เป็นประเด็นที่หลายคนให้ความสนใจไม่น้อย เมื่อมีเหตุการณ์ดราม่ามิสแกรนด์ฯ เกิดขึ้น หลังจากที่มีการไปเก็บตัวนางงามที่ประเทศกัมพูชา จนทำให้ ณวัฒน์ อิสรไกรศีล บอสใหญ่ขององค์กรมิสแกรนด์ ต้องพานางงามทั้ง 74 ชีวิต รวมถึงทีมงาน จองตั๋วบินกลับประเทศไทยทันที

ล่าสุด บอสณวัฒน์ ได้ออกมาเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดกับสื่อมวลชน แบบหมดเปลือก ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างพานางงามไปเก็บตัว บอกว่า

- กรณีที่เกิดขึ้น รู้สึกผิดหวัง และเสียเวลา รู้จักเขาน้อยไป เราดูภาพจากคนนอก นึกว่าเป็นคนรวย แล้วก็มีคุณภาพ แต่รวยหรือเปล่าเราไม่รู้ แต่คุณภาพตกต่ำมาก

- สาเหตุที่ไปจัดงานที่นั่น มาจากเมียนมาที่ยกเลิก เนื่องจากความไม่มั่นคง ก็เลยถามประเทศสมาชิกคือ ญี่ปุ่น แต่เขาติดเรื่องโรงแรม ทางนี้คิดว่าเขาทำได้ เราก็เลยให้เขาทำไปครึ่งหนึ่ง ค่าใช้จ่ายจะถูกหน่อย ค่าฟรานไชส์เก็บเขาค่อนข้างสูง สำหรับประเทศแถบนี้

- ยอมรับว่า ค่าใช้จ่ายเยอะอยู่ แค่แคชก็ไม่ได้มากเท่าไหร่ แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าเราได้คุยกัน มีสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร มีเอกสารชัดเจนว่าต้องทำอะไร และมีเอกสารชัดเจนว่า ถ้าเขาไม่ทำตามข้อตกลง จะต้องเสียค่าปรับ

- จริงๆ เขาต้องเสียค่าปรับ แต่เราไม่อยากได้เงินเขา ออกมาได้ก็บุญแล้ว

- เราไปพูดคุยกับเขา 2 รอบ ก่อนจะทำงานจริง แต่ปรากฏเวลางานจริง มันไม่ได้อย่างที่คิด

- เริ่มจากสเต็ปแรก เมื่อนางงามไปถึง จะต้องมีแบ็กดรอป มีไวนิลที่สนามบิน มีความปลอดภัย แต่ไม่มีเลย แต่มีคนแค่ 3 คน คือ เหนียด กับทีมงาน มารับนางงาม

- ขออะไรเพิ่มก็ไม่ได้ จะอ้างว่าเป็นวันหยุด ที่นี่ต้องเตรียมล่วงหน้า ซึ่งเราคุยกันมาล่วงหน้าแล้ว 2 เดือน

- ไม่มีป้ายแบล็กดรอป ไม่มีไวนิล มิสแกรนด์อินเตอร์เนชันแนลเลย เพราะตามธรรมเนียมที่เราไปถึงก็จะมีสัมภาษณ์ แต่นี่ไม่มี ซึ่งจุดนี้ค่อนข้างที่จะโกรธมาก

...

- ไวไฟ เราให้เตรียมเป็นสปีดสูง แต่นี่ไม่มีเลย ถ่ายออกมากระตุกมาก จนต้องสั่งว่าให้เลิกถ่าย มันไม่ได้มีความพร้อม ก็อดทน

- โรงแรมของสื่อมวลชน ก่อนหน้านี้เราลองไปเข้าพักมาแล้ว ก็โอเค พอสื่อมวลชนมาถึงวันจริง ก็เข้าพักไม่ได้ จนต้องไปนอนโรงแรมเดียวกับทีมงาน โดยที่ไม่มีการบอกกล่าว

