กลับมาบู๊สนั่นจอแบบไม่ห่วงหล่อ สำหรับพระเอกหนุ่ม บูม-กิตตน์ก้อง ขำกฤษ หรือกล้า จากละครแอ็กชันดราม่าเดือด “กล้า ผาเหล็ก” ทางช่อง 7HD จับคู่นางเอกสาว ฮาน่า ลีวิส เคมีเข้ากันดี ผลงานกำกับของเอก-รังสิโรจน์ ถูกอกถูกใจคอละครสายบู๊จนโกยเรตติ้งดีวันดีคืน
ไหนๆเรื่องราวกำลังเข้มข้นลุ้นกันทุก EP เลยต้องคว้า หนุ่มบูมมาเล่าเบื้องหน้าที่โหดๆ แต่เบื้องหลังสนุกสนาน พร้อมอัปเดตหลังพาผู้ใหญ่เจรจาสู่ขอ กีฟ-ดราภดา โสตถิพิทักษ์ แฟนสาวที่คบหาดูใจมานานกว่า 10 ปี มีแพลนแต่งงานปีนี้แน่นอน ใน “คนดังนั่งคุย”
การทำงานกับ พี่เอก-รังสิโรจน์ เป็นยังไงบ้าง ถือว่าแฮปปี้มากขนาดไหน “ผมประทับใจมาก แฮปปี้มาก ผมบอกพี่เอกทุกวัน ถ้าเรื่องหน้าพี่ทำบู๊อีกบอกนะครับ ผมสแตนด์บายเลยครับ (หัวเราะ) พี่เอกน่ารักมาก เอาจริงๆตอนแรกก็หวั่นแหละละครบู๊ โลเกชันจะเป็นไง การทำงานจะเป็นไง เหนื่อยเราไม่กลัวแต่เรากลัวแดดมากกว่า เพราะเราไม่ได้ถ่ายเรื่องเดียว เราก็กลัวว่าจะไม่สบายแล้วอีกเรื่องต้องหยุดถ่าย แล้วก็กลัวเรื่องดำ ซึ่งตอนนั้นที่ถ่ายควบกันเลยคือเรื่องเข็มซ่อนปลาย ถ้าเราถ่ายบู๊แล้วอาจจะตัวดำ ไปใส่สูทมันก็คงจะไม่ดี เราก็กังวลเรื่องความต่อเนื่องมากกว่าการเล่นบู๊ แต่เราก็ไม่ได้บอกพี่เอกอะไรนะ ทุกอย่างก็โอเคครับ”
...
ในพาร์ตนักแสดงเราเคยได้ร่วมงานกับพี่เอกมาก่อนหรือเปล่า “เอาจริงๆไม่เคยทำงานกับพี่เอกเลยแม้จะอยู่ช่องเดียวกัน ต้องย้อนไปนานมากสมัยละครยมบาลเจ้าขา เราได้ไปรับเชิญเรื่องเดียวกับพี่เอก แต่ก็ไม่ได้เข้าอะไรด้วยกันมาก ไม่ได้เฉียดเลยก็ว่าได้ เพราะผมอยู่ในพาร์ตปกติไม่ได้เจอกับยมบาล พี่เอกเล่นเป็นยมบาล ผมก็เลยไม่ได้เจอพี่เอก แล้วพอมาทำงานกับพี่เอกจริงๆ เต็มๆในเรื่องนี้ก็คือสบายใจมาก พี่เอกดูแลดีมากๆ แฮปปี้มาก เรื่องนี้ถ่ายทำเร็วมาก”
พอรู้พี่เอกเป็นผู้จัดหน้าใหม่ เรารู้สึกกังวลบ้างมั้ย “แรกๆก็มีบ้าง แต่เอาจริงๆบูมก็ผ่านประสบการณ์การทำงานกับผู้กำกับหรือผู้จัดที่เป็นนักแสดงมาก่อนบ้าง อย่างพี่เติ้ล-ตะวัน, พี่เจี๊ยบ-โสภิตนภา, พี่พิม-พิมพ์มาดา เราก็แฮปปี้อยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมาจะเป็นละครดราม่า แต่เรื่องนี้เป็นละครบู๊ จริงๆผมก็อยากเล่นอยู่แล้ว เราก็ห่างไปนาน แล้วนางเอกเป็นฮาน่า (ฮาน่า ลีวิส) เราสนิทกันอยู่แล้ว จริงๆ ไม่ได้กดดันขนาดนั้น เราก็ผ่านความเหนื่อยมาเยอะ พอมาเจอพี่เอกที่เป็นผู้จัดที่น่ารักซัพพอร์ตนักแสดงทีมงานทุกอย่างเรียกว่าเป็นความโชคดี”
