ทำเอาซุปตาร์ตัวแม่ “ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต“ ออกตัวเลยว่ายอมถอยให้กับความฮอตของ น้องแอบิเกล ลูกสาวที่ขึ้นแท่นซุปตาร์ฟันน้ำนม เผยความน่ารักสดใส จนแฟนคลับหลงรักโดนเจ๊เกลตกอยู่หมัด กดไลค์กดแชร์คลิปต่างๆเต็มโลกโซเชียล แถมตอนนี้ยังงานรุมแน่น เจอ ชมพู่ ร่วมงาน L’Oreal Paris Worth It ณ ริเวอร์พาร์ค ชั้น G ศูนย์การค้า ICONSIAM
ตอนนี้ลูกสาวกับแม่ใครฮอตกว่ากัน?
“ตอนนี้ต้องถอยให้ลูก”
เป็นอันดับ 1 เอนเกจเมนต์ดีที่สุด?
“แม่ต้องถอยให้ค่ะ”
คนรักทั้งประเทศเลย?
“มันเร็วไปอะ รู้สึกว่า เฮ้ย! ทําไมโตเร็วจังเลย 2 ขวบกว่า แล้วปีนี้ก็จะเป็นปีสุดท้ายที่ได้อยู่ด้วยกัน เพราะว่าเดี๋ยวก็ไปโรงเรียนแล้ว”
ในความรู้สึกที่บอกว่ามันเร็วคือ?
“เราผ่านการเลี้ยงเด็กผู้ชายฝาแฝด อย่างตอนที่สายฟ้า-พายุเป็นเบบี๋ เราก็รู้สึกว่าแต่ละคืนกว่ามันจะผ่านไป 3 เดือนแรกเมื่อไหร่มันจะผ่านไปสักที แต่กลายเป็นว่าพอมาเป็นพี่เกลทุกอย่างมันผ่านไป เพราะว่าเรารู้สเต็ปรู้อะไรทุกอย่างแล้ว ก็รู้สึกว่ามันค่อนข้างเร็ว”
...
กังวลในเรื่องความฮอตของเค้าเวลาไปโรงเรียนมั้ย?
“ไม่ค่อยกังวลนะคะ เพราะว่าเวลาอยู่โรงเรียนเค้าก็เป็นเด็กปกติ อย่างตอนพี่สายพี่พาอยู่โรงเรียนเค้าก็เป็นเด็กปกติ ที่โรงเรียนเค้าก็ทรีตเด็กทุกคนเท่ากัน ยิ่งถ้าโรงเรียนอินเตอร์ก็ไม่ได้มีใครสนใจว่าใครเป็นใคร”
กับน้องเกลก่อนเข้าโรงเรียนเตรียมตัวยังไง?
“ตอนที่พี่สายพี่พา 2 ขวบ ไปพรีเนิร์สเซอรี แต่ว่าคนนี้แม่ไม่ให้ไป คือขี้เกียจรับส่ง 2 ที่ แล้วรู้สึกว่าเราผ่านมาแล้ว ก็รู้ว่ามันต้องอะไรประมาณไหน เราก็รู้สึกว่าโรงเรียนจะมีอะไรที่สามารถให้ได้มากกว่าที่พ่อแม่ ซึ่งถามว่ามันมีมั้ย มันก็มีฝึกเรื่องระเบียบวินัย เรื่องอะไรที่มันฝึกได้ดีกว่าอยู่ที่บ้าน แต่ก็รู้สึกว่ามันเร็วมาก ก็เลยอยากอยู่กับเค้าอีกปีหนึ่ง แล้วเดี๋ยวค่อยให้ย้ายไปโรงเรียนเดียวกับพี่เลยปีหน้า จะได้ไม่ต้อง 2 ที่ ถ้าเค้ารับนะ”
เค้ารับรู้มั้ยว่าเค้าเป็นที่สนใจ?
“จริงๆ ชมว่าเด็กเค้าอาจจะไม่ได้รู้หรอกว่าเค้าแบบเป็นสตาร์นะ แต่เค้ารู้ว่าเค้าได้ความรัก เพราะว่าภาษาของเค้า เค้ารู้แค่นั้น เค้ารู้ว่าเวลาเค้าไปทํางานกับแม่ ทีมงานหรือว่าเพื่อนฝูงทุกคนช่วยกันเลี้ยง ทุกคนรักเค้า ให้ความรักเค้า”
ถ้าเค้าเข้าโรงเรียนจะไม่ร้องเลยเหรอ?
