอกว่าแค่ปลาตัวเดียว (รอยสัก) ราคาได้รถคันนึงเลยนะ ไม่อยากโชว์นะเว้ย (หัวเราะ) เรื่องสักผมเป็นคนชอบทางนี้อยู่แล้วด้วย ผมไปสักน้ำมันก่อน ผมเป็นสายหัวโบราณนิดนึง”

ตอนแรกคนเห็นภาพเราในลุคใสๆ แล้วอยู่ๆ มาทางนี้ มีจุดเปลี่ยนไหม?

“ตอนแรกเราสักอยู่แล้ว เราสักมาตั้งนานแล้วครับ แต่เราสักในร่มผ้าหมดเลย จนมันล้นแล้ว คือเขามาเห็นตอนที่มันล้นไปหมดแล้ว เละเทะไปหมดแล้ว ตอนนั้นมันก็ยังหลบได้ แต่ตอนนี้เราลดน้ำหนักด้วย มันเลยทำให้เราดูโทรม”

เราอยากให้สังคมยอมรับเรื่องรอยสักไหม?

“ตรงนี้อยากให้คนยอมรับนะ ขอมากๆ เลยครับเรื่องรอยสัก (ยกมือไหว้) เป็นเรื่องหนึ่งที่ผมอยากขอมากๆ เพราะบางทีเขาแค่เห็นรอยสัก เขามองเลยนะว่ามึxอยู่แดนไหน บางทีผมก็น้อยใจเหมือนกันนะ บางทีก็เจอถามอยู่แดนไหน ผมอยากให้มองดีๆ กันบ้าง”

...

พอเราเปิดเผยรอยสัก มันมีผลกับงานเราไหม?

“พอเปิดปุ๊บ มีปัญหาเยอะเลยครับ อยากเตือนๆ วัยรุ่นที่เข้าวงการใหม่ๆ ว่าอย่าไปสักเลยเด็ดขาดนะ อยากเตือนน้องๆ ไว้เพราะว่ามันตัดสิทธิของตัวเรามากๆ นะครับ ยิ่งถ้าเราสักออกจากร่มผ้ามา หรือว่าจะเป็นในร่มผ้า มันก็ยังมีสิทธิอยู่เหมือนกัน อยากให้คิดเยอะๆ ถ้าอยากจะสัก”

อย่างงานในวงการก็หายไปสักพัก มีคนมองว่าเราตกอับไหม?

“มีคอมเมนต์แบบนี้มาเหมือนกันครับ แต่ว่าบ้านผมขายข้าวมันไก่ ผมมีข้าวกิน (หัวเราะ)”

หลังจากนี้เราแฮปปี้กับทรงนี้แล้ว หรือว่าอยากจะเพิ่มน้ำหนักขึ้นอีก?

“ขอเวลา 2 เดือน แล้วเรามาเจอกัน เพราะว่านายหัวผมบอกแล้วว่ารอดูมึxนะไอ้เบสท์ (หัวเราะ)”

จะกลับมาเพิ่มน้ำหนักให้มันเท่าเดิมหรือประมาณไหน?

“ตอนนี้ที่คิดไว้อยากให้มีกล้าม เพราะว่าโดนบีบกันมา คนมองว่าเราเป็นขี้ยา ผมว่ามันแรงนะ ผมไม่เคยมีนะกล้ามใหญ่กล้ามเฟิร์ม ก็เลยอยากลองดูสักครั้ง เดี๋ยวรู้เลย”.

คลิกเพื่ออ่าน ข่าวบันเทิง เพิ่มเติม