เรื่องดราม่าไม่น่าห่วง แล้วเวลาเข้าซีนหวานๆ กุ๊กกิ๊กกับฮาน่าล่ะเป็นยังไงบ้าง “ก็ต้องมีขออนุญาตกันบ้าง กับน้องเราก็ต้องมีขอโทษกันอยู่แล้ว กับพี่อ๊อฟ-ชนะพล เจอกันก็มีบอกๆคุยๆกันบ้าง แต่เราก็รู้อยู่แล้ว แล้วความเป็นละครบู๊ก็แค่กอดกันใกล้ๆกัน ไม่ได้เลิฟซีนหนักหน่วงขนาดนั้น ฟีลมองหน้ามองตากันประมาณนี้ครับ”
แล้วเราต้องบอกกีฟ (ดราภดา โสตถิพิทักษ์) มั้ย “ไม่ขนาดนั้นครับ แต่แทบจะไม่ให้มากอง (หัวเราะ) ซึ่งเขาเข้าใจนะว่าเราทำงาน เราก็บอกให้เขารู้แทน แล้วพอละครออนเรื่องนี้ไม่ได้มีฉากเลิฟซีนสักเท่าไหร่ก็เลยไม่ได้อะไรมาก เรื่องการทำงานกีฟเขาเข้าใจอยู่แล้วครับ”
กล้าที่จะให้กีฟดูในฉากพวกนี้มั้ย “พอรู้วันนี้จะมีฉากพวกนี้ผมก็แก้เก้อด้วยการชวนเค้าออกไปนั่งกินข้าวนอกบ้านจะได้ไม่ต้องดูทีวี (หัวเราะ) แต่ถ้าวันที่จะถ่ายอย่างละคร พรหมพิศวาส, เข็มซ่อนปลาย ที่มีฉากเลิฟซีนหนักๆ เราก็จะบอกกันตั้งแต่วันที่ถ่ายทำให้รู้ล่วงหน้า แบบจึงเรียนมาเพื่อทราบ แบบนั้น (หัวเราะ)”
ก่อนหน้าไปเที่ยวอเมริกา 1 เดือน อยู่โน้นได้ทำอะไรบ้าง “อาทิตย์แรกนอน อาทิตย์ที่สองกิน อาทิตย์ที่สามช็อปปิ้ง อาทิตย์ที่สี่เริ่มเที่ยวโน่นนี่นั่นที่อยากไป คืออาจจะงงว่าอาทิตย์แรกทำไมนอนเยอะขนาดนั้น คือเราอยู่ไทยถึงพรุ่งนี้เราจะไม่มีงานไม่ต้องออกจากบ้าน แต่เราก็มีเรื่องให้คิดหรือต้องไปคุยกับใครบ้าง ไปคลินิกโน่นนี่นั่นตลอด มันก็เหมือนเราไม่ได้หยุดเพราะก็มีอะไรให้ทำตลอดเวลา พอไปที่โน่นเราเคลียร์ทุกอย่างไว้ครบแล้วเราก็คือได้หยุดจริงๆ ส่วนเรื่องธุรกิจน้องสาวบูมก็เข้ามาดูแลเต็มตัวแล้วนอกจากอะไรที่เขาติดขัดจริงๆ เขาถึงจะมาปรึกษาเรา”
ช่วงที่อยู่เฉยๆ กีฟเขามีฟีดแบ็กอะไรมั้ย เพราะดูเขาเป็นคนชอบทำอะไรอยู่ตลอด “ก็ไม่นะครับ เพราะเราตั้งใจไปพักผ่อน ตื่นนอนค่อยไปหาอะไรกินกันสองคน บ่ายๆ จิบกาแฟชิลๆ กลับมาก็กลับมานอน เหมือนเด็กที่ได้มีเวลาปิดเทอมไม่ต้องตื่นเช้า เราห่างจากการพักยาวๆไปนานมาก ทริปนี้เราก็ตั้งใจเพื่อหยุดพักจริงๆ เป็นทริปยาวๆที่ได้หยุดพักในรอบ 5-6 ปี ก่อนหน้านี้มีไปหลังปลดทหารช่วงรอผมขึ้นก็ไปอเมริกา 20 วัน ก็คุยกับกีฟว่าจะไปทำไม 20 วัน พอไปถึงวันสุดท้ายที่ต้องกลับก็บอกกีฟว่า ยังไม่ได้ไปที่นั่น ยังไม่ได้ซื้ออันนี้ ยังไม่ได้กินร้านโน้น โอ๊ย ไม่มันพออะ ล่าสุดไปมาเดือนหนึ่งมันก็ยังไม่พอนะ (หัวเราะ)”
...