“ไม่แน่ใจว่าตัวเองจะร้องหรือเปล่า แต่ว่าคิดว่าเจ๊ไม่ร้องมั้ง เพราะว่าทุกวันนี้เค้าไปส่งพี่ที่โรงเรียน เค้าก็จะเหมือนวิ่งตาม เขาจะอยากไปโรงเรียน อยากสะพายกระเป๋า เวลาไปส่งพี่ก็เริ่มให้เล่นในสนามที่โรงเรียน แต่เค้ายังไม่รู้นะว่าเค้ารับเราหรือเปล่า แต่ว่าก็ให้คุ้นชินเอาไว้”
พี่สองคนห่วงน้องมั้ย?
“เค้าก็รักน้อง เค้าก็หวงน้อง แต่ว่าก็ตีกันทุกวัน ก็ตามประสาแหละ ถึงเวลารักก็รัก แต่ว่าถึงเวลาตีก็เต็มที่เหมือนกัน”
แล้วแม่ห้ามยังไง?
“ก็แล้วแต่สถานการณ์ คือบางทีก็จะบอกว่าให้ทนน้องหน่อย เดี๋ยวน้องก็โตแล้ว แต่ว่าบางทีก็จะต้องบอกน้องเหมือนกัน เพราะว่าเค้าเริ่มที่จะรู้เรื่องแล้ว ก็พูดซ้ำๆไป เค้าก็วีน เค้าเป็นดีว่าอยู่แล้ว เค้าก็จะต้องมีตอบโต้ ก็ไม่ ใช่เด็กที่เรียกว่าจะว่านอนสอนง่ายขนาดนั้น ก็มีฤทธิ์เหมือนกัน เราก็ต้องพูดซ้ำๆ พูดบ่อยๆ”
มีงานติดต่อเยอะมั้ย?
“ก็เอาที่เราแมเนจไหว ความเป็นไปได้ และผู้จ้างก็เข้าใจในเนเจอร์ของเด็กว่าเด็ก 2 ขวบ ข้อจํากัดเค้าจะมีอะไรบ้าง จะทําอะไรได้บ้าง คือถ้าคาดหวังว่าจะทําได้แบบเหมือนแม่มันเป็นไปไม่ได้ คือขอคนเข้าใจจริงๆ จะบอกว่าเอาเด็กไปงาน มันต้องเตรียมอะไร หลายๆอย่าง หนึ่งคือมันต้องเป็นเวลาที่เค้าไม่ง่วงนอน เค้าต้องกินอิ่มนอนหลับ ต้องจับเค้านอนกลางวันมาแบบ 2-3 ชั่วโมง ให้อารมณ์ดี”
...
ถามเรื่องดุลูกมีประเด็นขึ้นมา?
“เออ คนเดียวเอง”
เราวีนแรงจริงมั้ย?
“แรงกว่านี้อีกค่ะ อยู่บ้าน”
แม่ชมดุ?
“ก็เรื่องจริง เพราะว่าพูดดีๆ 4-5 ครั้งแล้ว มันก็ต้องแล้วแต่สไตล์แหละค่ะ แล้วแต่บ้าน แต่ว่าปกติเราก็พูดกันดีๆ แต่ว่ามันก็ตามเอเนอร์จีเด็ก”
เป็นมนุษย์แม่ของแท้?
“ใช่”
ปีนี้แม่ชมไปคานส์มั้ย?
“ปีนี้ก็ไปค่ะ ไปกลางเดือนนี้ค่ะ”
ธีมของปีนี้จะเป็นยังไง?
“สําหรับชมนะ คนอื่นว่ายังไงไม่รู้ แต่ชมว่าปีนี้ถูกใจตัวเอง แต่คนอื่นไม่รู้ยังไงเหมือนกัน แต่คิดว่าน่าจะได้เห็นอะไรที่ไม่เคยเห็นบ้าง คือด้วยความที่ว่ามันผ่านมาเป็น 10 ครั้งแล้ว ถ้าจะคิดว่าต้องไม่ซ้ำไม่จําเจ หรือว่าต้องไม่ใส่สีนั้นไม่ใส่แบบนี้ ไม่ใส่ตัดฟูๆ คือชมว่ามันเป็นไปไม่ได้ ก็คือขอเป็นอะไรที่มันตรงจริตเราตอนนี้ แล้วมันก็รู้สึกว่าใช่สําหรับเราตอนนี้เพราะว่ามันเป็นโมเมนต์นี้นาทีนี้”.
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่