- ซึ่งสเปกทุกอย่าง เรามีการตกลงกันก่อนทำงาน เรามีแผนงานค่อนข้างดีมาก

- สิ่งที่ค่อนข้างหนักใจคือวันแถลงข่าว ใน agenda เราบอกรายละเอียดแล้วว่า ต้องการลีมูซีนคันยาว เพื่อจะส่งนางงามหน้าตึก เดินพรมแดงเข้ามา เพื่อเข้าห้องแถลงข่าว จะได้เป็นภาพที่สวยงาม วันก่อนหน้าเราเตือน เขาก็บอกได้ๆ จนบ่ายโมง ที่เราอาละวาดในห้องอาหาร ยังไม่เห็นแบล็กดรอป หรือไวนิลสักแผ่น จอก็ยังไม่เปลี่ยนเป็นคำว่า Miss Grand International 2024 สักจอ ยังมีโฆษณาสปาในโรงแรมซึ่งเหนื่อยมาก เลยเรียกมานั่งคุยกัน 4-5 คน ว่าทำไมยังไม่เสร็จ ก็แล้วแต่จะอ้าง เลยบอกให้ออกไปทำให้เสร็จ เขาก็ออกไปทำอย่างชุ่ยมา ก็มีแบล็กดรอปหน้างานกับโรงแรม แต่เป็นแบล็กดรอปที่น่าสงสารมาก มันเหมือนแบล็กดรอปที่กั้นส้วม น่าสงสาร สมเพชมาก ข้างหลังกันกระดกด้วยหินกับถังน้ำ โคตรอายเลย รู้สึกแย่ ทำได้แต่ก้มหน้าทำงานอย่างเดียว

- ปัญหาของเขาคือ โกหกจนเป็นนิสัย ไม่ได้เหมารวมว่าคนกัมพูชา แต่ว่าบริษัทที่รับงานนี้เท่านั้น

- ในงานวันแรกที่จัดขึ้น เขาบอกว่าจะมีรัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยว จนจะเริ่มงานแล้ว ก็ต้องคอยไปถามเขาว่า รัฐมนตรีมาถึงหรือยัง ปรากฏว่ายังไม่มีใครมา และยังบอกอีกว่า จะมีแขกมาเยอะประมาณ 400 คน ไม่ต้องห่วง แต่พอมาจริงๆ มีแค่ 20 คน และผมอายมาก รีบไปเกณฑ์ช่างหน้าช่างผมมานั่งปนเปเพื่อให้ภาพลักษณ์ดูดี แถมสื่อจากกัมพูชา ก็ยังไม่มี ทั้งๆ ที่เขาบอกว่า จะมีสื่อกัมพูชาทั่วประเทศมาเยอะ

- ไม่รู้ว่าเขามีประสบการณ์จัดงานระดับชาติมั้ย แต่เขาชอบทำตัวอวดรวย เพราะเขาเป็น ND มิสแกรนด์กัมพูชามา 2 ปี

- ในตอนที่เปิดงาน ขอโพเดียม แต่เขาบอกว่าไม่มี สุดท้ายต้องยืนถือไมค์ เหมือนมางานแต่งเพื่อน ทุเรศมั้ย ทุเรศ เขาไม่อาย แต่เราก็ต้องทำให้มันจบไป

- ตอนงานกาล่า พวกเราก็ต้องไปทำเวทีกันเอง ต้องไปช่วยกันทำจนเกือบนาทีสุดท้ายก่อนเริ่มงาน ฝ่ายนั้นบอกว่า คนจะเยอะมาก เพราะมางานเปิดตัวไม่ทัน สุดท้ายมาแค่ 10 กว่าคน ที่นั่งโต๊ะผมด้วยกันคือครอบครัวเขาทั้งหมด จนต้องไปเกณฑ์คนมา ทั้งนักข่าวที่ไปด้วยจากไทย ทั้ง ND ที่ติดตามนางงามมาจากแต่ละประเทศ มานั่งให้เต็ม ถึงจะเริ่มงานได้

- พอหันไปถามว่ารัฐมนตรีมามั้ย เขาบอกว่า ไม่มาแล้ว พอถามว่าทำไม เขาไม่ตอบ บอกได้เลยว่าเขาเป็นคนสิ้นคิด

- ณวัฒน์ เผยว่า ขอบอกเลยว่า เขาโง่มาก จะฟ้องก็ฟ้องไป ไม่กลัวหรอก เขาเป็นคนที่ทำงานไร้ซึ่งความคิด ไร้ความรับผิดชอบ ตอนที่ถ่ายทอดสด นางงามชุดหลุด เห็นเกือบทั้งเต้า พอไปขอให้เขาสวิตช์ เขาก็ไม่ทำให้ แล้วจะไปจับ นางงามก็ไม่ให้จับ คือมันไม่มีความปลอดภัยเลยในงานแห่งนี้