ทริปเที่ยวหนักขนาดนี้แล้วน้ำหนักขึ้นมาเยอะมั้ย “โอ๊ย ไม่เหลือ (หัวเราะ) วีกสองวีกแรกที่บอกว่ากินกับนอนก็คือน้ำหนักทักมาเลยครับ ขนาดน้องกีฟที่อยู่ที่นั่นเจอเราเขายังบอกพี่บูมหน้ากลมแล้วนะคะ เห็นชัดมากแต่เราคิดมาแล้วว่าเราเดินทางกลางเดือนแล้วเราจะกลับกลางเดือนอีกเดือนหนึ่ง พอต้นเดือน 15 วัน ก่อนกลับเราต้องลดน้ำหนักนะ แล้วก็ค่อยๆ ลงกลับมาก็ปกติ”
หลังที่ไปสู่ขอกีฟกับพ่อแม่บ้าง วันนั้นถามจริงๆถือฤกษ์ยามอะไรมั้ย “ถือฤกษ์ครับ น้องค่อนข้างเชื่อในเลขศาสตร์” วันนั้นดูบูมในคลิปที่โพสต์ไปดูตื่นเต้นมากนะ “ขอขำก่อนนิดได้มั้ยครับ คือมันเหมือนเราดูละครเลย ที่แบบว่านั่งซ้อมกับกระจก ผมขับรถ กีฟนั่งอยู่ข้างๆ คุณพ่อแม่นั่งอยู่ข้างหลัง แม่ๆผมต้องพูดว่าอะไรบ้างอะ แม่ก็บอกว่า พ่อครับวันนี้มันก็เป็นวันที่วันดีโน่นนั่นนี่ ผมก็บอกว่าแม่นี่มันเหมือนในละครเลยก็ขำกัน ผมก็แกล้งพูดใส่กระจกผมจะมาขอลูกสาวพ่อ เอาจริงก็เขินประหม่านะ แม้จะเคยผ่านในละครมาแต่พอเป็นเรื่องจริงมันก็ไม่เหมือนเลย เราไม่รู้เลยว่าพอเราพูดไปแล้วคุณพ่อน้องเขาจะตอบกลับมาว่าอะไร เหตุการณ์มันจะเป็นแบบไหน ยังไงต่อ อย่างในคลิปที่ลงก็คือมือสั่นไปหมด สกิลการแสดงคือเป็นศูนย์เลยนะ แล้วกีฟก็หลุดขำจริงก็ตื่นเต้นกันหมดทุกคน”
...
พอบูมบอกว่าขออนุญาตอย่างเป็นทางการ คุณพ่อกีฟพูดอะไรบ้าง “เอาจริงๆผมก็แอบตกใจกับคำตอบของคุณพ่อน้อง เพราะอย่างที่เราคิดก็คิดว่า พ่อจะต้องบอกว่าได้สิ แล้วงานจะจัดแบบไหนยังไงอะไรทำนองนั้น แต่กลายเป็นว่าประโยคแรกที่คุณพ่อบอกคือ คุณพ่อมองหน้าผมแล้วบอกว่าขอบคุณมากที่ให้เกียรติลูกสาวพ่อมาตลอด ที่ดูแลกีฟมาเป็นอย่างดี พ่อยังคิดมาตลอดเวลาว่ากีฟโชคดีที่เจอบูม บูมแบบโอ้โห นี่คือสิ่งที่ผมทำมาตลอด 10 ปี ที่พิสูจน์มาให้เขาเห็นว่าเราคู่ควรกับเขาให้ได้”
เรามีปมในใจที่เรามีความต่างกันใช่มั้ย “เอาจริงๆ ตั้งแต่วันที่จีบเขาวันแรก ถ้าเป็นตัวเลขผมคือศูนย์ และกีฟคือเกือบร้อยอยู่แล้ว อารมณ์เหมือนเด็ดดอกฟ้า น้องก็คือเริ่มประกวดชนะไทยซูเปอร์โมเดล เล่นละคร เดินแบบ คุณพ่อคุณแม่เลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี แต่เราเพิ่งจะเริ่มเซ็นสัญญาเองยังไม่รู้จะไปทิศทางไหน จะไปเป็นอะไรก็ไม่รู้ เรารู้แค่ว่าวันนี้เรารู้จักผู้หญิงคนหนึ่ง เราขอคบเขาในฐานะเพื่อนเป็นแรงบันดาลใจว่าวันหนึ่งที่เราจะดีขึ้นคู่ควรเป็นแฟนกับเขา จนวันที่เรารู้สึกว่าเราพร้อมแล้วเราก็ไปขอเป็นแฟนกับเขาต่อหน้าคุณพ่อเขา เราก็พยายามพิสูจน์ให้เห็นไปอีกว่าเราเหมาะสมจะแต่งงานกับลูกสาวเขา จนวันหนึ่งมันมาถึง 10-11 ปี ที่เราก็ลุ้นว่าคุณพ่อเขาโอเคนะ เพราะตลอดเวลาเราก็เต็มที่มาตลอด เราก็รอวันนั้นคุณพ่อบอกว่าคุณพ่ออนุญาตและขอบคุณเรานั่นแหละมันเหมือนกับว่าเราได้ทำสำเร็จแล้วกับ 10 ปีที่ผ่านมาว่าเราคู่ควรกับลูกสาวเขา ประทับใจกับสิ่งที่คุณพ่อพูดกับเรามากครับ”
...
