ฟังความคิดจากที่อินกับภาพยนตร์ยอดมนุษย์ที่เพิ่งจะลาโรงหนังไปเมื่อไม่นานมานี้ ก็เจอเข้ากับตัวกับยอดมนุษย์ในชีวิตจริง กับผู้ชายคนนี้นามว่า “ริชาร์ด บราวนิ่ง” หลายคนอาจไม่รู้จักว่าเขาคือใคร แต่ถ้าคุณได้ฟังกิตติศัพท์และวิธีการคิดของเขา คุณจะทึ่งจนต้องเสิร์ชหาชื่อใน Google เลยก็ว่าได้ เพราะเขาได้ทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้ ทำสิ่งที่คนอื่นมองว่าบ้า สุดท้าธรรมชาติ และเขาทำมันได้สำเร็จ
ริชาร์ด รับสมญานามว่า IRON MAN In Real Life จากการสร้างสถิติในกินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ดส์ สวมชุดสูทบิน เหินเวหาด้วยความเร็วสูงถึง 51.53 กิโลเมตรต่อ ชม. ด้วยการติดตั้งด้วยเครื่องกลจักรใบพัดหมุนใช้ผลิตกำลังโดยอาศัยพลังงานจากน้ำมันก๊าดจำนวน 6 เครื่อง ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง ไม่มีการใช้รีโมตคอนโทรลในการบังคับควบคุมชุดดังกล่าวแต่อย่างใด แน่นอนตอนนี้คุณจะเกิดคำถามขึ้นมาว่า เขาทำไปเพื่ออะไร แล้วคุณอยากรู้ไหมว่าถ้าคุณได้บินด้วยตัวเองบนอากาศมันรู้สึกอย่างไร ไทยรัฐทอล์ค มาพร้อมคำตอบ
ทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ กลายเป็นสิ่งที่เป็นไปได้
แรงบันดาลใจในการสร้างชุดเจ็ตสูทนี้ จริงๆ แล้วก็คือการหาอะไรสนุกๆ ทำ เพื่อที่จะพิสูจน์ว่าเราอาจทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้ แนวคิดก็คือการผสานความคิดของมนุษย์จากมุมมองที่เป็นกลางเข้ากับร่างกายจากมุมมองของการบิน และเพิ่มเติมเทคโนโลยีที่เหมาะสมลงไป เพื่อลองดูว่ามันจะทำให้เราบินได้จริงไหม เราสนุกกับมันมาก และเราได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่าชุดนี้ทำให้เราบินได้จริงๆ
หลังจากที่เราตระหนักว่ามันสามารถทำอย่างที่เราคิดไว้ได้จริงๆ วัตถุประสงค์ของมันก็กลายเป็นเรื่องของความบันเทิงเป็นหลัก ถ้าคุณใส่ชุดเจ็ตสูทที่มีกำลังขับเคลื่อนขนาด 1,000 แรงม้าบินโชว์เหนือแม่น้ำขนาดใหญ่ต่อหน้าฝูงชน แล้วทำให้ดูเหมือนยอดมนุษย์มาร์เวลที่สร้างขึ้นมาจากคอมพิวเตอร์กราฟิก คนดูก็จะยิ่งอินใช่มั้ยล่ะ แล้วเราก็จะทำให้มันเจ๋งขึ้นไปอีกด้วยการแข่งขันที่ผู้เข้าร่วมแข่งขันทั้งชายและหญิงที่มีความสนใจในด้านกีฬาที่แตกต่างกันออกไปมารวมตัวกันและบินแข่งกันเหนือน้ำ
...