- และสิ่งที่ทำให้ทนไม่ไหว ก็คือวันไปล่องเรือ เป็นปัญหาหนักมาก เขาบอกเราว่าท่าเรือใกล้มาก แต่พอเดินทางไป ใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมง คนฝั่งนั้นเขาก็โทรมาหา แล้วให้บอกนางงามว่า ไม่ต้องลงเรือดีกว่า เดี๋ยวเราไปหาร้านอาหารกิน สบายกว่า เรือฝนมันตก มันลื่น มันดูแย่ มันดูไม่ดี พวกเราก็บอกว่า ไม่ได้ เพราะทุกคนมาแล้ว นางงามก็ตามหลังมาแล้ว ทุกคนก็ไปที่ท่าเรือ เพราะเราจะมาเปลี่ยนกะทันหันแบบนี้ไม่ได้ แต่ฝั่งนั้นมากล่าวหา บอสณวัฒน์ ว่ามาเปลี่ยนกะทันหัน แต่ความจริง ฝั่งนั้นเป็นคนเปลี่ยนไปเรื่อยเปื่อย เขาเอาอะไรคิด มานั่งตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จทั้งวันทั้งคืนอยู่ได้

...

- แต่เราบอกว่า ไม่ต้องไป เพราะทุกคนมาแล้ว แต่งตัวสวยแล้ว จะไปบอกเขาตอนนี้ไม่ได้

- พอลงไปที่ท่าเรือ ก็ได้โทรไปหา เหนียด ผู้จัดฝั่งกัมพูชา ก็ได้ถามว่าอยู่ไหน เขาก็บอกว่า ชั้นอยู่กลางแม่น้ำ พอถามว่าไปทำอะไร สัญญาณก็ขาดหาย และทุกคนก็ได้โทรหา เนียด แต่ เนียด ไม่รับสายใครเลย ได้แค่ส่งหมุดมา ปรากฏว่า เหนียดอยู่กลางแม่น้ำ ส่วนสื่อกับนางงามอยู่ริมตลิ่ง บอกให้กลับมาก็ไม่กลับ

- ทุกวันนี้ก็ยังไม่ทราบเหตุผลว่า เหนียด ไปอยู่กลางแม่น้ำทำไม

- ส่วนเรือลำที่เห็นนั้น ที่พานางงามขึ้นไป บอสณวัฒน์เป็นคนหามาเอง เราแก้ผ้าเอาหน้ารอดไปก่อน เพราะนางงามกับสื่อรออยู่ริมตลิ่ง สุดท้ายก็หาเรือมาและให้ทุกคนขึ้นเรือไปก่อน ส่วนบอสณวัฒน์หายไปจัดการเรื่องอาหาร

- สุดท้ายแล้ว เราก็นัดกับทีมผู้จัดฝั่งกัมพูชา มาคุยมาเคลียร์กันตอนประมาณ 5 ทุ่ม ในคืนนั้น กว่าเขาจะมาถึงก็ใช้เวลา 1 ชม. ประมาณเที่ยงคืน พอได้คุยก็จากหน้ามือเป็นหลังตีน จากคนที่ดูเหมือนจะพูดรู้เรื่อง เขามาเป็นทีมล้อมหน้าล้อมหลัง และมีบอดี้การ์ดอีก 1 คน เราขอให้บอดี้การ์ดออกไป เพราะจะคุยเรื่องงาน แต่คู่ผัวเมียผู้จัดฝั่งกัมพูชา ก็ไม่อนุญาตให้ออกไป

...

- พอเราพูดข้อเท็จจริง เขาก็ชี้หน้าด่า พอการ์ดอารมณ์ขึ้น บอสก็อารมณ์ขึ้น จนกระทั่งฝั่งเรารู้สึกว่าอยู่กันไม่ได้แล้ว ถ้าจะมาคุกคามข่มเหงกัน ก็เลยสรุปว่า ก็ให้ทางผู้จัดทางนั้นเลือกมาว่า จะคุยกับเราดีๆ หรือจะเอาการ์ดไว้มั้ย เพราะขณะที่เรากำลังพูด การ์ดก็พูดแทรกขึ้นมาจนไม่รู้เรื่อง แถมยังกวนตีน หน้ามึน สรุปจบแค่นี้ คุยกันไม่รู้เรื่อง และยุติทุกอย่าง