ได้ฤกษ์แต่งงานแล้วหรือยัง “จริงๆเราก็ไปดูฤกษ์มาแล้วก็กำลังเอามาดูว่าจะเป็นวันไหนที่ลงตัวกับเราสะดวกด้วย ก็น่าจะในปีนี้น่าจะปลายๆปี บูมก็อยากให้คนที่บูมรักอยู่ครบๆ ในวันสำคัญของเรา ตอนนี้ก็มีการเริ่มเลือกชุด แหวน ผมก็อยากให้น้องเขาเลือกเอง เป็นสิ่งที่เขาชอบที่สุดตามที่เขาอยากได้ มันจะไม่มีอะไรในงานที่หนูไม่ชอบแต่เอาก็ได้ ผมอยากให้ทุกอย่างเขาชอบจริงๆ”
แล้วพอคิดจะแต่งงานแล้ว เรื่องลูกล่ะ “ณ ปัจจุบันนาทีนี้เลยนะ คุยกันว่าไม่น่าจะมีลูก แต่หลังจากนี้อีกสักชั่วโมง หรือหลังจากแต่งงานไปแล้ว ถ้าคุยกันว่าอยากจะมีก็มี”
ที่ตอนนี้ที่คิดว่าจะไม่มีลูกเพราะอะไร “น้องเขาก็มีเหตุผลของเขา ผมก็มีเหตุผลของผม ซึ่งพอเอาเหตุผลมาคุยกันคำตอบก็ออกมาเป็นไปในทิศทางเดียวกัน จะมาบอกว่าบูมไม่อยากมีก็ไม่ใช่เราเอาเหตุผลมาเบรนกัน ถามว่าเราอยากมีความสุข เราอยากตั้งความหวังเห็นคนคนหนึ่งเติบโตมั้ย ใช่ แต่พอผมมาเวย์ในฝั่งที่อะไรที่ทำให้ผมทุกข์ใจ พูดง่ายๆคือ ผมไม่ชอบความผิดหวัง แล้วการที่คนเราจะไม่ผิดหวังคือการที่เราต้องไม่คาดหวัง ชีวิตผมเกิดมาไม่เคยสูญเสียคนรักคนใกล้ตัว จนมาวันหนึ่งผมอายุ 30 กว่า เพราะว่าน้องกีฟที่เขาเลี้ยงชิวาว่า เขาอยู่กับพี่กีฟมา 5 ปี แล้วก็ช่วยกันเลี้ยงมาอีก 8 ปี เป็น 13 ปี จนวันหนึ่งมาเสียเขาไป ผมน้ำหนักลงไป 10 โล ร้องไห้เยอะมาก ทุกอย่างมันกะทันหันมาก ก็ตกใจตัวเองว่าเราเป็นอะไร เราไม่มีภูมิในการสูญเสียการจากลาเลย มันแค่ครั้งแรกผมยังรับมือมันไม่ได้เลย พูดง่ายๆ นี่แค่สุนัขนะแต่ผมก็รักมากเหมือนลูก แล้วคิดดูว่าวันหนึ่งเป็นคนใกล้ตัวผม เป็นคนที่เรารัก ณ วันนี้เรียกว่าที่ยังไม่อยากมีนะ เพราะผมอยากดูแลคุณพ่อ คุณแม่ น้องสาว หลานๆให้ดีที่สุดก่อน แต่อนาคตเป็นสิ่งที่เราคอนโทรลทุกอย่างให้เป็นอย่างที่เราหวังไม่ได้ ณ นาทีนี้ก็ยังไม่มี ถ้าวันหนึ่งที่จะเปลี่ยนแปลง แล้วเรายอมรับกับความผิดหวังมากขึ้น ค่อยว่ากันใหม่”.
เม้าท์ชัด จัดทุกตอน ติดตามได้ที่ www.thairath.co.th/novel และ Facebook Fanpage : นิยายไทยรัฐ