เลือดนักบินเข้มข้น
ผมมาจากครอบครัวที่มีความสนใจในเรื่องของการบิน จริงๆ แล้วผมคิดว่าแรงบันดาลใจหลักๆ ในการพัฒนาชุดเจ็ตสูทนี้ก็มาจากพื้นฐานของครอบครัวผมนี่แหละครับ ตอนแรกๆ ก็มีเเค่เพื่อนไม่กี่คนกับครอบครัวที่รู้เรื่องนี้ และให้ความช่วยเหลือผม ผมไม่รู้ว่ามันจะเป็นไปได้รึเปล่า เวลาคุณมีความคิดอะไรแปลกๆ ขึ้นมา ถ้ามันทำไม่ได้ มันก็เป็นได้แค่ความคิดแปลกๆ นั่นแหละ แต่ถ้าเกิดทำได้ขึ้นมา มันก็เรียกความสนใจคนได้ทั้งโลกเลยนะ ผมคิดว่าครอบครัวของผมมีความอดทนสูงมากที่ยอมให้ผมใช้เวลาในการพัฒนาชุดนี้แบบเต็มที่ และผมคิดว่าพวกเขารู้สึกยินดีกับผมที่ได้ผลตอบรับที่ดีจากคนทั้งโลกกับงานอีเวนต์ 79 งานที่จัดขึ้นใน 25 ประเทศ มันเสี่ยงเหมือนกันนะที่จะต้องเสียเวลาไปเปล่าๆ โดยที่อาจจะไม่ได้อะไรเลย
‘ไม่กลัวความเสี่ยง’ หลักของความสำเร็จ
หลักความสำเร็จของเราก็คือ อย่ากลัวที่จะเสี่ยง ลองดูหลายๆ วิธีกับหลายๆ อย่าง ตราบใดที่เรามีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน ถ้าหากมันผิดพลาดขึ้นมา มันก็ไม่ได้ทำให้ใครบาดเจ็บหรือเดือดร้อน มันไม่ได้ทำให้เสียชื่อเสียง ไม่ได้ทำให้ใครไม่พอใจ หรือถูกจับ แล้วก็ไม่ได้ทำให้คุณหมดตัว นี่คือสิ่งที่ทำให้เราพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว
ก่อนที่จะบินครั้งแรก มันก็มีอยู่บ้างนะความคิดที่แบบว่ามันจะไปรอดมั้ย แต่ก็เป็นเรื่องที่ดีสำหรับนวัตกรหรือนักธุรกิจ ที่จะตั้งคำถาม หรือท้าทายตัวเองในช่วงเวลาที่กำลังติดขัด หรือไม่เกิดผลอย่างที่ตั้งใจ คุณอาจจะต้องกลับมาตั้งหลักใหม่ หรือลองวิธีอื่น แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะอธิบาย ตอนนี้ธุรกิจของเรากำลังไปได้สวย เรามีรายได้กว่า 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งผมไม่เคยรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ผมทำเลยแม้แต่นิดเดียว
ย้อนมาช่วงที่ผมเริ่มทำชุดในเดือนมีนาคม 2016 แล้วก็ทำให้มันบินได้ในช่วงพฤศจิกายน 2016 แล้วในช่วงหน้าหนาวก็วางแผนเปิดตัวบริษัท Gravity Industries เราเปิดตัวบริษัทในเดือนเมษายน 2017 หรือเมื่อ 2 ปีที่แล้วนี่เอง และในช่วงเวลาเพียง 2 ปี บริษัทของเราเติบโตขึ้นอย่างมาก และเทคโนโลยีต่างๆ ก็พัฒนาไปอย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน
ประสบการณ์บินครั้งแรก
การบินครั้งแรกเป็นอะไรที่พิเศษมากสำหรับผม เราถ่ายคลิปสั้นๆ เอาไว้ด้วย เราทดลองบินที่ฟาร์มในอังกฤษที่ผมใช้เป็นสถานที่พัฒนาชุดนั่นแหละ ตอนนั้นผมบินได้ต่อเนื่อง 6 วินาที ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของเราหลังจากที่ล้มเหลวมานับครั้งไม่ถ้วน
มันเป็นช่วงเวลาที่สำคัญมาก ตอนนั้นมีเครื่องยนต์ที่แขนข้างละ 2 เครื่อง และที่ขาอีกข้างละ 1 เครื่อง ผมพยายามรักษาสมดุลของแขนขาทั้ง 4 ข้าง แล้วก็พยายามควบคุมตัวเองให้นิ่งที่สุด ใจเย็นที่สุด ไม่ลอยสูงเกินไป พยายามไม่ตื่นตกใจ แล้วก็ลงจอด ผมจำได้ว่าตอนนั้นผมรู้สึกเหมือนตัวเองกลั้นหายอยู่นาน จนในที่สุดก็ลงจอดบนพื้น แล้วก็แบบ โอ้ พระเจ้า เราทำได้แล้ว! จากจุดนั้นเรามั่นใจเเล้วว่ามันเป็นไปได้ เพียงแต่เราต้องพัฒนาให้มันดีขึ้นกว่าเดิม
เล่าความรู้สึก “บินได้มันเหมือนอยู่ในความฝัน”
คุณเห็นผมบินไปแล้ว คุณคงเห็นว่ามันเสียงดัง แล้วก็ฟังดูวุ่นวายมากเลยใช่มั้ยล่ะ แต่เวลาคุณอยู่ในชุดนั้นน่ะ มันจะเงียบสงบมาก เหมือนคุณอยู่ในจุดศูนย์กลางเฮอริเคนแบบนั้นเลย
มันรู้สึกแบบลอยอยู่เฉยๆ นิ่มๆ ไม่มีอะไรน่ากลัวกับการบินไปรอบๆ มันเหมือนคุณกำลังอยู่ในความฝัน ถ้าคุณไม่คิดถึงเรื่องเครื่องยนต์จะพัง ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่มันจะพัง แล้วอยู่ดีๆ คุณก็ตกไปในน้ำ แล้วเสื้อชูชีพก็เด้งขึ้นมา ถ้าคุณลองลืมเรื่องพวกนั้นไปซะ มันก็จะเหมือนกับที่คุณฝันว่าบินได้ เหมือนตอนเด็กๆ ที่จินตนาการว่าคุณสามารถลอยไปไหนมาไหนได้ อะไรแบบนั้น ประมาณว่าอยากจะไปตรงนั้น แล้วก็ไปได้เลย มันสนุกดีนะ
...