- ก็แจ้งทางนั้นว่า หยุดทุกอย่าง เราจะกลับบ้าน ก็เดินออกจากวงล้อม จากนั้นฝั่งกัมพูชาก็โพสต์ บอกยุติการเป็น ND ของกัมพูชา ซึ่งความจริงแล้วคนที่มีสิทธิ์ยุติได้คือบริษัทใหญ่ ปีหน้าถ้าเขาจ่ายเงินแล้ว เราก็ฮุบเงินได้เลย

- วันรุ่งขึ้นก็ให้คนมาดักรอตามล็อบบี้โรงแรม เพื่อที่เวลานางงามลงมากินข้าว คอยวิ่งเข้าชาร์จและให้นางงามพูดขอบคุณ ชื่นชมการจัดงาน มันน่าเกลียดมาก จนเราต้องบอกให้ทีมงานของเราไปบอกนางงามว่าห้ามให้สัมภาษณ์กับทางฝั่งนั้น

- ทางผู้จัดกัมพูชา ได้ขึ้นไลฟ์สด พอเสร็จแล้ว ก็ปรบมือเฮฮา เลยเป็นที่มาว่าทำไม บอสณวัฒน์ถึงขึ้นไลฟ์ พอฝั่งนั้นไลฟ์เสร็จ ก็ได้ไปแจ้งล็อบบี้โรงแรมให้ยกเลิกห้อง เลยเป็นที่มาว่าทำไมนักข่าวถึงถูกเคาะห้องตอนเช้า เพราะเขาไม่ให้อยู่ต่อ อีกทั้งยังเลิกทั้งหมด โดยไม่มีการเหลียวแล เขาทำให้เสียชื่อประเทศ ละทิ้งโอกาส ละทิ้งทุกอย่าง ขาดความรับผิดชอบ

- ส่วนนางงาม ไม่ต้องบอก เพราะเขารู้อยู่ นางงามรู้ทุกอย่าง ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเขา เราอึดอัด ลำบากมาก ไม่มีอะไรที่ทำให้รู้สึกว่ามีความสุขของคนที่มาประกวด

- ส่วนที่มานางงามถอนตัว บอสณวัฒน์บอกว่า น้องอยากมา แต่ฝั่งนั้นเขาสั่งไม่ให้มา เป็นเรื่องปกติ เด็กจะไปสู้อะไรกับผู้ใหญ่ เรายังสู้ไม่ได้เลย เราถามน้องมิสแกรนด์กัมพูชาแล้ว แต่เขาสั่งไม่ให้มา

- วันนั้นที่เราจองตั๋วเครื่องบินกลับ หมดไปเป็นล้าน และทางทีมงานได้จองตั๋วเครื่องบินเป็นชื่อ มิสแกรนด์กัมพูชาด้วย แต่พอตอนเช้าเขาถูกสั่งไม่ให้มา

...

- เผยนางงามทุกคนบอบช้ำกันมาก เพราะตอนที่เดินทางถึงประเทศไทย ทุกคนร้องไห้กันหนักมาก น้ำตาซึม หลายคนพอมาถึงโรงแรมก็กรี๊ด เหมือนที่ผ่านมามันกดดันมาก

- อย่างมิสแกรนด์คอสตาริกา เขาก็มีคุณพ่อมาช่วยดูแลด้วย เพราะลูกเขาเป็นซึมเศร้า แต่ลูกเขาคิดว่าโอเค มาก็โอเค คิดว่าได้ แต่มาเจอความกดดันแบบนี้ เหมือนไม่มีใครดูแล อาการก็เลยแย่ลง ตอนนี้น้องมากรุงเทพแล้ว เพื่อว่าต้องการหมอ เราต้องคอยประคับประคองให้จิตใจเขาดีขึ้น ซึ่งเหตุผลเดียวคือ ได้รับการดูแลที่ย่ำแย่จากฝั่งองค์กร บริษัท HK7 จากของกัมพูชา และทีมงานจากฝั่งนั้น

- ไม่กลัวว่าจะเป็นปัญหาระดับประเทศ

- ขนาดยังไม่ออกจากประเทศเขา ยังมีคนมาติดต่อขอซื้อลิขสิทธิ์ต่อเลย

- เสียเงินไม่ว่า เสียหน้าไม่ได้ และชื่อเสียงเราหาง่าย ไม่ต้องกลัว

- ขอบคุณที่เราผ่านวิกฤติมาได้ และขอบคุณสปอนเซอร์ทุกคนที่มาช่วยเหลือ