เลียนแบบ Iron Man?
จริงๆ แล้ว ผมไม่ได้ตั้งใจจะสร้างชุดไอรอนแมนนะ แต่พอมันพัฒนาไปเรื่อยๆ มันยิ่งเหมือน แต่เราพัฒนามันในเชิงพาณิชย์ มันไม่เป็นอันตราย ถือเป็นเรื่องที่ดีที่ผู้คนรู้จักและให้ความสนใจ เพราะเราทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนเราเป็นไอรอนแมน เราพยายามที่จะไม่พูดว่ามันคือชุดไอรอนแมนนะ ชุดไอรอนแมนจริงๆ ในหนังมันเจ๋งกว่าชุดที่เราทำเยอะมากๆ เราแค่ทำให้ใกล้เคียงเท่านั้นเอง แต่มันก็เป็นเรื่องดีนะที่คนเปรียบเทียบชุดเรากับไอรอนแมน
ใครๆ ก็บินได้
เราขายชุดเจ็ตสูทไป 2-3 ชุดแล้ว แต่เราไม่ได้เอายอดขายเป็นจุดสำคัญนะ มันก็คล้ายๆ กับการขายรถฟอร์มูล่าวัน ที่อาจทำให้คุณผิดหวังได้ง่ายๆ เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนจำเป็นต้องมี
สิ่งที่เราทำในตอนนี้คือ เชิญชวนคนที่สนใจมาลองบินในชุดเจ็ตสูทของเรา ตอนที่คุณอยู่ในชุด คุณจะรู้สึกถึงเครื่องยนต์ที่ค่อยๆ เร่งขึ้นแบบเบาๆ แล้วคุณจะรู้สึกว่าจริงๆ แล้วเครื่องยนต์ในชุดนี้มันนุ่มนวลมาก
จากนั้นมันก็จะค่อยๆ เพิ่มระดับความแรงขึ้น ตามที่บันทึกไว้คือ 4 นาที ที่คนเราเริ่มพยุงตัวอยู่บนชุดได้ โดยส่วนใหญ่เราใช้เวลาฝึกให้ชินกับชุดประมาณ 10-15 นาที ถึงจะขายให้ ชุดสุดท้ายที่ขายไปราคา 440,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 14 ล้านบาท) ผมว่ามันจะสนุกกว่านะถ้าผู้สนับสนุนทีมชุดเจ็ตสูท แล้วก็มีตัวแทน ทั้งชายและหญิงจากเมืองต่างๆ อาจจะเป็นจากกรุงเทพฯ หรือจากประเทศอื่นก็ได้ แล้วก็ตัวแทนเหล่านั้นมาเเข่งกันเหมือนการแข่งขันรถฟอร์มูล่าวัน แต่เป็นการแข่งขันบินในชุดเจ็ตสูทเหนือน้ำตามหัวเมืองต่างๆ ผมว่ามันต้องสนุกแน่ๆ
ไม่ไกลเกินฝันกับการออกบินไปซื้อกับข้าวข้างบ้าน
คุณจะบินไปซุปเปอร์มาร์เก็ตก็ได้ ซื้อของมานิดหน่อยแล้วก็บินกลับมา ผมแค่คิดว่ามันจะเหมือนขับรถฟอร์มูล่าวันไปตลาดมั้ยล่ะ คือจะบินไปก็ได้ แต่มันคงจะเว่อร์ไปหน่อยและสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ แต่นี่คือก้าวแรกไปสู่อนาคตที่เราจะทำให้มันเงียบขึ้น มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม ควบคุมได้ง่ายขึ้น แต่เราไปบินมาแล้วหลายที่ แต่ก็ยังมีสถานที่ที่น่าสนใจทั่วโลกอีกมากมายที่เรายังไม่เคยไป
...